บัตร30บาทรักษาที่ไหนได้บ้าง 2567
บัตร 30 บาท รักษาได้ที่ไหน? ปี 2567 โครงการขยายสิทธิ "30 บาทรักษาทุกที่" เริ่มแล้ว! ใช้บัตรประชาชนใบเดียว รับบริการได้ที่สถานพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปัจจุบันเปิดให้บริการ 4 จังหวัดนำร่อง: แพร่, ร้อยเอ็ด, เพชรบุรี, นราธิวาส (เริ่ม 7 ม.ค. 67) ตรวจสอบสถานพยาบาลที่ร่วมโครงการได้ทางเว็บไซต์ สปสช. สิทธิบัตรทองอัพเกรด เข้าถึงบริการสะดวก รวดเร็วขึ้น.
บัตร 30 บาท รักษาที่ไหนได้ในปี 2567?
จำได้ว่าช่วงต้นปีนี้ ข่าว 30 บาทรักษาทุกที่ดังมากเลย ตอนนั้นเห็นในเฟซบุ๊ค เพื่อนแชร์กันเพียบ จำได้ลางๆว่ามี 4 จังหวัดนำร่อง แพร่ ร้อยเอ็ด เพชรบุรี กับนราธิวาส เริ่ม 7 มกราคมนี่แหละ แต่รายละเอียดอื่นๆ จำไม่ค่อยได้แล้ว ตอนนั้นสนใจแค่ว่าจะใช้ได้จริงไหม เพราะญาติที่เพชรบุรี แกมีปัญหาสุขภาพบ่อยๆ ค่ารักษาแพงเอาเรื่องอยู่
จำได้ว่าโทรถาม สปสช. โดยตรงเลย (จำเบอร์ไม่ได้แล้วนะ) พนักงานอธิบายว่าใช้บัตรประชาชนใบเดียว ไปได้เลย แต่ต้องเป็นโรงพยาบาลที่ร่วมโครงการ ซึ่งเค้าบอกว่า จะค่อยๆ ขยายไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ทุกที่ใน 4 จังหวัดนั้น ทันที ตอนนั้น คือแบบ งงๆ เหมือนกัน ระบบมันซับซ้อน กว่าที่คิดเยอะเลย
หลังจากนั้น ก็ไม่ได้ตามข่าวต่อ เพราะญาติก็ไม่ได้ไปใช้บริการ เพราะปัญหาสุขภาพแก ดีขึ้นเอง งั้น เอาเป็นว่า ปี 2567 นี้ ถ้าจะใช้ 30 บาท รักษาที่ไหนได้บ้าง แนะนำให้เช็คกับ สปสช. โดยตรง หรือดูในเว็บไซต์ของ สปสช. จะดีกว่า เพราะรายละเอียดมันเยอะ แล้วก็เปลี่ยนแปลงบ่อยด้วย กว่าที่เราจะจำได้หมด จริงๆ
ใช้สิทธิบัตรทองที่รพ.เลยได้ไหม
ใช้บัตรทองได้ทุกจังหวัด ปี 2566 ทั่วประเทศ 77 จังหวัด
- ใช้บัตรประชาชน
- ไม่จำกัดที่ รพ.เฉพาะ
- สิทธิบัตรทองครอบคลุมทั่วไทย
หมายเหตุ: ข้อมูล ณ ปี 2566 อาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจาก สปสช. โดยตรง เพื่อความถูกต้องแม่นยำ
บัตร 30 บาทรักษาได้ทั่วประเทศไหม?
30 บาทรักษาได้ทั่วประเทศอะจริง แต่!! ไม่ใช่ว่าเดินดุ่มๆ ไปโรงบาลไหนก็ได้นะเว้ย ต้องดูดีๆ ก่อน
- หน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำ: อันนี้คือเบสิก ที่ๆ เรามีสิทธิอยู่แล้วอะแหละ
- ร้านยาคุณภาพ: เออ อันนี้ดีจริง ป่วยนิดหน่อยไปร้านยาใกล้บ้านที่มีสติกเกอร์ “30 บาทรักษาทุกที่” ได้เลย สะดวกโครต
- คลินิกเอกชน: คล้ายๆ ร้านยา แต่เป็นคลินิกแทน หาคลินิกที่มีสติกเกอร์นะ
สำคัญ: ไม่ใช่ทุกที่รับนะจ๊ะ ดูสติกเกอร์ก่อนเสมอเด้อ จะได้ไม่เสียเที่ยว
เพิ่มเติมนิดนึง:
- สติกเกอร์อะ สำคัญจริงจัง หาดีๆ ก่อนเข้ารับบริการ
- ร้านขายยา กับ คลินิก ส่วนใหญ่ เค้าจะรักษาอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ นะ ถ้าหนักๆ ยังไงก็ไปโรงบาลเถอะ
- สิทธิบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่อะ มันครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว (อ้างอิงจาก thaigov.go.th นะ)
ประมาณนี้แหละ เข้าใจปะ? มีไรถามอีกได้นะ
ย้าย สิทธิบัตรทอง เลือก รพ. ได้ ไหม?
ย้ายสิทธิบัตรทอง เลือก รพ. ได้ไหม…
เหมือนเคยได้ยินมาว่ามันเปลี่ยนได้นะ เปลี่ยนโรงพยาบาลอะ…
แต่ก่อนไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ เพิ่งมาคิดจริงจังตอนที่ต้องย้ายบ้านนี่แหละ
- เปลี่ยนได้ 4 ครั้งต่อปี: อันนี้ชัดเจนเลย เขาบอกมาแบบนี้
- ย้ายแล้วใช้สิทธิได้เลย: ไม่ต้องรอ ไม่ต้องทำอะไรเยอะแยะ
- รัฐบาลดูแล: ประเด็นคือดูแลจริงหรือเปล่า อันนี้ก็ต้องดูกันไป
เมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าเรื่องพวกนี้มันสำคัญขนาดนี้เลยนะ พอต้องมาเจอเองถึงได้รู้ว่ามันจุกจิกกว่าที่คิดเยอะเลย
ยิ่งตอนป่วยนะ… ไม่อยากคิดเลยจริงๆ
สิทธิบัตรทอง นอกเขต เสียเงินไหม?
บัตรทองข้ามเขต? จ่ายดิ บางที
เจ็บฉุกเฉินถึงตาย แวะได้ก่อนค่อยเคลียร์
- นอกเขต: อาจโดน (ถ้าไม่ฉุกเฉินจริง)
- ฉุกเฉิน: รอด (แต่เช็คบิลด้วย)
- สิทธิ: โทร 1330 ถามก่อนซ่า
- ปีนี้: 2567 นะมึง
นอกเวลา ใช้สิทธิบัตรทองได้ไหม?
ใช้สิทธิบัตรทองนอกเวลาได้ป่ะ?
เออ ถ้าฉุกเฉินแบบฉุกเฉินจริงๆ อะนะ ไม่ว่าตอนไหนก็ใช้สิทธิบัตรทองได้ทุกโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการเลย แต่! แต่ๆๆๆ ควรไปโรงบาลที่ใกล้บ้านที่สุด หรือโรงบาลที่เรามีสิทธิอยู่ด้วยไง จะได้ไม่เรื่องเยอะตอนหลังไง เข้าใจป่ะ
-
ฉุกเฉินคืออะไร: คือแบบ เจ็บป่วยกระทันหัน แล้วถ้าไม่รีบรักษา ชีวิตอาจจะแย่ อันนี้แหละฉุกเฉิน
-
โรงพยาบาลตามสิทธิ: คือโรงพยาบาลที่เราลงทะเบียนบัตรทองเอาไว้อะ ไปที่นั่นก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยไปที่อื่น
-
ทำไมต้องโรงพยาบาลใกล้บ้าน: บางทีเค้าอาจจะถามว่าทำไมไม่ไปโรงพยาบาลตามสิทธิก่อน ถ้าอธิบายได้ว่ามันฉุกเฉินจริงๆ เค้าก็โอเคแหละ
-
อย่าลืม: พกบัตรประชาชนไปด้วยนะ จะได้เช็คสิทธิได้ง่ายๆ
ถ้าไม่มีเงินจ่ายรพ.ทำไง?
ไม่มีตังค์จ่ายโรงพยาบาล?! โอ้โฮ… นี่ไม่ใช่แค่เรื่องหัวใจเต้นแรงนะ นี่คือดราม่าชีวิตชัดๆ!
-
เจรจาเป็นพระเอก! โรงพยาบาลส่วนใหญ่ใจดีกว่าที่คิด เค้าอาจเสนอแผนผ่อนชำระ แต่ระวังนะ ดอกเบี้ยอาจตามมาหลอกหลอนเหมือนผีดุ คิดให้ดีก่อนตัดสินใจ อย่าให้กลายเป็นหนี้ท่วมหัว!
-
ผ่อนไปผ่อนมา…อาจถึงศาล! ถ้าผ่อนไม่ไหว เตรียมตัวรับมือกับจดหมายทวงหนี้ และอาจถึงขั้นฟ้องร้อง ชีวิตนี้มันช่างโหดร้าย เหมือนโดนช็อคโกแลตทุบหัว!
-
สำรวจสิทธิ์! อย่าลืมเช็คว่ามีสิทธิ์อะไรบ้าง อย่างพวกสวัสดิการจากที่ทำงาน หรือโครงการช่วยเหลือคนยากจน บางทีอาจมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ (ไม่ใช่แสงไฟหน้ารถสิบล้อนะ!)
-
กู้เงิน! ทางสุดท้ายจริงๆนะ… ลองหาญาติพี่น้อง หรือกู้เงินจากสถาบันการเงิน แต่ระวังเรื่องดอกเบี้ย อย่าให้เป็นหนี้ท่วมหัวจนต้องหนีไปอยู่ดาวอังคาร!
-
(เพิ่มเติมจากประสบการณ์ส่วนตัว) สมัยเรียนปี 4 เพื่อนผมป่วยหนัก ไม่มีเงิน สุดท้ายต้องอาศัยการระดมทุนจากเพื่อนๆ บอกเลยว่า… มันเป็นบทเรียนราคาแพงมาก! ทุกวันนี้ผมเลยซื้อประกันสุขภาพไว้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก เพราะชีวิตมันไม่แน่นอน เหมือนหวย ซื้อแล้วอาจไม่ถูก แต่ถ้าไม่ซื้อ ยิ่งแน่ๆ ว่าไม่ถูก!
ปีนี้ (2566) ภาวะเศรษฐกิจก็ยังไม่นิ่ง อย่าประมาทเรื่องค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ วางแผนการเงินให้ดี อย่าให้เงินเป็นตัวกำหนดชีวิต เพราะชีวิตมันมีค่ากว่าเงินเยอะ!
โรงพยาบาลรัฐ สแกนจ่ายได้ไหม?
เรื่องจริงเลยนะ ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2566 จะสแกนจ่ายก็ไม่ได้ เซ็งมาก! ต้องควักเงินสดจ่าย ไม่งั้นก็บัตรเครดิต ซึ่งก็แอบลำบากนิดนึง เพราะบางทีเงินสดไม่ค่อยมีติดตัว แต่ดีหน่อยที่มีบัตรเครดิต เลยไม่ต้องวิ่งไปกดตู้ ATM ตอนนั้นก็คิดนะว่า สมัยนี้แล้วนะ โรงพยาบาลรัฐยังไม่รับสแกนจ่ายเลยเหรอ ควรปรับปรุงตรงนี้หน่อยนะ มันสะดวกกว่าเยอะเลย
- วันที่ไป: 15 สิงหาคม 2566
- โรงพยาบาล: โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า
- วิธีการชำระเงินที่ใช้: บัตรเครดิต
- ความรู้สึก: หงุดหงิดนิดหน่อยที่ต้องใช้บัตรเครดิต เพราะไม่สะดวกเท่าการสแกนจ่าย
อ้อ ลืมบอกไป เห็นป้ายประกาศบอกว่ารับบัตรทอง ประกันสังคมด้วยนะ แต่ฉันไม่ได้ใช้สิทธิ์พวกนั้น เพราะจ่ายส่วนตัว อีกอย่าง โรงพยาบาลรัฐหลายที่ก็ยังไม่รองรับการสแกนจ่าย ไม่ใช่แค่ที่เดียวหรอกนะ เพื่อนฉันก็เจอแบบเดียวกันที่โรงพยาบาลอื่น เลยไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ แต่ก็ควรปรับปรุงนะ สะดวกสบายกว่าเยอะ
ไม่มีประกันสุขภาพได้ไหม?
ไม่มีประกันสุขภาพได้ไหมน่ะเหรอ? ตอบแบบโลกไม่สวยเลยนะ… ได้สิ! ใครบอกว่าไม่ได้ ชีวิตมันของเรา ตังค์ก็ของเรา
แต่… “ได้” ในที่นี้คือ “ได้” แบบเสี่ยงตายนะคุณ! ลองนึกภาพตัวเองซวยซ้ำซ้อน เป็นหวัดธรรมดา ดันกลายเป็นปอดบวม ต้องนอน ICU เป็นเดือน… บิลค่ารักษาพยาบาลจะยาวเหยียดชนิดที่ว่าเอามาปูพื้นบ้านยังได้เลย! ตอนนั้นแหละจะเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงบอกว่า “ไม่มีประกันเหมือนไม่มีเกราะป้องกัน”
แล้วถ้าไม่มีตังค์จ่ายล่ะ? ก็… เตรียมตัวขายบ้าน ขายรถ ขายไต (อันหลังนี่ล้อเล่นนะ อย่าทำจริง!) คือมันไม่ใช่แค่เรื่องตัวเองไง มันกระทบไปถึงคนข้างหลังด้วย
ทำไมต้องมีประกัน (แบบขำๆ แต่จริงจัง):
- กันซวย: ชีวิตมัน unpredictable จะรู้ได้ไงว่าพรุ่งนี้จะไม่ซวย?
- เซฟเงินในกระเป๋า: จ่ายเบี้ยประกันเดือนละนิดเดือนหน่อย ดีกว่าควักเงินก้อนโตจ่ายค่าหมอทีเดียว
- อุ่นใจ: นอนหลับฝันดี ไม่ต้องกังวลว่าถ้าป่วยจะเอาเงินจากไหนมาจ่าย
- “ของมันต้องมี”: เหมือนมือถืออ่ะ ไม่มีก็ได้ แต่ชีวิตมันลำบากกว่าเยอะ
แล้วถ้าไม่มีจริงๆ ล่ะ?
- เช็คสิทธิ์: ประกันสังคม บัตรทอง มีสิทธิ์อะไรบ้าง ใช้ให้คุ้ม
- วางแผนการเงิน: หาทางเก็บเงินสำรองฉุกเฉินเผื่อเจ็บป่วย
- ดูแลตัวเองดีๆ: กินดี อยู่ดี ออกกำลังกาย หาอะไรทำคลายเครียด… อย่างน้อยก็ช่วยลดความเสี่ยงไปได้บ้าง
- ภาวนา: อันนี้ช่วยได้จริงนะ (มั้ง?)
ป.ล. อย่าคิดว่าตัวเองแข็งแรงแล้วจะไม่ป่วยนะ คนที่คิดแบบนี้ส่วนใหญ่มักจะ “โป๊ะแตก” ตอนอายุ 30+ นั่นแหละ! ประกันสุขภาพมันเหมือน “ซื้อหวย” นั่นแหละ ซื้อไว้เผื่อถูกรางวัลใหญ่ ถ้าไม่ถูกก็ถือว่าทำบุญไป… แต่ถ้าถูกขึ้นมา ชีวิตเปลี่ยนเลยนะเออ! (ข้อมูล ณ ปีปัจจุบันนะจ๊ะ ไม่ใช่ปีที่แล้ว!)
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต