อาการอาเจียนไม่หยุดเกิดจากอะไร
อาเจียนไม่หยุด: สัญญาณเตือนที่ต้องใส่ใจและทำความเข้าใจ
อาการอาเจียนเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือสารพิษออกจากระบบทางเดินอาหาร แต่เมื่ออาการอาเจียนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดหย่อน นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที
อาการอาเจียนไม่หยุดอาจมีสาเหตุที่หลากหลาย ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยที่สามารถดูแลตัวเองได้ ไปจนถึงภาวะร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน สาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่:
-
การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย: การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบจากไวรัส (Viral Gastroenteritis) หรืออาหารเป็นพิษจากแบคทีเรีย สามารถทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และปวดท้องได้ อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและหายได้เองภายใน 1-2 วัน แต่ในบางกรณีอาจรุนแรงจนต้องได้รับการรักษาเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
-
อาหารเป็นพิษ: การรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรคหรือสารพิษ สามารถกระตุ้นให้ร่างกายตอบสนองด้วยการอาเจียน เพื่อกำจัดสิ่งที่เป็นอันตรายออกจากร่างกาย อาการมักเกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังรับประทานอาหารที่ปนเปื้อน
-
การแพ้ยาหรืออาหาร: บางคนอาจมีอาการแพ้ยาหรืออาหารบางชนิด ซึ่งอาจแสดงออกมาในรูปแบบของอาการคลื่นไส้ อาเจียน ผื่นคัน บวม หรือหายใจลำบาก การระบุและหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันอาการแพ้
-
โรคกระเพาะอาหาร: โรคกระเพาะอาหารอักเสบหรือแผลในกระเพาะอาหาร สามารถทำให้เกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และอาหารไม่ย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับประทานอาหารรสจัด เผ็ด หรือมีไขมันสูง
-
โรคระบบทางเดินอาหารอักเสบ: โรคระบบทางเดินอาหารอักเสบ (Inflammatory Bowel Disease: IBD) เช่น โรค Crohns หรือโรคลำไส้ใหญ่อักเสบ (Ulcerative Colitis) สามารถทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย อาเจียน และมีเลือดออกในทางเดินอาหาร
-
ภาวะร้ายแรง: ในบางกรณี อาการอาเจียนไม่หยุดอาจเป็นสัญญาณของภาวะร้ายแรง เช่น ลำไส้อุดตัน (Bowel Obstruction) ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis) หรือการบาดเจ็บในช่องท้อง (Abdominal Trauma) ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดหรือการรักษาทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน
เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์?
แม้ว่าอาการอาเจียนส่วนใหญ่จะหายได้เอง แต่หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 24-48 ชั่วโมง หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น:
- ไข้สูง (มากกว่า 38 องศาเซลเซียส)
- ปวดท้องอย่างรุนแรง
- อุจจาระมีเลือดปน
- อาเจียนเป็นเลือด
- มีสัญญาณของภาวะขาดน้ำ (เช่น ปากแห้ง ปัสสาวะน้อย)
- ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
- คอแข็ง
- สับสน หรือหมดสติ
ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง การปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
การวินิจฉัยและการรักษา
แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด การตรวจปัสสาวะ การเอ็กซ์เรย์ หรือการส่องกล้อง เพื่อหาสาเหตุของอาการอาเจียน การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ตรวจพบ อาจรวมถึงการให้ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำเพื่อแก้ไขภาวะขาดน้ำ หรือการผ่าตัดในกรณีที่จำเป็น
การดูแลตัวเองเบื้องต้น
ในระหว่างที่รอพบแพทย์ สามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นได้ดังนี้:
- จิบน้ำใส ๆ บ่อย ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง อาหารรสจัด หรืออาหารที่มีไขมันสูง
- พักผ่อนให้เพียงพอ
อาการอาเจียนไม่หยุดเป็นสัญญาณที่ร่างกายส่งมาเพื่อบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติ การใส่ใจสังเกตอาการและรีบปรึกษาแพทย์เมื่อจำเป็น จะช่วยให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อให้กลับมามีสุขภาพที่ดีได้อีกครั้ง
#อาหารเป็นพิษ #อาเจียน #ไวรัส