อาการเริ่มต้นของโรคปอดมีอะไรบ้าง

อาการเริ่มต้นของโรคปอด…อย่ามองข้ามสัญญาณเตือน

โรคปอดครอบคลุมโรคหลากหลายชนิด ตั้งแต่โรคเล็กน้อยไปจนถึงโรคร้ายแรงที่คุกคามชีวิต การสังเกตอาการเริ่มต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการรักษาและป้องกันไม่ให้โรคทรุดโทรมลง อาการเหล่านี้อาจไม่ชัดเจนในระยะแรก และมักถูกมองข้ามไป จนกระทั่งโรคมีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น การรู้จักอาการเริ่มต้นของโรคปอดจึงเป็นประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพของเรา

อาการเริ่มต้นที่ควรใส่ใจ (โปรดจำไว้ว่าอาการเหล่านี้อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆได้เช่นกัน การวินิจฉัยที่ถูกต้องจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบจากแพทย์)

• ไอเรื้อรัง: ไอที่ไม่หายไปนานกว่า 2-3 สัปดาห์ ถือเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไอมีเสมหะ (น้ำมูกข้น) มีเลือดปน หรือมีเสียงหวีดผิดปกติ ลักษณะของเสมหะ เช่น สี กลิ่น และความข้นหนืด ก็สามารถช่วยบ่งบอกถึงชนิดของโรคได้

• หายใจลำบาก (Shortness of breath) หรือ หอบเหนื่อย: รู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติ แม้จะทำกิจกรรมเบาๆ เช่น เดินขึ้นบันได หรือรู้สึกหายใจไม่เต็มปอด อาการนี้เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ

• เจ็บแน่นหน้าอก: อาการเจ็บแน่นหน้าอกอาจเป็นอาการของโรคปอดหลายชนิด เช่น ปอดบวม หรือโรคปอดอักเสบ ความเจ็บอาจเป็นแบบปวดแปล๊บๆ หรือปวดอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเจ็บมากขึ้นเมื่อหายใจลึกยิ่งต้องระวัง

• เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย: รู้สึกเหนื่อยล้ามากผิดปกติ แม้จะพักผ่อนเพียงพอแล้ว อาการนี้มักพบร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น ไอ หรือหายใจลำบาก

• น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ: การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วและไม่ทราบสาเหตุ ควรได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคปอดบางชนิด เช่น มะเร็งปอด

• ไข้ต่ำๆ: ไข้ต่ำๆ ที่เป็นๆหายๆ อาจเป็นอาการของโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เช่น ปอดบวม หรือโรคปอดอักเสบ

• เสียงหวีดจากปอด (Wheezing): เสียงหวีดที่เกิดจากการหายใจ อาจบ่งบอกถึงโรคหอบหืด หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)

นอกจากนี้ อาการอื่นๆที่อาจพบได้ ได้แก่:

• มีเลือดออกจากจมูกบ่อยๆ
• ผิวซีด หรือปลายนิ้วมือ ปลายนิ้วเท้าเขียวคล้ำ
• บวมที่ข้อเท้า หรือขา

สิ่งสำคัญ: อาการเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็นโรคปอดเสมอไป แต่หากคุณมีอาการเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการหลายอย่างร่วมกัน หรืออาการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด การตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็วจะช่วยให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม และป้องกันไม่ให้โรคทรุดโทรมลง อย่ารอให้สายเกินไป สุขภาพของคุณสำคัญที่สุด

หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ โปรดปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมกับสภาวะของคุณ