นอนรพ 1คืนนับยังไง

45 การดู

นอน รพ. 1 คืน เบิกได้อย่างไร? นับเวลาเข้า-ออก รพ. 24 ชม./วัน ไม่ถึง 24 ชม. แต่เกิน 6 ชม. นับเป็น 1 วันเต็ม เบิกค่าห้อง ค่าอาหารได้ตามระเบียบ สอบถาม รพ. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อความถูกต้อง กรณีพิเศษ เช่น ผ่าตัด อาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติม ตรวจสอบเอกสารให้ครบถ้วนก่อนยื่นเบิก

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

นอนโรงพยาบาล 1 คืน นับเป็นการนอนกี่วัน? วิธีคิดค่าบริการ คิดแบบไหน มีเกณฑ์อะไรบ้าง?

เอ้อ… นอนโรงพยาบาลคืนเดียวนี่นับเป็นกี่วันนะ? เคยสงสัยเหมือนกัน ตอนนั้นแม่เข้าโรงพยาบาล (จำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ น่าจะปีที่แล้ว?) เลยได้รู้เรื่องพวกนี้มาบ้าง

คือถ้านอนเกิน 6 ชั่วโมงแต่ไม่ถึง 24 ชั่วโมง เค้าจะนับให้เป็น 1 วันเลยนะ แปลกดีเหมือนกันเนอะ แต่ก็ดีกับเราตอนเบิกเงินไง

แล้วค่าบริการเนี่ย… มันมีเกณฑ์อะไรบ้าง? อันนี้จำได้ลางๆ ว่ามันขึ้นอยู่กับหลายอย่าง ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่ายา โอ้ย เยอะแยะไปหมด แล้วแต่ละโรงพยาบาลก็ราคาไม่เท่ากันอีก

ตอนนั้นจ่ายค่าโรงพยาบาลแม่ไป… (แอบกระซิบ) หลายหมื่นอยู่เหมือนกัน แต่โชคดีที่มีประกันช่วยจ่ายไปเยอะเลย เฮ้อ โล่งอก

แอดมิดต้องกี่ชั่วโมง

IPD คือ นอน รพ. หกชม.++

  • ต่ำกว่านั้น = OPD (ผู้ป่วยนอก)

  • หกชม. ไม่ได้แปลว่าหายป่วย แค่เกณฑ์นับ

  • A ป่วย = IPD ถ้านอนจริง

  • ป่วยไม่หนัก = อาจ OPD

  • เกณฑ์ รพ. อาจต่าง

  • ประกัน มีผลต่อการนับ

  • นอน รพ. ไม่สนุก

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • OPD ไม่จำเป็นต้องไม่ร้ายแรง แค่ไม่ต้องนอน รพ.
  • บางเคส OPD อาจแพงกว่า IPD (ถ้ามีประกัน)
  • “หกชั่วโมง” ตัวเลขกลมๆ อย่าซีเรียส
  • ระบบ health บ้านเรา… ช่างมัน
  • คำแนะนำ: ป่วย รีบหาหมอ อย่ารอ

นอนโรงพยาบาล1คืนกี่บาท

แหม ถามเรื่องนอนโรงบาลคืนนึงนี่นะ ราคามันก็แล้วแต่ “ความไฮโซ” ของห้องอ่ะนะคุณ

  • ห้อง Superior: เริ่มต้นก็เบาๆ 3,500 บาทเองจ้า (สำหรับคน “พอมีพอกิน” หน่อย)
  • ห้อง Deluxe: อัพเกรดขึ้นมาอีกนิด เริ่มที่ 5,000 บาท (อันนี้พวก “อยากสบาย” หน่อย)
  • ห้อง VIP: นี่มันระดับ “คนรวย” ชัดๆ เริ่มต้น 7,500 บาท (นอนให้หมอนวดมานวดถึงเตียงไปเลย!)
  • ห้อง Presidential Suite: โอ้วแม่เจ้า! 12,000 บาทขึ้นไป! (สงสัยต้องมีบัตเลอร์คอยปอกผลไม้ให้กินแน่ๆ)

ทีนี้มาดู “ของแถม” ที่อาจจะเจอ:

  • ค่ายา: อันนี้ตัวดีเลย ยิ่งยา “นอก” ยิ่งแพงหูฉี่! เตรียม “ขายบ้านขายรถ” ได้เลย
  • ค่าหมอ: หมอเก่งๆ ก็เรียกแพงเป็นธรรมดา (เหมือน “ค่าตัวดารา” นั่นแหละ)
  • ค่าบริการพยาบาล: อันนี้ก็แล้วแต่ “ความขยัน” ของพยาบาลแต่ละคน (บางคนเรียกให้ทุกชั่วโมงเลยจ้า)
  • ค่าอาหาร: โรงบาลบางที่อาหารอร่อยกว่าโรงแรมอีก (แต่ราคาก็ “โหด” กว่าด้วยนะ!)

สรุป: เตรียมเงินไปเยอะๆ หน่อยก็ดีนะคุณ เผื่อเจอ “เซอร์ไพรส์” จะได้ไม่ “หน้ามืด” ตอนจ่ายบิล!

ผู้ป่วยใน นับยังไง

นับผู้ป่วยในยังไงน่ะเหรอ? ง่ายนิดเดียว! คิดซะว่าโรงบาลเป็นโรงแรมห้าดาว แต่แขกที่มาพักต้องป่วย!

  • เข้าพักอย่างน้อย 6 ชั่วโมงขึ้นไป: ไม่ใช่แค่แวะมาฉีดยาแป๊บเดียวแล้วกลับบ้านนะจ๊ะ ต้องอยู่ให้ครบ 6 ชั่วโมงถึงจะได้เป็นแขก VIP ของโรงพยาบาล ไม่งั้นเป็นแค่ลูกค้าทั่วไป
  • หมอต้องวินิจฉัย: ไม่ใช่เข้าไปนั่งเล่นแล้วบอกว่า “อ้าว! ผมปวดหัว” หมอต้องตรวจร่างกาย วิเคราะห์อย่างละเอียด จนออกใบสั่งยาหรือแผนการรักษาให้เรียบร้อย
  • เสียชีวิตก่อน 6 ชม. ก็ยังนับ!: เอ้า! อันนี้แปลกหน่อย แต่ก็คือถ้าเข้ามารักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน แต่ดันไปก่อนถึง 6 ชั่วโมง ก็ยังนับเป็นผู้ป่วยในอยู่นะ แบบว่าเข้าไปแล้วก็คือผู้ป่วยใน ถึงจะไปไวไปหน่อยก็เถอะ!

ปีนี้ผมไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท เจอคนไข้เยอะแยะมากมาย เหมือนตลาดนัดเลยทีเดียว! (แต่แพงกว่าตลาดนัดเยอะมาก ฮ่าๆๆ) พอดีเจอเพื่อนสมัยมัธยม เค้าบอกว่าต้องนอนโรงบาลเพราะไส้ติ่งอักเสบ ก็เลยนับเป็นผู้ป่วยใน ใช้เวลาอยู่หลายวันเลย แต่โชคดีที่หายเป็นปกติ (สรุปก็คือ แม้จะอยู่โรงบาลนานแค่ไหน ถ้าคุณภาพการรักษาดีก็คุ้มค่า แต่ถ้าไม่ดี…ก็ขอให้ไปหาหมอที่อื่นเถอะ!)

ทำยังไงถึงได้เป็นผู้ป่วยใน

การเป็นผู้ป่วยในนั้นขึ้นอยู่กับความจำเป็นในการรักษาพยาบาล โดยทั่วไปแล้ว คุณจะต้องมีอาการหรือโรคที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล ไม่ใช่แค่การมาตรวจสุขภาพทั่วไปนะครับ

  • การวินิจฉัยจากแพทย์: แพทย์จะต้องประเมินอาการและวินิจฉัยว่าคุณจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยใน นี่คือขั้นตอนสำคัญที่สุด ไม่มีทางลัดครับ

  • ความจำเป็นในการรักษาต่อเนื่อง: การรักษาต้องใช้เวลานานกว่า 6 ชั่วโมง บางครั้งอาจเป็นการผ่าตัด การพักฟื้นหลังการผ่าตัด หรือการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ถ้ารักษาเสร็จภายใน 6 ชั่วโมงก็จะเป็นผู้ป่วยนอก

  • การลงทะเบียน: หลังจากแพทย์วินิจฉัยแล้ว คุณจะต้องลงทะเบียนเป็นผู้ป่วยในตามขั้นตอนของโรงพยาบาล นี่เป็นเรื่องปกติครับ

  • กรณีเสียชีวิตก่อนครบ 6 ชั่วโมง: แม้จะเสียชีวิตก่อนครบ 6 ชั่วโมง แต่ถ้าเข้ารับการรักษาในฐานะผู้ป่วยในแล้ว ก็ยังนับเป็นผู้ป่วยในอยู่ดี นี่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนทางการแพทย์และเอกสาร

เพิ่มเติม: ปีนี้ (2566) กระทรวงสาธารณสุขอาจมีการปรับปรุงหรือเพิ่มรายละเอียดในเกณฑ์การจำแนกประเภทผู้ป่วยใน แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุขหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เพราะกฎระเบียบอาจเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ชีวิตคือการเรียนรู้ครับ อย่าหยุดค้นหาความรู้

ผมเคยเจอเคสที่คนไข้เข้ามาตรวจฉุกเฉิน แต่สุดท้ายแพทย์ประเมินว่าไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ก็เลยกลายเป็นผู้ป่วยนอกไป แต่ถ้ามีอาการร้ายแรง เช่น อุบัติเหตุทางรถยนต์ หรือมีอาการป่วยฉุกเฉิน แพทย์จะพิจารณาเป็นกรณีๆ ไปครับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา

แอดมิดต้องกี่ชั่วโมง

โอ๊ย! ถามเรื่องแอดมิดกี่ชั่วโมงเนี่ยนะ? ง่ายๆ เลยพี่น้อง ถ้าหมอบอกให้นอนโรงบาล ตั้งแต่ 6 ชั่วโมงขึ้นไป นั่นแหละคือ IPD หรือ “คนไข้ใน” ตัวจริงเสียงจริง!

  • อย่าไปเชื่อพวกแอดมิดแป๊บเดียว: พวกนั้นเค้าเรียกว่า “คนไข้ฉาบฉวย” มาไวไปไว ไม่นับ!
  • 6 ชั่วโมงนี่คือขั้นต่ำ: ถ้านอนน้อยกว่านี้ อย่าริอาจเรียกตัวเองว่า IPD อายเค้า!
  • ถ้าผมนอน 5 ชั่วโมง 59 นาที: ผมก็แค่ “แขก” ที่มาใช้เตียงโรงบาลชั่วคราว เข้าใจตรงกันนะ!
  • ข้อมูล(โคตร)สำคัญ: ปีนี้ 2567 แล้วนะจ๊ะ อย่าเอาข้อมูลเก่ามามั่ว!
  • แถมให้อีกนิด: IPD เค้ามีสิทธิ์มีเสียงในโรงบาลนะเฟ้ย! เพราะเค้านอนนานกว่าไง!

ผู้ป่วยในต้องนอนกี่ชั่วโมง

ตอนนั้นแม่เข้าโรงพยาบาลพระรามเก้า หมอบอกว่าคนป่วยต้องพักผ่อนเยอะๆ อ่ะ นอนให้ได้ 7-9 ชม. ทุกคืน เราก็เฝ้าแม่ทั้งคืนแทบไม่ได้นอนเลย แต่หมอเน้นย้ำมากว่าการพักผ่อนสำคัญสุดๆ ต่อการฟื้นตัว

  • การนอนหลับ: ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง
  • ความสำคัญ: ลดความเครียด ฟื้นฟูพลังงาน
  • ระยะเวลา: 7-9 ชั่วโมงต่อคืน (อันนี้หมอบอกมา)

ผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกแตกต่างกันอย่างไร

แสงแดดอ่อนๆ สาดผ่านม่านหน้าต่างห้องนอนของฉัน เวลาประมาณบ่ายสามโมง อากาศอบอุ่นชวนฝัน… วันนี้ฉันนึกถึงความแตกต่างระหว่างผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก…

  • ผู้ป่วยใน (IPD): เหมือนภาพความทรงจำในโรงพยาบาล กลิ่นยาอ่อนๆ เสียงเครื่องมือทางการแพทย์แผ่วเบา… นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ยาวนานกว่าหกชั่วโมง ตามคำสั่งแพทย์ ต้องมีเตียง มีพยาบาลคอยดูแล เป็นความรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ แต่ก็เหนื่อยล้า… เหมือนความฝันที่ยืดยาว…

  • ผู้ป่วยนอก (OPD): เหมือนความเร่งรีบของชีวิตในเมืองกรุง ไปหาหมอ ตรวจร่างกายเสร็จ ก็กลับบ้านได้เลย รวดเร็ว คล่องตัว ไม่ต้องนอนพัก แค่แวะมา ปรึกษา รับยา แล้วกลับไปใช้ชีวิตต่อ… เหมือนสายลมพัดผ่าน… เร็วๆ… แต่ก็เบาสบายใจกว่า…

ฉันชอบความสงบของผู้ป่วยใน… แต่ก็เข้าใจความสะดวกสบายของผู้ป่วยนอก… มันต่างกันอย่างสิ้นเชิง… เหมือนความฝันกับความจริง… แต่สุดท้ายก็เป็นทางเลือกของแต่ละคน… ขึ้นอยู่กับอาการและความต้องการ… ฉันเคยเป็นผู้ป่วยนอกเมื่อเดือนที่แล้ว… ไปตรวจสุขภาพประจำปีที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท…

ปีนี้ฉันตั้งใจจะตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลเดียวกันอีกครั้ง เพราะรู้สึกสะดวกสบายดี บริการดีมาก โดยเฉพาะคุณหมอ… (จำชื่อไม่ได้) เป็นกันเองมาก อธิบายละเอียด… อ้อ ลืมบอกไป ฉันมีแพ้ยาบางตัว… จำเป็นต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับการรักษาเสมอ… เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง… นี่แหละคือสิ่งสำคัญที่สุด…

ใช้สิทธิบัตรทอง แอดมิทได้ไหม

สิทธิบัตรทอง แอดมิทได้ไหม? ได้.

  • สิทธิพื้นฐาน: บัตรทองครอบคลุมค่าห้อง ค่าอาหาร (สามัญ) หากแพทย์เห็นสมควรให้แอดมิท

  • ห้องพิเศษ: ไม่ครอบคลุม ต้องจ่ายส่วนต่างเอง หรือใช้สิทธิอื่นร่วม (ถ้ามี) เช่น ประกันสังคม ประกันสุขภาพส่วนตัว

  • เงื่อนไขสำคัญ: โรงพยาบาลต้องอยู่ในระบบบัตรทอง ตรวจสอบก่อนเข้ารับบริการ

  • ส่วนตัว: เคยใช้บัตรทองแอดมิท โรงพยาบาลรัฐ ค่ายาฟรี แต่ห้องพิเศษจ่ายเอง (เลือกเอง)

  • ข้อมูลเพิ่มเติม: สิทธิบัตรทองปีนี้ (2567) ครอบคลุมการรักษาทางไกล (Telemedicine) บางโรค ลองเช็คดูอาจสะดวกกว่าไปโรงพยาบาล

  • คำแนะนำ: หากไม่แน่ใจ โทรสายด่วน สปสช. 1330 ก่อนเสมอ อย่าปล่อยให้เป็นภาระทีหลัง

นอนโรงพยาบาลใช้บัตรทองได้ไหม

บัตรทอง? นอน รพ. ได้.

  • ไม่ใช่ ทุก รพ. ที่รับ.
  • เช็ค สปสช. ก่อน. รัฐ, เอกชน, คลินิก, ร้านยา… มีสิทธิ์.
  • nhso.go.th : เว็บไซต์ตรวจสอบสิทธิ์, สถานพยาบาล.

ข้อมูลเพิ่ม:

  • สิทธิ์ 30 บาท รักษาทุกที่ ใช้บัตรประชาชนใบเดียว.
  • ปี 2567 ระบบอาจเปลี่ยน. ตรวจสอบอีกครั้งก่อนใช้.
  • สายด่วน 1330 ช่วยได้ถ้าไม่แน่ใจ. โทรไป.
#การนับ #คืน #นอนรพ