เซ็บเดิร์ม ควรทาอะไร

14 การดู

หากเป็นเซ็บเดิร์มที่หนังศีรษะ สามารถรักษาได้เองเบื้องต้นด้วยการใช้แชมพูขจัดรังแคที่มีส่วนผสมของซิลิเนียม ซัลไฟด์

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เซ็บเดิร์ม: เรื่องกวนใจที่ไม่ควรมองข้าม และอะไรที่ควรใช้เมื่อเป็น

เซ็บเดิร์ม หรือ Seborrheic Dermatitis เป็นภาวะผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่พบได้บ่อย มักเกิดขึ้นบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น หนังศีรษะ ใบหน้า (โดยเฉพาะบริเวณข้างจมูก คิ้ว และหน้าผาก) หน้าอกส่วนบน และหลัง อาการที่พบได้คือ ผิวหนังแดง เป็นขุย หรือมีสะเก็ดสีเหลืองคล้ายรังแค ทำให้เกิดอาการคันและระคายเคือง ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ที่เป็นอย่างมาก

ทำไมถึงเป็นเซ็บเดิร์ม?

สาเหตุของเซ็บเดิร์มยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ปัจจัยที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่:

  • เชื้อรา Malassezia: เชื้อราที่อาศัยอยู่บนผิวหนังของทุกคนตามปกติ แต่ในบางคนอาจมีการเจริญเติบโตมากเกินไป ทำให้เกิดการอักเสบ
  • กรรมพันธุ์: มีแนวโน้มว่าผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นเซ็บเดิร์ม จะมีความเสี่ยงมากขึ้น
  • ฮอร์โมน: ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปอาจมีผลต่อการผลิตน้ำมันบนผิวหนัง
  • ความเครียด: ความเครียดสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการเซ็บเดิร์มได้
  • สภาพอากาศ: อากาศเย็นและแห้งอาจทำให้อาการเซ็บเดิร์มแย่ลง
  • ระบบภูมิคุ้มกัน: ระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแออาจทำให้ผิวหนังไวต่อการอักเสบมากขึ้น

เมื่อเป็นเซ็บเดิร์ม ควรทาหรือใช้อะไร?

การรักษาเซ็บเดิร์มมีเป้าหมายเพื่อควบคุมอาการ ลดการอักเสบ และป้องกันการกำเริบ โดยผลิตภัณฑ์ที่ใช้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่เกิดอาการและความรุนแรงของโรค

เซ็บเดิร์มที่หนังศีรษะ:

ดังที่กล่าวมา การใช้แชมพูขจัดรังแคที่มีส่วนผสมของ ซิลิเนียม ซัลไฟด์ (Selenium Sulfide) เป็นการรักษาเบื้องต้นที่ได้ผลดี เพราะช่วยลดปริมาณเชื้อรา Malassezia และลดการผลัดเซลล์ผิวหนัง

นอกจากซิลิเนียม ซัลไฟด์แล้ว แชมพูที่มีส่วนผสมอื่นๆ ที่ช่วยบรรเทาอาการเซ็บเดิร์มได้แก่:

  • คีโตโคนาโซล (Ketoconazole): เป็นยาต้านเชื้อราที่มีประสิทธิภาพสูง
  • ไพริไทออน ซิงค์ (Pyrithione Zinc): มีฤทธิ์ต้านเชื้อราและแบคทีเรีย
  • ทาร์ (Tar): ช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการคัน
  • ซาลิไซลิก แอซิด (Salicylic Acid): ช่วยผลัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วและลดการอุดตัน

วิธีการใช้แชมพูขจัดรังแคอย่างถูกต้อง:

  • สระผมด้วยแชมพูขจัดรังแคตามคำแนะนำบนฉลาก โดยทั่วไปคือ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
  • นวดแชมพูลงบนหนังศีรษะให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ก่อนล้างออกให้สะอาด
  • หลีกเลี่ยงการใช้แชมพูที่มีส่วนผสมรุนแรงเกินไป เพราะอาจทำให้หนังศีรษะแห้งและระคายเคือง
  • หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

เซ็บเดิร์มบริเวณใบหน้าและส่วนอื่นๆ ของร่างกาย:

สำหรับบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย เช่น ใบหน้า หน้าอก หรือหลัง การใช้ครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมต่อไปนี้อาจช่วยบรรเทาอาการได้:

  • คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids): ช่วยลดการอักเสบและอาการคัน (ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากมีผลข้างเคียง)
  • ยาต้านเชื้อรา (Antifungal creams): เช่น คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) หรือ โคลไตรมาโซล (Clotrimazole)
  • ยาแก้แพ้ (Antihistamines): ช่วยลดอาการคัน
  • มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizers): ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดการระคายเคือง

เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อจัดการกับเซ็บเดิร์ม:

  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
  • ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน
  • หลีกเลี่ยงการเกาหรือขัดถูบริเวณที่เป็นเซ็บเดิร์ม
  • ควบคุมความเครียด
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง

ข้อควรระวัง:

บทความนี้ให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเซ็บเดิร์มและการรักษา การรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคลอาจแตกต่างกันไป ดังนั้น การปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอาการรุนแรง หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้น

สรุป:

เซ็บเดิร์มเป็นภาวะผิวหนังที่สร้างความรำคาญใจ แต่สามารถจัดการได้ด้วยการดูแลที่เหมาะสม การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้อง และการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผิวหนัง หากคุณสงสัยว่าคุณอาจเป็นเซ็บเดิร์ม อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้คุณกลับมามีผิวที่สุขภาพดีและมั่นใจได้อีกครั้ง