อาการปวดกระเพาะปัสสาวะในผู้หญิงมีอะไรบ้าง

14 การดู

สุขภาพกระเพาะปัสสาวะของผู้หญิงสำคัญมาก! ดูแลตัวเองด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ, หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะ, และรักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นอย่างถูกวิธี เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อและปัญหาอื่นๆ ปรึกษาแพทย์หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดแสบขณะปัสสาวะ หรือปัสสาวะขุ่น

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

อาการปวดกระเพาะปัสสาวะในผู้หญิง

กระเพาะปัสสาวะเป็นอวัยวะสำคัญในระบบทางเดินปัสสาวะของผู้หญิงที่มีความซับซ้อน มีหน้าที่เก็บกักปัสสาวะไว้จากไตและขับออกมาตามท่อปัสสาวะ หากกระเพาะปัสสาวะมีปัญหา อาจส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ ได้ รวมถึงอาการปวดกระเพาะปัสสาวะ

อาการปวดกระเพาะปัสสาวะในผู้หญิงอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากอาการติดเชื้อหรือโรคทางกายภาพที่ส่งผลต่อกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ

อาการที่อาจพบได้

อาการปวดกระเพาะปัสสาวะในผู้หญิงอาจมีอาการที่หลากหลาย โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ปวดแสบขณะปัสสาวะ
  • ปัสสาวะบ่อยครั้ง
  • ปัสสาวะในปริมาณน้อย
  • ปัสสาวะเป็นเลือด
  • ปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่นเหม็น
  • ปวดบริเวณท้องน้อยส่วนล่าง
  • ปวดหลัง

สาเหตุของอาการปวดกระเพาะปัสสาวะ

สาเหตุของอาการปวดกระเพาะปัสสาวะในผู้หญิงอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI): เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่เกิดขึ้นในกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ หรือไต อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อย และปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่นเหม็น
  • กระเพาะปัสสาวะอักเสบจากรังสี (Radiation cystitis): เป็นอาการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะที่เกิดจากการฉายรังสีในบริเวณอุ้งเชิงกราน อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อย และปัสสาวะเป็นเลือด
  • Interstitial cystitis (IC): เป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการปวดและการระคายเคืองที่กระเพาะปัสสาวะ อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ปวดบริเวณท้องน้อยส่วนล่าง ปัสสาวะบ่อย และปัสสาวะในปริมาณน้อย
  • นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ: เป็นก้อนผลึกเกลือแร่ที่เกิดจากการตกผลึกของแคลเซียม ออกซาเลต หรือยูเรตในกระเพาะปัสสาวะ อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ปวดบริเวณท้องน้อยส่วนล่าง ปัสสาวะแสบขัด และปัสสาวะเป็นเลือด
  • มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ: เป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นในเซลล์ที่บุผิวกระเพาะปัสสาวะ อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะแสบขัด และปัสสาวะบ่อย

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

หากคุณมีอาการปวดกระเพาะปัสสาวะ ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาการใดๆ ต่อไปนี้

  • ปัสสาวะเป็นเลือด
  • ปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่นเหม็น
  • ปวดบริเวณท้องน้อยส่วนล่างอย่างรุนแรง
  • มีไข้หรือหนาวสั่น
  • ไม่สามารถปัสสาวะได้

การรักษา

การรักษาอาการปวดกระเพาะปัสสาวะในผู้หญิงจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เป็น โดยแพทย์จะวินิจฉัยสาเหตุโดยสอบถามอาการ ตรวจร่างกาย และอาจมีการตรวจปัสสาวะหรือการตรวจอื่นๆ เพิ่มเติม

  • การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI): การรักษาโดยทั่วไปจะใช้ยาปฏิชีวนะ
  • กระเพาะปัสสาวะอักเสบจากรังสี (Radiation cystitis): การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ อาจใช้ยาแก้ปวด ยาต้านการอักเสบ หรือการผ่าตัด
  • Interstitial cystitis (IC): การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ อาจใช้ยาแก้ปวด ยาระงับปัสสาวะ หรือการผ่าตัด
  • นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ: การรักษาขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของนิ่ว อาจใช้ยา ยิงเลเซอร์ หรือการผ่าตัด
  • มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ: การรักษาขึ้นอยู่กับระยะของมะเร็ง อาจใช้การผ่าตัด เคมีบำบัด หรือการฉายรังสี

การป้องกัน

แม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันอาการปวดกระเพาะปัสสาวะได้ทั้งหมด แต่ก็มีวิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงได้ ได้แก่

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะ
  • รักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นอย่างถูกวิธี
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ระคายเคืองต่อกระเพาะปัสสาวะ เช่น สบู่ที่มีกลิ่นหอมหรือเจลอาบน้ำ
  • ปัสสาวะหลังจากมีเพศสัมพันธ์
  • สวมชุดชั้นในที่ทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี