ทำไมตัวร้อนแต่ไม่ได้เป็นไข้

อาการร้อนในตัวแต่ไม่มีไข้เกิดจากอะไร

บางที…ตัวมันก็ร้อนๆ ข้างใน แต่ไม่มีไข้… เคยเป็นไหม

มันเหมือนใจมันสั่นๆ อ่ะ ไม่รู้สิ…

• เครียด: บางทีเรื่องในหัวมันเยอะไป เครียดจนตัวมันร้อน
• กังวล: คิดมาก…คิดถึงเรื่องที่ยังไม่เกิด มันทำให้ใจเต้นแรง ตัวก็ร้อนขึ้นมาเฉยๆ
• แฮงค์: ดื่มเยอะไปหน่อยเมื่อคืน…ตื่นมาก็ร้อนๆ หัว
• กาแฟ: กินกาแฟเยอะไป…ใจมันสั่น พาลให้ตัวร้อน
• เผ็ด: กินเผ็ดมากไป…มันก็ร้อนตั้งแต่ปากยันข้างใน
• ออกกำลัง: ออกกำลังกายหนักๆ กลางแดด…ตัวมันก็ต้องร้อนเป็นธรรมดา
• ของร้อน: กินอะไรร้อนๆ เข้าไป…มันก็ร้อนไปทั้งตัว

มันก็แค่นี้แหละมั้ง…บางทีก็ไม่ได้มีอะไร… แค่ร่างกายมันบอกว่า “เฮ้ย! ใจเย็นๆ หน่อย”

ข้อมูลเพิ่มเติม: อาการเหล่านี้มักหายได้เองเมื่อพักผ่อน และหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้น แต่ถ้าเป็นบ่อยๆ หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย ควรปรึกษาหมอ

อาการร้อนในร่างกายเกิดจากอะไร

โอ๊ย! ร้อนในนี่มันตัวร้ายกาจชัดๆ! เหมือนมีกองไฟสุมอยู่ในร่างนี่แหละ ว่าแต่ทำไมมันถึงเกิดได้นะ? ฟังทางนี้เด้อพี่น้อง!

• ฮอร์โมนแปรปรวน: พวกฮอร์โมนนี่ตัวดีเลย! โดยเฉพาะตอนเมนส์มา หรือวัยทองเนี่ย ตัวป่วนสุดๆ! มันเล่นตลกกับอุณหภูมิร่างกายเราไงล่ะ
• โรคประจำตัว: เบาหวาน ความอ้วน นี่ก็ตัวแสบ! มันทำให้ระบบเผาผลาญรวนไปหมด ร่างกายเลยร้อนๆ หนาวๆ เหมือนคนเป็นไข้
• ระบบเผาผลาญพัง: กินแต่ของทอด ของมัน แล้วไม่ออกกำลังกาย ระบบเผาผลาญมันก็เอ๋อแดกสิครับ! ทีนี้ร่างกายก็ร้อนเป็นไฟเลย

เพิ่มเติม (แบบบ้านๆ):

• กินของฤทธิ์ร้อน: ทุเรียน ลำไย นี่ก็ตัวดี! กินเข้าไปรับรอง ร้อนจนต้องร้องขอชีวิต!
• พักผ่อนน้อย: นอนน้อย นอนไม่พอ ร่างกายมันก็รวน! ร้อนในถามหาแน่นอน
• เครียด: เครียดมากๆ นี่ก็ไม่ดี! มันทำให้ร่างกายหลั่งสารอะไรไม่รู้ แล้วก็ร้อนในไปอีก!

คำเตือน: ถ้าอาการหนักหนาสาหัส กินยาอะไรก็ไม่หาย แนะนำให้ไปหาหมอเด้อ อย่ามัวแต่ทน! อาจจะมีอะไรร้ายแรงกว่าที่คิดก็ได้!

ดูยังไงว่าตัวเองไม่สบาย

อื้อหือ.. ถามแบบนี้ นี่เลยนะ ประสบการณ์ตรงจากตัวฉันเองปีนี้เลย! เดือนที่แล้วนี่แหละ แบบว่านอนไม่หลับเลย เป็นอาทิตย์ ทั้งๆ ที่เหนื่อยมากนะ แต่นอนไม่ลง ใจมันเต้นตุ๊บๆ แบบไม่ใช่แค่ตื่นเต้น มันรู้สึกไม่ปกติอะ เครียดด้วยมั้งงานเยอะ แต่ก็ไม่ใช่แค่เครียด มันหนักอกอึดอัด เหมือนมีอะไรมาทับอยู่ที่อกเลย

แล้วก็ปวดหัว บ่อยมาก ปวดแบบตุ๊บๆ ไม่ใช่ปวดหัวธรรมดา กินยาแก้ปวดก็ไม่หาย นี่ขนาดกินยาพาราเซตามอล เยอะกว่าปกติ ยังไม่หายเลย! นี่เลยรีบไปหาหมอ ตรวจเลือด หมดไปเป็นพัน สุดท้ายหมอบอกว่าเครียด พักผ่อนน้อย ให้กินยาคลายเครียด กับวิตามิน แล้วก็ให้พักผ่อน แต่ก็ไม่หายขาดนะ ยังปวดหัวเป็นบางครั้งอยู่

เรื่องระบบขับถ่ายนี่ ก็ไม่ปกติเหมือนกัน ท้องเสียบ้าง ท้องผูกบ้าง สลับกันไป แบบว่า เช้าก็ท้องเสีย เย็นก็ท้องผูก มันไม่สม่ำเสมอเลย นี่กังวลมากว่าเป็นโรคอะไรหรือเปล่า แล้วก็เบื่ออาหาร กินอะไรก็ไม่อร่อย กินได้น้อยลง น้ำหนักลดไปหลายโล เหนื่อยง่ายมาก เดินขึ้นบันไดแค่สองสามขั้นก็เหนื่อยแล้ว แบบนี้ไม่ไหวแน่ๆ

อ้อ อีกอย่างที่สังเกตได้ คือปัสสาวะบ่อยขึ้น แล้วก็สีแปลกๆด้วย เหมือนสีเข้มๆ นี่เลยไปหาหมออีก หมอตรวจปัสสาวะ แล้วก็บอกว่าต้องสังเกตอาการ ถ้าเป็นหนักขึ้นต้องมาหาหมออีก เรื่องเลือดออกผิดปกติ อันนี้ไม่มีนะ แต่ที่กังวลคือ รู้สึกว่าตัวเองอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น เหมือนร่างกายมันทรุดโทรมลงอะ

• นอนไม่หลับ (นานกว่า 1 สัปดาห์)
• ปวดหัวบ่อย (กินยาแก้ปวดไม่หาย)
• ระบบขับถ่ายผิดปกติ (ท้องเสีย/ท้องผูก สลับกัน)
• เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
• เหนื่อยง่ายมาก
• ปัสสาวะบ่อยขึ้น สีเข้มผิดปกติ
• ไม่มีอาการเลือดออกผิดปกติ

สรุปคือ ลองสังเกตตัวเองให้ดี ถ้ามีอาการแปลกๆ หลายอย่างพร้อมกัน อย่าชะล่าใจ ไปหาหมอตรวจดีกว่า อย่าปล่อยไว้นาน เสียเงินหน่อย แต่ได้ความสบายใจ ดีกว่าปล่อยจนเป็นโรคร้ายแรง นะ หมอตรวจแล้วบอกไม่เป็นอะไร ก็สบายใจ แต่ถ้าตรวจแล้วพบว่าเป็นโรค ก็รักษาได้ทันท่วงที ปลอดภัยกว่าเยอะ

อาการไม่สบายตัวเกิดจากอะไร

โอ๊ยตาย! รู้สึกไม่สบายตัว อ่อนเพลียเนี่ยนะ! สาเหตุมีตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยไปจนถึงเรื่องใหญ่โต เหมือนกับการเลือกซื้อแตงโมอ่ะ บางลูกสวยแต่ข้างในเน่า บางลูกดูธรรมดาแต่หวานฉ่ำ!

• นอนน้อยกว่าหมา! นี่แหละตัวดี! สมัยก่อนผมนอนน้อยกว่าหมา ตื่นเช้ามาหน้าเหมือนผีดิบ โทรมกว่าแม่ค้าตลาดตอนเที่ยงคืนอีก! ลองนอนให้ครบ 7-8 ชั่วโมงดูซิ ชีวิตจะเปลี่ยน! เหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์เลย!

• ลำไส้บ้าคลั่ง! กินของไม่สะอาดนี่ตัวดีเลย! ปีนี้เจอเพื่อนผมคนนึง ไปกินปิ้งย่างริมทาง อาหารทะเลไม่สุก ผลคือ นอนโรงพยาบาลไปหลายวัน ท้องเสียจนร้องไห้ ซู๊ดเลยครับ! ลำไส้อักเสบคือเรื่องใหญ่ อย่าประมาท!

• ไวรัสตัวร้าย! ปีนี้ไวรัสเล่นงานหนักมาก! ครั่นเนื้อครั่นตัว ไข้ขึ้น เหมือนโดนผีเข้าเลย ต้องระวัง! ล้างมือบ่อยๆ ใส่แมสก์ อย่าไปใกล้คนป่วย เหมือนหลบหนีสงครามเลยครับ!

เอาเป็นว่า ถ้าไม่สบายอย่าประมาท ไปหาหมอเถอะครับ! อย่ารอให้เป็นหนัก เหมือนกับรอให้แตงโมเน่าถึงค่อยกิน อันตรายนะ! ไปหาหมอเถอะครับ! จริงๆนะ!

ข้อมูลเพิ่มเติม (ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น) : ควรปรึกษาแพทย์หากอาการไม่สบายตัวอย่างต่อเนื่อง อย่าพึ่งยาแก้ปวดหรือยารักษาโรคเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ การวินิจฉัยโรคต้องอาศัยการตรวจร่างกายและการตรวจทางห้องปฏิบัติการ อย่าลืมว่า สุขภาพคือสิ่งสำคัญที่สุด! ดูแลตัวเองดีๆนะ!

เป็นไข้ดูยังไง

เป็นไข้ดูยังไงเหรอ? เอาจริงนะ ตอนเด็กๆ แม่จับหน้าผากก็รู้ละ แต่ตอนนี้ต้องพึ่งปรอทวัดไข้ดิจิทัลอย่างเดียวเลย 🌡️

อาการชัดๆ ที่บอกว่า “เฮ้ย แกเป็นไข้แล้วนะ!” สำหรับฉันปี 2567 คือ…

• หน้าแดง: แก้มจะแดงก่ำๆ เหมือนไปตากแดดมาทั้งวัน ทั้งที่นั่งทำงานในห้องแอร์
• ตัวรุมๆ: อันนี้ชัดเจน จับแขนตัวเองก็รู้สึกได้ว่ามันร้อนกว่าปกติ
• ปวดหัวตุบๆ: ไม่ใช่ปวดแบบไมเกรนนะ แต่เป็นปวดตื้อๆ เหมือนมีอะไรมากดทับ
• เพลียแบบไม่มีเหตุผล: เมื่อวานยังวิ่งเล่นกับหมาอยู่เลย วันนี้แค่นั่งพิมพ์งานก็หมดแรง
• ไม่อยากกินอะไร: ปกติเป็นคนกินเก่งมาก แต่พอเป็นไข้ แค่เห็นข้าวก็ส่ายหน้าแล้ว 🍚➡️ 🙅‍♀️
• ฉี่สีเข้ม: อันนี้สังเกตได้เลย ถ้าฉี่สีเหลืองเข้มผิดปกติ แถมปวดฉี่น้อยลงด้วย สงสัยไว้ก่อน

ถ้ามีอาการพวกนี้โผล่มาซัก 2-3 อย่างนะ รีบวัดอุณหภูมิด่วนๆ เลย! 🌡️ ถ้าเกิน 37.5 องศาเซลเซียส ก็เตรียมยาแก้ปวดลดไข้ได้เลยจ้า 💊

เพิ่มเติม:

• วัดไข้ยังไงให้ชัวร์: ที่บ้านใช้ปรอทวัดไข้ดิจิทัลแบบสอดรักแร้ เพราะง่ายและสะดวกสุดๆ แต่ต้องหนีบให้แน่นนะ ไม่งั้นค่าคลาดเคลื่อนเยอะ
• ไข้สูงอันตราย: ถ้าไข้สูงเกิน 39 องศาเซลเซียส แล้วกินยาลดไข้ก็ไม่ลง หรือมีอาการชัก ควรรีบไปหาหมอเลยนะ อย่ารอช้า! 🚑
• พักผ่อนสำคัญ: เป็นไข้ก็คือนอน! นอนเยอะๆ จิบน้ำบ่อยๆ ร่างกายจะได้ฟื้นตัวเร็วๆ 🛌💦

วัดไข้ยังไงถ้าไม่มีปรอท

วัดไข้แบบไร้ปรอท: ใช้เทอร์โมมิเตอร์ดิจิทัล หรือเทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรด

• เทอร์โมมิเตอร์ดิจิทัล: วัดทางปาก, รักแร้ หรือทวารหนัก ได้ผลแม่นยำ ใช้เวลาไม่นาน ซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายยา

• เทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรด: วัดได้ทั้งทางหู, หน้าผาก, หรือ ไร้สัมผัส (วัดจากระยะไกล) รวดเร็ว แต่ความแม่นยำอาจขึ้นกับรุ่นและการใช้งาน ราคาสูงกว่าแบบดิจิทัลเล็กน้อย

วิธีวัดไข้ทางหน้าผาก (แบบใช้เทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรด): ทำความสะอาดหน้าผากก่อน วางเซ็นเซอร์ให้ตรงกลางหน้าผาก กดเบาๆ รอผล (ปี 2566 เทคโนโลยีนี้พัฒนาไปไกลมาก รุ่นใหม่แม่นยำขึ้น)

ข้อควรระวัง: ความแม่นยำของการวัดไข้ทางผิวหนังน้อยกว่าวิธีอื่น ควรใช้เทอร์โมมิเตอร์ที่ได้มาตรฐาน ถ้าไม่แน่ใจ ควรปรึกษาแพทย์

อาการของร่างกายที่ออกร้อนมีอะไรบ้าง

โอ๊ย ร้อน! ร้อนจริงๆ นะเนี่ย ไม่ใช่แค่แดดข้างนอกที่แผดเผา แต่รู้สึกว่าข้างในตัวมันก็ร้อนไปด้วย เหมือนมีเตาอบเล็กๆ อยู่ในท้องเลยอ่ะ

เมื่อวานตอนบ่ายสาม ไปเดินซื้อของที่ตลาดสดคลองเตยมา กลับมาบ้านปวดหัวตุ้บๆ เลย นึกว่าจะเป็นไมเกรนซะแล้ว นอกจากปวดหัวก็รู้สึกเหมือนหน้ามันแดงๆ ร้อนๆ ด้วยนะ แล้วปากก็แห้งมาก ต้องกินน้ำตลอดเวลา

คือปกติเป็นคนชอบกินน้ำเย็นอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้ยิ่งต้องกินเยอะเป็นพิเศษเลยอ่ะ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันไหม แต่รู้สึกว่าช่วงไหนที่กินน้ำน้อยๆ จะหงุดหงิดง่ายกว่าเดิมอีกนะ

แล้วที่สำคัญเลยคือสิว! ปกติไม่ค่อยมีสิวขึ้นนะ แต่พออากาศร้อนๆ ทีไร สิวผด สิวอักเสบ มาเต็มเลยจ้า ที่แก้มเอย ที่หน้าผากเอย แถมนอนไม่ค่อยหลับด้วยนะ พลิกไปพลิกมาทั้งคืน เซ็งสุดๆ

ตอนนี้เลยพยายามกินพวกแตงโม น้ำเขียวอะไรพวกนี้เยอะๆ หน่อย เผื่อจะช่วยดับร้อนในได้บ้าง

อาการที่ว่ามานี่นะ (ย้ำว่าจากความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ):

• ปวดหัว (โดยเฉพาะเวลาเจอแดดแรงๆ)
• หน้าแดงๆ ร้อนๆ (เหมือนคนเป็นไข้)
• ปากแห้ง คอแห้ง (กินน้ำเยอะก็ยังไม่หาย)
• สิวขึ้น (โดยเฉพาะสิวผด สิวอักเสบ)
• นอนไม่หลับ (พลิกไปพลิกมาทั้งคืน)
• หงุดหงิดง่าย (แบบไม่มีเหตุผล)
• อ่อนเพลีย (ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไร)

อาหารที่กินแล้วรู้สึกดีขึ้น (นิดหน่อย):

• แตงโม
• น้ำเขียว (เฮลส์บลูบอย)
• น้ำมะพร้าว

ข้อควรระวัง: ไม่ได้เป็นหมอ ไม่ได้มีความรู้ทางการแพทย์ แค่เล่าจากประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ ถ้าอาการหนักแนะนำให้ไปหาหมอดีกว่านะ!