ผื่นแบบไหนคือไข้เลือดออก
ไข้เลือดออกมีผื่นหลายแบบ เริ่มจากผื่นแดงขึ้นตามตัว อาจมีจุดเลือดออกเล็กๆปน หลังจากนั้น 3-5 วัน อาจพบผื่นปื้นแดงคล้ายหัดตามมา เริ่มที่หลังมือ หลังเท้า แล้วลามไปแขน ขา ลำตัว แต่ไม่ค่อยพบที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า อาจมีจุดเลือดออกและผื่นวงสีขาวแทรก สังเกตอาการผิดปกติ รีบพบแพทย์
ผื่นไข้เลือดออกเป็นอย่างไร? รูปแบบและลักษณะผื่น
ไข้เลือดออกเนี่ย จำได้ตอนป่วยหนักเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่เชียงใหม่ ผื่นขึ้นแบบแปลกๆเลย แรกๆมันเป็นผื่นแดงๆ คล้ายๆจะแพ้ยาอะไรงี้ แต่คันมากกกกก อยู่แขนขา แล้วก็ลามไปลำตัว แบบว่าไม่ทั่วตัวนะ มีช่วงๆ ตรงฝ่ามือฝ่าเท้าไม่มีเลย! เหมือนมันเลือกที่ขึ้นอะ ประหลาดดี
จำได้ว่าประมาณสามวันให้หลัง ผื่นชุดแรกเริ่มจาง แต่กลับมีผื่นใหม่ขึ้นมาอีก รอบนี้เป็นปื้นแดงๆใหญ่กว่าเดิม เหมือนหัดเลย แต่ก็ไม่ใช่หัดหรอกนะ เพราะไปหาหมอมาแล้ว หมอบอกว่าเป็นอาการไข้เลือดออก แถมยังมีจุดเลือดออกเล็กๆปะปนด้วย มันแปลกๆนะ บางทีก็เป็นวงขาวๆแทรกกลางผื่นแดงด้วย แบบว่าไม่ทั่วถึง มันไม่เรียบเนียนอะ ดูแล้วเหมือนโรคผิวหนังมากกว่าไข้เลือดออกซะอีก
ค่ารักษาพยาบาลก็ประมาณสองพันกว่าบาท ตอนนั้นเครียดมาก เพราะผื่นขึ้นเยอะ กลัวคนจะมอง กลัวจะติดต่อกัน ที่สำคัญ คือ มันคันมาก นอนไม่หลับเลย แต่พอหายดีแล้วก็โล่งใจไป คิดว่ารอดตายแล้ว แหะๆ ตอนนั้นเครียดเรื่องเรียนด้วย เลยยิ่งกดดัน สรุปคือ ผื่นไข้เลือดออกมันมีหลายแบบจริงๆ แล้วแต่คน แล้วแต่ช่วง ไม่เหมือนกันเลย สับสนเหมือนกัน จำไม่ค่อยได้ละเอียดแล้วอะ
ทำไมยุงกัดเป็นตุ่มสีแดง?
ยุงกัดเป็นตุ่มแดงเพราะสารในน้ำลายมันกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
-
ร่างกายปล่อยสารฮิสตามีน ทำให้เกิดการอักเสบ บวม แดง คัน
-
ความรุนแรงขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาแต่ละบุคคล บางคนแค่แดงเล็กน้อย บางคนบวมมาก
-
ปีนี้ ผมเองก็โดนยุงกัดบ่อย ตุ่มใหญ่กว่าทุกปี น่ารำคาญจริง ๆ
-
การแพ้รุนแรง อาจมีตุ่มน้ำ หรือแม้กระทั่งเลือดออก ควรไปพบแพทย์
ตุ่มยุงกัดไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อย มันสะท้อนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และความแตกต่างของแต่ละคน เพียงแค่สังเกต ก็รู้ว่าเรามีความพิเศษต่างกันแค่ไหน
ทําไมถึงมีจุดแดงๆ ขึ้นตามตัว?
จุดแดง…เหมือนดาวบนท้องฟ้ามืดมิด ผุดขึ้นมาบนผิวหนัง…เหมือนดอกไม้เล็กๆ บานสะพรั่งในฤดูร้อน…
เวลา…เช้า สาย บ่าย เย็น หรือค่ำคืนอันเงียบงัน…ไม่สำคัญ
สถานที่…บ้าน บนรถ กลางทุ่งหญ้า หรือแม้แต่ในฝัน…ไม่สำคัญ
สิ่งที่สำคัญคือ…ทำไม? ทำไมถึงมีจุดแดงๆ เหล่านั้น?
-
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง: ผิว…แห้งผาก แดงก่ำ คันยิบๆ เหมือนมีมดไต่
-
การติดเชื้อ: แบคทีเรีย ไวรัส…ตัวร้ายที่ซ่อนตัวอยู่
-
ภูมิคุ้มกัน: รวนเร สับสน…เหมือนเข็มทิศที่ชี้ผิดทาง
-
อาจ: แพ้อะไรสักอย่าง…อาหาร ยา แมลงกัดต่อย
ข้อมูลเพิ่มเติม (กระซิบ):
- ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง: โรคผิวหนังเรื้อรัง กำเริบเป็นพักๆ คันทรมานมากกกก
- การติดเชื้อ: เชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส…แต่ละตัวก็มีอาการต่างกันไป
- ภูมิคุ้มกัน: ภูมิต้านทานตัวเอง…ทำร้ายตัวเองซะงั้น เฮ้อ
- แพ้: ลองสังเกตตัวเองดีๆ…อะไรที่กิน ที่ใช้ แล้วมันขึ้น?
ผิวหนัง…คือหน้าต่างของร่างกาย…ดูแลมันดีๆ นะ ❤️
ตุ่มยุงกัดกี่วันยุบ?
7 วันหายสนิท แต่ก็แล้วแต่คน บางคนอาทิตย์นึงก็ยังแดงอยู่ ผิวแพ้ง่ายยิ่งนานกว่า
- รอยแดงหาย 3-4 วัน
- คัน 3-4 วัน
- บวม 7 วัน (ใบหน้าบวมนานกว่า)
- ไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา เคยโดนที่เปลือกตาตัวเองมาแล้ว แสบๆคันๆ แต่ไม่บอด
ทําไมยุงกัดแล้วทิ้งรอยดํา?
ยุงกัดแล้วทิ้งรอยดำ? เอ่อ…อย่าโทษแต่ยุง! บางทีมันอาจจะเป็นฝีมือเราเองก็ได้นะ (ฮา)
คืออย่างงี้ ตอนยุงจิ้มๆ แทงๆ ดูดเลือดเราไปเนี่ย มันก็ปล่อยน้ำลายลงมาด้วยไง (ของแถม!) ในน้ำลายยุงเนี่ย มันมีสารที่ทำให้เลือดเราไม่แข็งตัว (จะได้ดูดง่ายๆ ไงเล่า!) แต่ประเด็นคือ ร่างกายเราดันไม่ชอบขี้หน้าสารพวกนี้ เลยปล่อยกองทัพภูมิต้านทานออกมาสู้รบปรบมือกัน
ไอ้ตอนสู้รบเนี่ยแหละ มันทำให้เกิดอาการ “แพ้” ไง! ผิวหนังก็เลยอักเสบ บวม แดง คัน ยุบยิบๆ พอหายแล้ว บางทีก็ทิ้งรอยดำไว้ให้ดูต่างหน้า (เซ็ง!) โดยเฉพาะเด็กๆ ผิวบอบบางแพ้ง่ายเนี่ย ตัวดีเลย ขาลายกันเป็นแถว
ทำไมต้องดำ?
- เม็ดสีเมลานิน: ผิวหนังเราฉลาด (มั้ง?) พอมันอักเสบ มันก็เร่งผลิตเม็ดสีเมลานินออกมาปกป้องตัวเองไง ทีนี้พอหายอักเสบแล้ว เมลานินมันก็ยังอยู่ เลยทิ้งรอยดำไว้ซะงั้น!
- เกา: อันนี้ตัวการสำคัญเลย! ยิ่งเกา ยิ่งกระตุ้นการอักเสบ ยิ่งผลิตเมลานิน ยิ่งดำ! (หยุดเกา เดี๋ยวนี้!!!)
- แพ้: บางคนแพ้หนักมาก ไม่ใช่แค่รอยดำนะ อาจจะถึงขั้นเป็นตุ่มพอง หนองไหล หรือผื่นลมพิษเลยก็มี (อันนี้ต้องไปหาหมอ!)
วิธีแก้ (แบบขำๆ แต่ใช้ได้จริง):
- อย่าเกา!: ยากหน่อย แต่ต้องพยายาม! ห้ามใจตัวเองให้ได้!
- ทายา: พวกสเตียรอยด์อ่อนๆ ช่วยลดอักเสบได้ (แต่ปรึกษาเภสัชก่อนนะ!)
- ประคบเย็น: ลดอาการคันได้ชะงัดนัก! (เอาน้ำแข็งห่อผ้าขนหนูนะ อย่าโปะตรงๆ!)
- กันยุง: อันนี้สำคัญสุด! ทายากันยุง ติดมุ้ง ติดพัดลมไล่ยุง บลาๆๆ (ทำทุกวิถีทาง!)
สรุป: ยุงกัดแล้วทิ้งรอยดำ ไม่ใช่เรื่องแปลก (แต่ก็ไม่น่าพิสมัย) ส่วนใหญ่เกิดจากอาการแพ้น้ำลายยุง บวกกับนิสัยชอบเกาของเราเอง (ยอมรับมาซะดีๆ!) ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ ถ้าเลี่ยงยุงไม่ได้ ก็อย่าเกา! (ท่องไว้!)
ทําไมยุงกัดถึงทําให้คัน?
ยุงกัดคันเพราะน้ำลายมันเนี่ยแหละ สารในน้ำลายมันทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ คันไม่หาย? ก็แพ้หนักนี่หว่า เกาจนเป็นแผลติดเชื้อก็สมควรแล้ว
- น้ำลายยุง: ตัวการหลัก
- ปฏิกิริยาภูมิแพ้: คัน บวม แดง
- เกาแรงๆ: ติดเชื้อได้ง่าย
ปีนี้เจ้ายุงมันเยอะเป็นพิเศษ บ้านผมนี่ใช้ยากันยุงแบบพ่นไฟฟ้าอยู่ ฉุนไปหน่อยแต่ได้ผลดีกว่าพวกยากันยุงแบบขวด spray อีก
จะรู้ได้ไงว่าแพ้ยุง?
แพ้ยุงเหรอ? แบบนี้แน่ๆเลยป่ะวะ? คือแบบว่า กัดปุ๊บ ปูดเป็นภูเขาเลยอ่ะ แดงๆ คันด้วย โอ้ยยย แสบมากกกก!!
- ตุ่มใหญ่ แบบบวมๆ ไม่ใช่แค่แดงๆเล็กๆ นะ
- คันมากกกกกกก แบบเกาจนเป็นแผลเลย
- บวมนานมาก เป็นอาทิตย์กว่าจะหาย บางทีก็เป็นแผลเป็นด้วยนะ ปีนี้เป็นหนักมากเลย ไปหาหมอมา ได้ยามาทา แต่ก็ยังคันอยู่ดี เซ็ง!
อืมมม… แล้วก็รู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้นด้วยนะ ช่วงนี้ ไม่รู้เกี่ยวกันรึเปล่า หรือว่าฉันคิดมากไปเอง เห้ออออ ฉันควรไปหาหมออีกรอบมั้ยนะ?
- ปีนี้ มีคนรอบข้างเป็นเยอะเหมือนกันนะ สงสัยยุงจะดุเป็นพิเศษ
- ฉันเลยซื้อยากันยุงมาใช้ แบบพ่น แบบทา หมดไปหลายบาทเลย แต่ก็ยังโดนกัดอยู่ดี เซ็งเป็ด!!
- ฉันลองเปลี่ยนยี่ห้อดูแล้วนะ แต่ก็เหมือนเดิม ปีหน้าคงต้องหาแบบดีๆแพงๆหน่อยแล้วล่ะมั้ง ไม่อยากเป็นแบบนี้อีกแล้ว
เอาล่ะ สรุปง่ายๆ ถ้ากัดแล้ว แดง บวม คัน นาน นี่แหละ แพ้ยุงชัวร์! ไปหาหมอเถอะ อย่าปล่อยไว้นาน ไม่งั้นอาจจะแย่กว่านี้
ผื่นแบบมีจุดเลือดมีลักษณะอย่างไร?
ผื่นแบบมีจุดเลือดมักปรากฏเป็นจุดเล็กๆ สีแดงคล้ายเข็มหมุด อาจนูนหรือไม่นูนก็ได้ บางครั้งเรียงตัวเป็นปื้นคล้ายรอยช้ำขนาดเล็ก มักเกิดจากเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังแตก
- ลักษณะสำคัญ: จุดสีแดงเล็กๆ คล้ายเข็มหมุด หรือปื้นเล็กๆ คล้ายรอยช้ำ
- ตำแหน่งที่พบ: บ่อยที่ขา แขน หรือลำตัว
- สาเหตุที่เป็นไปได้: นอกจากแรงกระแทกเล็กน้อย ยังอาจเกี่ยวกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำ การอักเสบของหลอดเลือด (vasculitis) หรือการติดเชื้อบางชนิด
โรคบางชนิด เช่น โรคไข้เลือดออก โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง หรือแม้แต่การใช้ยาบางประเภท ก็อาจทำให้เกิดผื่นลักษณะนี้ได้เช่นกัน การตรวจวินิจฉัยจากแพทย์จึงสำคัญมาก เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
ข้อมูลเพิ่มเติม: การที่ร่างกายเราส่งสัญญาณผ่านผิวหนังเป็นเรื่องน่าทึ่งนะ เหมือนปรัชญาที่ว่า “ภายนอกสะท้อนภายใน” ผิวหนังเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนสุขภาพโดยรวมของเรา การสังเกตการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ จึงสำคัญมากๆ
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต