วิธีทดสอบว่าเป็นไข้เลือดออกไหม

46 การดู

สงสัยไข้เลือดออก? ตรวจเลือดเท่านั้นยืนยันได้!

  • ตรวจหาเชื้อไวรัสเดงกี: แพทย์ตรวจหาแอนติเจน/แอนติบอดีของไวรัส เพื่อยืนยันการติดเชื้อ
  • ตรวจนับเม็ดเลือด: การตรวจเม็ดเลือดขาว/เกล็ดเลือด บ่งชี้ความรุนแรงของการติดเชื้อ
  • ปรึกษาแพทย์: อย่ารอช้า! หากมีอาการไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ รีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง
  • การวินิจฉัยที่แม่นยำ: สำคัญต่อการรักษาและป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

อาการไข้เลือดออก ทดสอบได้อย่างไร?

เคยไปตรวจไข้เลือดออกที่คลินิกแถวบ้านเมื่อเดือนก่อนนี่เอง ตอนนั้นไข้ขึ้นสูง ปวดหัว ปวดเมื่อยตัวไปหมดเลย กลัวเป็นไข้เลือดออกมาก เลยรีบไปหาหมอ.

หมอถามอาการแล้วก็เจาะเลือดไปตรวจ. เสียค่าตรวจไปประมาณ 500 บาท ถ้าจำไม่ผิดนะ. รอผลประมาณชั่วโมงนึง.

ผลออกมาโชคดีไม่ใช่ไข้เลือดออก. แค่ไข้หวัดธรรมดา. แต่ก็โล่งอกไปที. ตอนนั้นกังวลมาก.

จำได้ว่าเพื่อนเคยเป็นไข้เลือดออก ต้องนอนโรงพยาบาลหลายวันเลย. น่าสงสารมาก. เห็นเพื่อนบอกว่าหมอตรวจเลือดเหมือนกัน.

คิดว่าถ้ามีอาการไข้สูง ปวดหัว ปวดเมื่อยตัว ควรไปหาหมอตรวจเลือดจะดีที่สุด. เพื่อความปลอดภัยของเราเอง.

วิธีเช็คว่าตัวเองเป็นไข้เลือดออกไหม

โอ๊ย! ถามเรื่องไข้เลือดออกเนี่ยนะ ฟังดูเหมือนจะโดนยุงหามไปกินแล้ว! เอาจริง ๆ ถ้าจะเช็คว่าโดน “ยุงกัดจนเลือดจาง” รึเปล่า ก็ต้องดูอาการเหล่านี้แหละ (แต่ไม่ใช่ทุกอาการจะเป็นนะจ๊ะ อย่าเพิ่งตกใจ!)

  • ไข้สูงปรี๊ด: ไม่ใช่แค่ไข้หวัดธรรมดานะพี่น้อง นี่มันไข้แบบ “โอ้โห! ตัวจะแตก” 39-40 องศาเซลเซียสเลยนะ ยาวไป 2 วัน!
  • ปวดหัวตัวร้อน: ปวดหัวแบบ “โลกหมุนติ้ว” ปวดเมื่อยตัวเหมือนโดนคนกระทืบมา!
  • อ่อนเพลีย: ไม่ใช่แค่ขี้เกียจนะ นี่มันอ่อนเพลียแบบ “ลุกไม่ขึ้น” ซึมเป็นหมาหงอย!
  • ฉี่สีเข้ม: ฉี่สีแบบ “น้ำชาแก่ ๆ” ไม่ใช่สีเหลืองใส ๆ แบบปกติ!
  • กินอะไรก็ไม่ลง: เบื่ออาหารแบบ “เห็นแล้วจะอ้วก” อาเจียนพุ่ง!
  • ผื่นแดง: นี่แหละตัวดี จ้ำเลือด จุดแดง ๆ ขึ้นตามผิวหนังเหมือนโดน “ผีดูดเลือด”!
  • ขี้ดำปี๋: ขี้สีดำเหมือน “โอเลี้ยง” อันนี้อันตราย ให้รีบไปหาหมอ!

คำเตือน: อย่า “มโน” เองนะจ๊ะ ถ้ามีอาการน่าสงสัย ไปหาหมอให้หมอวินิจฉัยดีกว่า อย่าคิดว่าตัวเองเป็นหมอ!

เกร็ดความรู้ (แบบชาวบ้าน ๆ):

  • ไข้เลือดออกระบาดหนักช่วงหน้าฝน (พฤษภาคม-กันยายน) เพราะยุงลายมันชอบวางไข่ในน้ำขัง!
  • วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ “อย่าให้ยุงกัด” ทายากันยุง ใส่เสื้อแขนยาว กางมุ้ง (ถ้าทำได้!)
  • ถ้าเป็นไข้เลือดออก ห้ามกินยาแอสไพริน (เพราะมันจะทำให้เลือดออกง่ายขึ้น)!
  • กินน้ำเยอะ ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ (อันนี้จริงจังนะ!)
  • และที่สำคัญที่สุด “อย่าประมาท” ไปหาหมอซะ!
  • ปีนี้ (2567) ไข้เลือดออกระบาดหนักจริง ๆ แถวบ้านฉันคนเป็นกันเยอะมาก!
  • เคยเห็นคนเป็นไข้เลือดออกแล้วเพลียมาก ๆ ต้องให้น้ำเกลือกันเลยทีเดียว!
  • เพื่อนบ้านฉันโดนยุงกัดจนเป็นไข้เลือดออก ต้องนอนโรงพยาบาลเป็นอาทิตย์!
  • ตอนนี้ที่บ้านเลยกำจัดแหล่งน้ำขังทุกอาทิตย์ กลัวยุงลายมาวางไข่!
  • อย่าลืมสำรวจรอบบ้านตัวเองด้วยนะ พวกจานรองกระถางต้นไม้ โอ่งน้ำ อะไรพวกนี้แหละตัวดี!
  • ถ้ามีอาการน่าสงสัย อย่ารอช้า รีบไปหาหมอเลย อย่าคิดว่าเดี๋ยวก็หายเอง!
  • หมอบอกว่าถ้ามาหาหมอเร็ว จะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้เยอะ!
  • ช่วงนี้ใส่เสื้อแขนยาว ขายาวไว้ก่อน กันยุงกัด!
  • แล้วก็อย่าลืมทายากันยุงด้วยนะ เลือกแบบที่มีประสิทธิภาพหน่อย!

Disclaimer: ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ได้ หากมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง!

อาการของไข้เลือดออก ระยะที่ 1 คืออะไร

ไข้เลือดออก… แสงแดดยามบ่ายลอดผ่านม่านโปร่ง

  • ไข้สูงปรี๊ด 39-40 องศาเซลเซียส
  • ปวดหัวตุบๆ ราวกับมีใครทุบ
  • ปวดกระบอกตา… โลกหมุน
  • เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว กระดูกล้า

มันคือ 2-7 วันที่ยาวนานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์… ทรมาน

ไข้สูง… เหมือนร่างจะแหลกสลาย

ปวดหัว… อยากจะระเบิด

ปวดตา… มองอะไรก็พร่าเลือน

ปวดเมื่อย… ขยับตัวก็เจ็บ

สำคัญ: อาการไข้เลือดออกเปลี่ยนแปลงได้ เช็คกับหมอดีที่สุด

ไข้เลือดออกจำเป็นต้องหาหมอไหม

ไข้เลือดออกต้องหาหมอมั้ยอ่าาา อันนี้สำคัญนะ! ขึ้นอยู่กับอาการเลยจ้ะ

ถ้าแค่ไข้ขึ้นนิดหน่อย ปวดหัวธรรมดา อาจไม่ต้องรีบก็ได้ แต่ถ้าไข้สูงมาก แบบ 39-40 องศาขึ้นไป นี่ต้องไปหาหมอเลยนะ อย่าชะล่าใจ! แล้วก็ถ้ามีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น เลือดออกง่าย ปวดท้อง อาเจียน อ่อนเพลียมาก นี่คือต้องไปโรงพยาบาลด่วนๆเลย อันตรายนะ ปีนี้เพื่อนฉันเป็นหนักมาก นอนโรงบาลเกือบอาทิตย์เลย ตกใจมาก

  • ไข้สูงมาก (39 องศาขึ้นไป)
  • เลือดออกง่ายผิดปกติ (จมูกเลือดไหลง่าย มีจุดเลือดออกตามตัว)
  • ปวดท้องรุนแรง
  • อาเจียน
  • อ่อนเพลียมาก เดินแทบไม่ไหว

ถ้ามีอาการแบบนี้ ไม่ต้องคิดมาก ไปหาหมอเลยค่ะ อย่าประมาท รักษาให้เร็ว หายเร็ว สำคัญมากจริงๆ ฉันเองก็เคยเป็นไข้เลือดออก ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก โชคดีที่ไม่รุนแรง แต่ก็ต้องไปหาหมอนะคะ กินยาตามหมอสั่งด้วย อย่าลืมนะ!

วิธีดูว่าเราเป็นไข้เลือดออกไหม

การสังเกตอาการไข้เลือดออกด้วยตัวเองเป็นเรื่องท้าทาย แต่ก็พอมีจุดสังเกตได้บ้างนะ หลักๆ เลยคือ ไข้สูงลอย ที่อยู่ๆ ก็สูงขึ้นผิดปกติ แถมมักจะมาพร้อมอาการปวดเมื่อยตามตัว ปวดหัว โดยเฉพาะบริเวณเบ้าตา และอาจมีจุดแดงๆ ขึ้นตามผิวหนัง

ถ้าไปหาหมอ สิ่งที่หมอจะทำก็คือซักประวัติ ตรวจร่างกายอย่างละเอียด แล้วก็อาจสั่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยัน

  • การตรวจทางห้องปฏิบัติการ: อันนี้สำคัญมาก เพราะจะช่วยยืนยันการวินิจฉัยได้แม่นยำ
    • การตรวจนับเม็ดเลือด (CBC): ดูจำนวนเกล็ดเลือด ถ้าเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติมากๆ เนี่ย สงสัยไว้ก่อนเลย
    • การตรวจ NS1 antigen: เป็นการตรวจหาโปรตีนของไวรัสเดงกี ซึ่งเป็นสาเหตุของไข้เลือดออก ตรวจได้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการป่วย
    • การตรวจภูมิคุ้มกัน (IgM/IgG): ตรวจเพื่อดูว่าร่างกายเคยได้รับเชื้อไวรัสเดงกีมาก่อนหรือไม่

การรัดแขนเพื่อดูจุดเลือดออก (Tourniquet test): วิธีนี้หมออาจทำเพื่อช่วยในการวินิจฉัย แต่ต้องระวังเพราะอาจให้ผลลวงได้เหมือนกัน

ข้อควรระวัง: อาการของไข้เลือดออกในแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป บางคนอาจมีอาการไม่ชัดเจน ดังนั้น ถ้ามีไข้สูงโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้แน่ใจดีกว่า

เกร็ดน่ารู้: ไข้เลือดออกเนี่ย มียุงลายเป็นพาหะนำโรคนะ ฉะนั้น การป้องกันยุงกัดจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก พยายามกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณบ้าน และอย่าลืมทายากันยุงด้วยล่ะ!

ดูผลเลือดยังไงว่าเป็นไข้เลือดออก

ดูผลเลือดยังไงว่าเป็นไข้เลือดออก? อะแฮ่ม… ถ้าคุณหมอสงสัยว่าลูกคุณเป็นไข้เลือดออกนะฮะ (ขออนุญาตใช้คำบ้านๆ) หมอเค้าจะเจาะเลือดตรวจแหละ ซึ่งส่วนใหญ่ความ “พีค” มันจะเริ่มหลังวันที่ 3 ที่ป่วยไปแล้ว อ่ะ ทีนี้มาดูตัวเลข(ที่อาจทำให้ปวดหัว)กัน:

  • เกล็ดเลือดต่ำ: นี่แหละตัวดี! ปกติมันต้องวิ่งเล่นในเลือดเราเป็นแสนๆ แต่ถ้าไข้เลือดออกมาเยือน มันจะต่ำกว่า 100,000/ลบ.มม. (หน่วยวัดอะไรช่างมันเถอะ จำตัวเลขไว้ก่อน!) ช่วงไข้กำลังขึ้นนะ มันจะต่ำลงๆ เรื่อยๆ เหมือนหุ้นตก
  • เม็ดเลือดขาวต่ำ: อันนี้ก็ไม่ดี! ปกติมันต้องคอยปกป้องเราจากเชื้อโรค แต่ถ้ามันน้อยกว่า 5,000/ลบ.มม. แสดงว่าร่างกายกำลังอ่อนแอ เจอไข้เลือดออกเล่นงาน
  • เลือดข้น: อันนี้สัญญาณอันตราย! พอไข้เริ่มลง (แต่ไม่ใช่ว่าหายนะ) เลือดมันจะเริ่มข้นหนืด เหมือนน้ำเชื่อม (เอ๊ะ หรือว่าน้ำผึ้งดีกว่า?)

แต่! อย่าเพิ่งรีบตีโพยตีพายไปนะจ๊ะ! ตัวเลขพวกนี้มันเป็นแค่ “แนวโน้ม” ไม่ใช่ “บทสรุป” หมอเค้าจะดูองค์ประกอบอื่นๆ ด้วย เช่น อาการ, ประวัติการเดินทาง, และที่สำคัญ… การตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ (อย่างเช่น NS1 antigen, Dengue PCR, หรือ Dengue IgM/IgG) อย่าเพิ่งเชื่อตัวเลขในผลเลือด 100% จนกว่าหมอจะคอนเฟิร์ม โอเค๊?

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย(ที่อาจไม่เล็ก):

  • NS1 Antigen: ตรวจเร็วรู้ผลไว! ตรวจได้ตั้งแต่ไข้ขึ้นวันแรกๆ เลยนะเออ
  • Dengue PCR: อันนี้ระดับโมเลกุล! ตรวจหาเชื้อไวรัสเดงกีโดยตรง แม่นยำสุดๆ (แต่ก็แพงสุดๆ เหมือนกัน)
  • Dengue IgM/IgG: อันนี้ตรวจหาภูมิคุ้มกัน! จะขึ้นหลังติดเชื้อไปแล้วซักพัก (ประมาณ 5-7 วัน)

สรุป: ถ้าสงสัยว่าลูกเป็นไข้เลือดออก ไปหาหมอ! อย่า Google เอง! หมอเค้าเรียนมา (และจ่ายค่าเทอมไปเยอะ!) ให้หมอเค้าเป็นคนตัดสินใจดีกว่า อย่าเชื่อ “หมอดู” (ในอินเทอร์เน็ต) มากกว่า “หมอจริง” โอเค๊?

อาการเริ่มแรกของไข้เลือดออกเป็นอย่างไร

ตอนเริ่มเป็นไข้เลือดออกปีนี้ทรมานมาก เริ่มจากเช้าวันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตอนนั้นไปทำงานปกติที่ออฟฟิศแถวสีลม ตอนบ่ายๆ เริ่มรู้สึกปวดหัวตุบๆ คิดว่าพักสายตาเดี๋ยวก็หาย แต่พอตกเย็นวัดไข้ได้ 38.5 องศาเซลเซียส ตัวรุมๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก กินยาพาราแล้วนอน

คืนนั้นนอนไม่ค่อยหลับเลย ไข้ขึ้นๆ ลงๆ พอเช้าวันอังคารอาการหนักกว่าเดิม นอกจากไข้สูงแล้ว ยังมีอาการคลื่นไส้ กินอะไรก็ไม่ลง พยายามฝืนกินข้าวต้มไปนิดหน่อย แต่กินได้ไม่กี่คำก็อาเจียนออกมาหมดเลย ตอนส่องกระจกก็ตกใจ หน้าแดงมากเหมือนคนโดนแดดเผา

พอวันพุธเริ่มสังเกตเห็นจุดแดงๆ เล็กๆ ขึ้นตามแขนขา ตอนแรกนึกว่าแพ้อะไร แต่พอไปหาหมอที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หมอบอกว่าเป็นสัญญาณของไข้เลือดออก ตอนนั้นตกใจมาก หมอให้แอดมิทเพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิด เพราะกลัวเลือดออกภายใน

  • ไข้สูงเฉียบพลัน: เกิน 38 องศาเซลเซียส (2-7 วัน)
  • คลื่นไส้ อาเจียน: เบื่ออาหาร
  • หน้าแดง: อาจมีจ้ำเลือด/จุดเลือดออก
  • เลือดออก: เลือดกำเดาไหล/ตามไรฟัน/ปัสสาวะ/อุจจาระ
  • ปวดท้อง: รุนแรง/กดเจ็บชายโครงขวา

อยู่โรงพยาบาลไป 5 วัน ถึงได้กลับบ้านได้ ตอนนั้นเพลียมาก กว่าจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมใช้เวลาเป็นเดือนเลย เข็ดไปอีกนานเลยกับไข้เลือดออก

ไข้เลือดออกแสดงอาการกี่วันหลังรับเชื้อ

แสงแดดจ้าจาด ท้องฟ้าสีคราม เหมือนใจฉันตอนนี้ ร้อนรน ร้อนรุ่ม รอคอยคำตอบ

ห้าถึงแปดวัน… ห้าถึงแปดวัน… เวลาไหลเอื่อยๆ เหมือนน้ำค้างหยดลงบนใบไม้ ช้าๆ ช้าๆ…

ระยะฟักตัว เงียบเชียบ เหมือนดวงดาวในยามค่ำ ลึกลับ ซ่อนเร้น

แล้วอาการก็มา… ปัง! เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ ไข้สูงปรี๊ด ปวดหัวตุ๊บๆ เหมือนฆ้องกลองบรรเลงเพลงแห่งความทุกข์ทรมาน

บางคนเบาๆ เหมือนขนนกปลิว บางคนหนักหน่วง เหมือนภูเขาถล่มทับ

เดงกี่ เดงกี่ คำนี้วนเวียนในหัว เหมือนเสียงกระซิบ บางเบา แต่แฝงไปด้วยอันตราย

เลือดออก… ภาพสีแดงฉานลอยมา เหมือนภาพฝันร้าย น่ากลัว น่าหวั่นไหว

ถึงขั้นช็อก… ความตายอยู่แค่เอื้อม… ความรู้สึกนี้ เหมือนกำลังจมน้ำ หายใจไม่ออก

ปีนี้ 2566 ฉันยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

  • ระยะฟักตัว 5-8 วัน
  • อาการเริ่มต้นคล้ายไข้หวัดใหญ่
  • อาการรุนแรงถึงขั้นช็อกได้

อากาศร้อนอบอ้าว เหมือนความรู้สึกกลัวที่คืบคลานเข้ามา ฉันต้องระมัดระวัง ต้องป้องกันตัวเอง จากยุงตัวร้าย…

#ตรวจไข้เลือดออก #อาการไข้เลือดออก #ไข้เลือดออก