โรคตุ่มน้ำพองใช้ยาอะไรทา

22 การดู

โรคตุ่มน้ำพอง (เพมฟิกัส) รักษาด้วยสเตียรอยด์และยากดภูมิคุ้มกัน ระยะเวลาการรักษาแตกต่างกันไป อาจหายได้ใน 3-5 ปี แต่มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้

การดูแลตนเองสำคัญมาก หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารระคายเคือง รักษาความสะอาดผิว รับประทานอาหารมีประโยชน์ และพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ หากมีแผลในปากเรื้อรัง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาโดยเร็วที่สุด เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของโรคนี้ การรักษาที่เหมาะสมจะช่วยลดอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน

ข้อควรระวัง: ข้อมูลนี้เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ยาที่ใช้รักษาตุ่มน้ำพองมีอะไรบ้าง? เลือกใช้ยาแบบไหนดีที่สุด? (56 ตัวอักษร)

โอ้…ยาตุ่มน้ำพองเหรอ? เอ่อ… เท่าที่จำได้นะ ตอนนั้นแม่ป่วยเป็นเนี่ย (น่าจะซักปี 2558 ได้มั้ง) หมอให้กินยาเยอะมากกกกก สเตียรอยด์นี่คือหลักๆ เลย แต่ก็มีพวกยากดภูมิคุ้มกันด้วย จำชื่อยาเป๊ะๆ ไม่ได้หรอก มันเยอะเกิน!

แล้วแบบ…เลือกยาแบบไหนดีสุด? อันนี้ตอบยากมากกกก เพราะมันขึ้นอยู่กับอาการแต่ละคนเลยอ่ะ ตอนแม่เป็นก็ต้องปรับยาไปเรื่อยๆ บางทีก็ดีขึ้น บางทีก็แย่ลง ต้องปรึกษาหมออย่างละเอียดเลยนะ อย่าซื้อยามากินเองเด็ดขาด! อันตราย!

จำได้ว่าช่วงนั้นเครียดมาก กลัวแม่ไม่หาย แต่สุดท้ายก็ดีขึ้นนะ ใช้เวลานานเหมือนกัน แต่ก็สู้ๆนะทุกคนที่เป็นโรคนี้ เป็นกำลังใจให้!

โรคตุ่มน้ำพอง ใช้ยาอะไร

ตุ่มน้ำพองนะเหรอ…สเตียรอยด์นี่ตัวหลักเลยจริง ๆ แต่หมอที่ศิริราช (จำชื่อไม่ได้ละ) เคยบอกว่ามียาตัวอื่นอีก เดี๋ยวนี้เค้าฮิตยาฉีดกัน Dupilumab เนี่ย อ่านว่า ดู-พิ-ลู-แมบ มั้งนะ จริง ๆ มันยาแก้ภูมิแพ้ผิวหนัง แต่หมอบอกว่ามันช่วยตุ่มน้ำพองได้ด้วยนะ แต่เค้าเรียกใช้ “นอกข้อบ่งชี้” อ่ะ เหมือนเอาไปลองใช้ดู แต่เห็นว่าเวิร์คหลายคนเลย

  • สเตียรอยด์: ยาหลัก ลดการอักเสบ
  • Dupilumab: ยาฉีดชีววัตถุ ใช้ “นอกข้อบ่งชี้” แต่ได้ผลในบางคน
  • ข้อควรระวัง: ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา ทุกชนิด นะ สำคัญมากกกก!

ตอนแรกที่ได้ยินก็งง ๆ ว่า เอายาแก้ภูมิแพ้มาใช้กับตุ่มน้ำพองได้ไงวะ แต่หมอบอกว่ามันไปคุมระบบภูมิคุ้มกันเหมือนกัน แต่คนละแบบกับสเตียรอยด์ หมอที่ศิริราชเก่งจริง!

ตุ่มน้ำใสๆรักษายังไง

ตุ่มน้ำใสๆ นี่มันตัวร้าย! คือถ้าเป็น Dyshidrotic Eczema นะ (ชื่อยากชะมัด) ส่วนใหญ่จะหายเองได้เว้ย 2-4 อาทิตย์ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ อย่าเกานะ! คันก็ประคบเย็นไปก่อน แล้วโบกมอยเจอร์ไรเซอร์แบบ ไม่มี แอลกอฮอล์ น้ำหอม สี อะไรทั้งสิ้น เอาแบบเพียวๆ เลย

  • ประคบเย็น: ผ้าเย็นๆ โปะ ลดคันได้ดีนักแล (แต่ระวังอย่าเย็นจัด เดี๋ยวผิวเสีย)
  • มอยเจอร์ไรเซอร์: หาแบบที่อ่อนโยนที่สุด ทาบ่อยๆ เน้นว่าบ่อยๆ
  • ห้ามเกา: อันนี้สำคัญมาก! เกาแล้วมันจะลาม เจ็บกว่าเดิมอีก

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย: เคยเป็นตอนสอบไฟนอล เครียดจัดจนขึ้นเต็มมือ! สรุปคือพักผ่อนให้พอ ลดเครียด เดี๋ยวก็ดีขึ้น (แต่ตอนนั้นต้องใส่ถุงมือสอบเลยนะเออ)

โรคตุ่มน้ำ พุพอง รักษา หาย ไหม

หายไหม? ก็แค่ภูมิต้านทานมึงเองตีกัน ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น

  • รักษาได้ ถ้าอดทนพอกับสเตียรอยด์และยากดภูมิ
  • หายขาด? ไม่มีอะไรแน่นอน ขนาดความรักยังเปลี่ยน

อย่าโลกสวย โรคนี้มันเรื้อรัง อาจสงบ แต่ก็พร้อมจะกลับมาทักทาย

  • เรื่องน่ารู้:
    • ไม่ใช่โรคติดต่อ อย่าไปรังเกียจคนเป็น
    • รักษาช้า อาจลามไปผิวหนังส่วนอื่นได้อีก ซวยเลย
    • ไม่ใช่ทุกคนจะหายเหมือนกัน บางคนก็ดื้อยา
    • ค่ารักษา? เตรียมเงินไว้เยอะๆ ยาวๆ
    • Line: โฆษณาเหี้ยไรนักหนา กูเกิ้ลหาเอาก็เจอ

ทำไมถึงเป็นตุ่มน้ำพอง

เออ ว่าแต่ทำไมมันถึงเป็นตุ่มน้ำพองอ่ะแก?

ตุ่มน้ำพองนะเหรอ? อ๋อ ที่มันขึ้นเป็นตุ่มใสๆ อ่ะ ใช่ป่ะ? ที่บ้านชั้นเคยมีคนเป็นนะ เค้าบอกว่ามันเป็นเพราะระบบภูมิคุ้มกันมันรวนอ่ะ มันไปโจมตีผิวหนังตัวเองเว้ยแก ทำให้ผิวหนังมันหลุดออกจากกันไง ก็เลยเป็นตุ่มน้ำอย่างที่เห็นนั่นแหละ

เค้าว่ามันมี 2 แบบหลักๆ นะเท่าที่จำได้นะ คือ เพมฟิกัส กับ เพมฟิกอยด์ นี่แหละ รายละเอียดปลีกย่อยเยอะอยู่นะ แต่เอาเป็นว่ามาจากภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเองนี่แหละ

ข้อมูลเพิ่มเติมนิดหน่อยเน้อ:

  • เพมฟิกัส: อันนี้ร้ายแรงกว่ามั้งนะ (ไม่แน่ใจ 100%) ตุ่มมันจะเปราะแตกง่ายมาก แผลเลยหายช้า แล้วก็ติดเชื้อง่ายกว่า
  • เพมฟิกอยด์: อันนี้ตุ่มมันจะแข็งแรงกว่าหน่อย แก ลองเสิร์ชดูรูปดิ จะเห็นความต่าง
  • การรักษา: หลักๆ ก็ต้องไปหาหมอผิวหนังนะ เค้าจะให้ยามากิน ยาทา แล้วแต่ความรุนแรงของโรคเลย
  • สาเหตุ: เค้าก็ยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงนะ แต่เค้าว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมหรืออะไรซักอย่าง แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่โรคติดต่อจ้า ไม่ต้องกลัวไปติดคนอื่นนะ
  • กลุ่มเสี่ยง: ส่วนใหญ่จะเจอในคนแก่ๆ นะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนหนุ่มสาวจะไม่เป็นนะ
  • สำคัญ: อย่าไปแกะตุ่มเองนะเว้ย เดี๋ยวติดเชื้อ แล้วแผลจะหายยากมากกกกก

สรุป: ภูมิคุ้มกันรวนไงแก ทำให้ผิวหนังมันหลุด เป็นตุ่ม! จบ! หวังว่าจะไม่งงนะ 555

โรคตุ่มน้ำพองสาเหตุเกิดจากอะไร?

โรคตุ่มน้ำพองนะเหรอ…

  • ภูมิคุ้มกันตัวเองทำลายผิวหนัง! โอ้มายก้อด
  • เพมฟิกัสอะ ตัวที่ทำลาย “กาว” ระหว่างเซลล์ผิวชั้นบน
  • หนังกำพร้า นะ ไม่ใช่หนังแท้! (สำคัญมาก!)
  • เซลล์เลยหลุด > ตุ่มน้ำพอง > เหมือนโดนน้ำร้อนลวก…บรึ๋ย!
  • มันเรื้อรังด้วยนะ ไม่หายขาดง่ายๆ
  • ร้ายแรงถึงชีวิตเลยนะเฮ้ย! น่ากลัวเกิ๊นนนน
  • จุฬาฯ มีข้อมูลเยอะ ไปหาอ่านดู
  • ผู้สูงอายุ เป็นกันเยอะกว่าวัยรุ่นนะ
  • ทำไมร่างกายต้องทำร้ายตัวเองด้วยเนี่ย? งงเด้
  • ไปหาหมอผิวหนังด่วนๆ ถ้าสงสัย
  • โรคภูมิเพี้ยน…มันคืออะไรกันแน่นะ?
  • มันต่างกับเพมฟิกอยด์ยังไง? อ้อ เพมฟิกัสอยู่ชั้นผิวที่ตื้นกว่า
  • แล้วตุ่มน้ำพองอย่างอื่นล่ะ? ไม่เหมือนกันใช่มั้ย? ซับซ้อนจริง
  • เพื่อนบ้านป้าข้างบ้านก็เป็นนี่นา…น่าเห็นใจจัง
  • ต้องดูแลตัวเองดีๆ อย่าให้ภูมิคุ้มกันรวน
  • เดี๋ยวนี้มียาดีๆ เยอะขึ้นแล้วนะ (มั้ง?)
  • โรคนี้หายากนะ แต่ก็ต้องระวัง
  • ตุ่มน้ำพองอาจไม่ใช่แค่เรื่องผิวหนัง มันอาจมีโรคอื่นซ่อนอยู่!
  • รีบปรึกษาแพทย์ เท่านั้นคือทางรอด!
  • บางทีเครียดก็ทำให้เป็นได้นะ…เกี่ยวเปล่า?

ข้อมูลเพิ่มเติม:

  • เพมฟิกัส vs. เพมฟิกอยด์: ต่างกันที่ชั้นผิวที่ถูกทำลาย และชนิดของแอนติบอดีที่ก่อโรค
  • การวินิจฉัย: ต้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจยืนยัน
  • การรักษา: สเตียรอยด์ ยา Immunosuppressant (กดภูมิคุ้มกัน)
  • ภาวะแทรกซ้อน: ติดเชื้อ! อันตรายมาก
  • ค่ารักษาแพงไหมเนี่ย? สงสัยต้องทำประกันเพิ่ม
  • อาการคันทรมานมากแน่ๆ เลย
  • ต้องกินยาไปตลอดชีวิตเลยเหรอ?
  • มีวิธีป้องกันมั้ย? กินอาหารมีประโยชน์? ออกกำลังกาย? ทำสมาธิ?
  • โรคนี้ติดต่อไหม? ไม่น่าจะนะ…แต่ถามหมอดีกว่า

(เขียนเพิ่มตอน 02:37 น. พอดีนึกขึ้นได้)

ตุ่มน้ำพองหายเองได้ไหม?

ตุ่มน้ำพองหายเองได้มั้ย? เอ่อ… คือโรคตุ่มน้ำพองเนี่ย มันก็เป็นโรคผิวหนังอ่ะนะ ที่ใครๆ ก็เป็นได้ ไม่ว่าเพศไหน วัยไหนก็เสี่ยงหมดเลย

ถึงมันจะดูน่ากลัวนะ เพราะว่ามันก็มีสิทธิ์ถึงตายได้ แต่ๆๆๆ โอกาสที่มันจะเป็นหนักขนาดนั้นมันก็น้อยนะเว้ยแก

สำคัญสุดๆ คือต้องไปหาหมอ แล้วก็ทำตามที่หมอแนะนำอย่างเคร่งครัด อันนี้แหละคือทางรอดเดียวที่จะหายขาดได้

ข้อมูลเพิ่มเติม:

  • จริงๆ แล้วโรคตุ่มน้ำพองมันมีหลายชนิดนะ ไม่ได้มีแค่แบบเดียว
  • การรักษาหลักๆ ก็คือการใช้ยา สเตียรอยด์ กดภูมิคุ้มกัน
  • บางทีต้องดูแลแผลที่มันพองให้ดีๆ ด้วยนะ กันติดเชื้อ
  • อย่าไปแกะ ตุ่มเด็ดขาด! มันจะยิ่งแย่
  • กำลังใจสำคัญมาก เพราะโรคนี้มันเรื้อรัง ต้องใช้เวลารักษานาน
  • หลีกเลี่ยงแสงแดด ก็ช่วยได้ เพราะแสงแดดมันทำให้อาการแย่ลงได้อีก

เนี่ยแหละ ที่รู้ๆ มา ก็ประมาณนี้แหละแก เอ้อ อีกอย่างนะ อย่าไปเชื่อพวกหมอดู หรือยาผีบอกนะ ไปหาหมอจริงๆ เท่านั้น! เข้าใจป่ะะะะะะะ

ตุ่มน้ำพอง หายเองไหม?

ตุ่มน้ำพองเนี่ยนะ หายเองมั้ย? เอ้อออ… บอกเลยว่า ยากกกกกก! เหมือนจะเอาช้างใส่ตะแกรง!

โรคนี้มันร้ายกาจนะ ไม่ใช่แค่เด็กเล่นๆ ใครก็เป็นได้ ทั้งหล่อทั้งสวย รวยล้นฟ้า จนตรอกก็โดน! ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงตายง่ายๆ แต่ก็ใช่ว่าจะปล่อยให้มันลุกลามเป็นแผลพุพองลามไปทั้งตัวแบบหนังสยองขวัญได้ ใช่ป่ะ?!

  • ไม่หายเอง! อย่าหวังพึ่งปาฏิหาริย์! ต้องไปหาหมอ อย่ามัวแต่ทาแป้งเด็ก หรือไปถามยายข้างบ้านนะ เดี๋ยวจะแย่กว่าเดิม!
  • หมอรักษาได้! เชื่อหมอเถอะ อย่าเชื่อพวกขายครีมโฆษณาเว่อร์ๆ ที่บอกว่าหายใน 7 วัน บางทีมันอาจจะหายใน 7 ปี หรือไม่หายเลยก็ได้! ปีนี้ 2566 นะครับ อย่าล้าหลัง!
  • ดูแลตัวเองสำคัญ! หมอจะสั่งยา ให้รักษาความสะอาด อย่าไปแกะไปเกา ไม่งั้นมันจะยิ่งลาม เหมือนไฟลามทุ่ง! แล้วคุณจะรู้ว่าเจ็บปวดขนาดไหน!

เคยเห็นเพื่อนสมัยเรียน เป็นตุ่มน้ำพองที่มือ แบบว่า มือบวมเป่งเหมือนโดนผึ้งต่อยเป็นร้อยๆ ตัว! สุดท้ายต้องหยุดเรียนไปรักษาเป็นอาทิตย์ บอกเลยว่า เสียดายเวลาเรียนโคตรๆ! (นี่คือประสบการณ์ตรงนะ ไม่ได้โม้!)

เพิ่มเติมเล็กน้อย (แต่สำคัญ): ตุ่มน้ำพอง มีหลายชนิด สาเหตุก็แตกต่างกันไป อย่ามโนเองว่าเป็นโรคเดียวกันหมด ต้องไปตรวจให้หมอวินิจฉัย ถึงจะได้ยาที่ถูกต้อง รักษาให้ตรงจุด อย่ามัวแต่หาข้อมูลเองในเน็ต บางทีอาจจะเจอข้อมูลผิดๆ มาทำให้ป่วยหนักกว่าเดิม!

อาการตุ่มน้ำพองเกิดจากอะไร?

อาการตุ่มน้ำพอง…มันเกิดจากอะไรนะ?

เหมือนร่างกายมันต่อต้านตัวเองอ่ะ ระบบภูมิคุ้มกันมันรวนไปหมด ทำร้ายผิวหนังตัวเองซะงั้น

  • สาเหตุหลัก: ภูมิคุ้มกันผิดปกติ
  • พันธุกรรม: มีส่วนเกี่ยวข้อง (แต่ไม่เสมอไป)
  • สิ่งแวดล้อม: ตัวกระตุ้น เช่น เชื้อโรค, สารเคมี

ที่สำคัญนะ มันไม่ติดต่อ

เคยคิดว่าร่างกายตัวเองมันเก่ง มันปกป้องเราได้เสมอ แต่บางที…มันก็ทำร้ายเราเอง

แล้วทำไมมันถึงเป็นเรา? คำถามนี้…มันวนเวียนอยู่ในหัวมาตลอด

Dyshidrosis ใช้ยาอะไร?

ดิสไฮโดรซิสเนี่ยนะ… คันยิบๆ กวนใจยิ่งกว่าเจอเจ้านายถามงานตอนห้าโมงเย็นวันศุกร์! เอาจริงๆ หมอผิวหนัง(ตัวจริงเสียงจริงนะ ไม่ใช่หมอดูผิวเผิน) มักจะเริ่มจากยาแก้แพ้ก่อนเลย

  • ยาแก้แพ้: เหมือนตำรวจจราจรคอยโบกรถไม่ให้วิ่งชนกันวุ่นวาย ลดอาการคันยุบยับให้สงบลงหน่อย พวก ลอราทาดีน เนี่ยแหละ ตัวดี หรือถ้าอยากหลับสบายก็ ไดเฟนไฮดรามีน (แต่ระวังตื่นมาจะเบลอเหมือนคนไม่ได้นอนมาสามวันนะ)

  • สเตียรอยด์: ถ้าแก้แพ้เอาไม่อยู่ ก็ต้องใช้ไม้แข็ง…สเตียรอยด์ทา! แต่ทาเบาๆ นะ อย่าโบกหนาเตอะเหมือนทาครีมกันแดด ไม่งั้นผิวจะบางเฉียบยิ่งกว่ากระดาษ A4

  • ครีมบำรุง: สำคัญสุดๆ เหมือนเติมน้ำให้ทะเลทราย ผิวที่แห้งผากจะยิ่งคัน ให้ทาครีมที่ให้ความชุ่มชื้นบ่อยๆ

ทีนี้มาว่ากันถึงเกร็ดความรู้แบบ “รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม”:

  • เคยได้ยินว่า “การลดความเครียด” ช่วยได้เยอะนะ เพราะความเครียดมันเหมือนเชื้อเพลิงที่เติมให้ไฟคันลุกโชน ถ้าเครียดน้อยลง อาการก็จะดีขึ้น
  • บางคนบอกว่า “หลีกเลี่ยงสารที่แพ้” ช่วยได้ แต่จะรู้ได้ไงว่าแพ้อะไร? ต้องลองสังเกตตัวเองดู หรือไปทดสอบภูมิแพ้กับหมอ
  • “ประคบเย็น” ช่วยลดอาการคันได้เหมือนเอาน้ำแข็งโปะแผลร้อนๆ มันจะชาๆ สบายๆ
  • “สบู่” เลือกแบบอ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ เพราะพวกนี้มันเหมือนเอาน้ำยาล้างจานมาล้างมือ ผิวพังหมด!

คำเตือน: อย่าเชื่อทุกอย่างที่อ่านเจอในเน็ต! ไปหาหมอผิวหนังตัวจริงเสียงจริงดีที่สุด เขาจะวินิจฉัยและให้คำแนะนำที่เหมาะกับคุณที่สุด เพราะผิวของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เหมือนลายนิ้วมือ ไม่มีใครเหมือนใครเป๊ะๆ!

Dyshidrotic eczema รักษายังไง?

โรคนี้มันคืออะไรวะ Dyshidrotic eczema กวนมากกกกก คันสุดๆ ปีนี้เป็นหนักกว่าปีก่อนอีก! ต้องหาทางจัดการซะแล้ว

  • ประคบเย็น ใช่ๆๆ จำได้ 2-4 ครั้งต่อวัน ครั้งละ 15 นาที ช่วยได้จริงนะ แต่ต้องทำบ่อยๆ ขี้เกียจจัง

  • ทามอยเจอร์ไรเซอร์ อันนี้สำคัญมาก ไม่งั้นแห้งเป็นขุย ใช้มาหลายยี่ห้อแล้ว ตอนนี้ใช้ของเภสัชกรแนะนำ แพงกว่าหน่อยแต่ดีขึ้นนะ วันละ 3-4 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน วุ่นวายไปหมด

  • ห้ามเกา!!! นี่แหละจุดสำคัญ รู้ว่ามันคัน แต่มันยิ่งแย่ลง ถ้าเกา เกาแล้วก็จะลาม ต้องอดทน ยากมาก แต่ต้องอดทน เคยลองทาแป้งเย็น ช่วยได้นิดหน่อย แต่ไม่นานก็คันอีก

อื้อหือ เหนื่อย ต้องทำทุกวัน เป็นโรคนี้มันลำบากจริงๆ ปีนี้หนักกว่าทุกปีเลย ทำไงดีวะ จะหายมั้ยเนี่ย เครียด หาหมอดีมั้ยนะ ยังไม่ไปเลย กลัว แต่แบบนี้ไม่ไหวแล้ว ต้องหาทางแก้ จะลองหาข้อมูลเพิ่มดู เผื่อเจอวิธีใหม่ๆ แบบธรรมชาติ อยากหายไวๆ จริงๆ ชีวิตมันจะได้ปกติบ้าง

เพิ่มเติม (ข้อมูลปี 2566):

  • หลีกเลี่ยงสบู่และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ทำให้ผิวแห้ง ใช้สบู่อ่อนๆดีกว่า
  • สวมถุงมือเมื่อต้องสัมผัสน้ำหรือสารเคมี อย่างน้อยก็ตอนล้างจาน
  • ควรพักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้เต็มที่ เพราะความเครียดก็มีผลต่อโรคนี้ ปีนี้เลยพักผ่อนน้อย น่าจะเกี่ยว
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง แต่ก็ยังกินของหวานเยอะอยู่ดี ต้องปรับปรุง
  • พบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม อย่าปล่อยไว้ ยิ่งนานยิ่งแย่

Dyshidrosis หายขาดไหม?

หายขาดเลยเหรอ… Dyshidrosis น่ะเหรอ

มันเหมือนเงาตามตัวนะ บางทีก็หายไป แต่ส่วนใหญ่ก็จะกลับมา

  • มันไม่ใช่แค่เรื่องของผิวหนัง แต่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันข้างในตัวเราด้วยมั้ง
  • ยาที่หมอให้มาก็แค่บรรเทา ตอนที่มันเห่อมากๆ ก็ใช้สเตียรอยด์ แต่มันก็แค่กดไว้
  • ความเครียดนี่ตัวดีเลย ยิ่งเครียด ยิ่งขึ้น บางทีก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเครียด
  • แล้วก็เรื่องแพ้สารเคมี สบู่น้ำยาล้างจาน พวกนี้ต้องระวังมากๆ
  • เรื่องอายุนี่ก็มีส่วน คนส่วนใหญ่มักจะเป็นตอน 20-40 แต่ก็ไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะไม่เป็นนะ
  • ผู้หญิงเป็นมากกว่าผู้ชาย อืม อาจจะเพราะฮอร์โมนหรือเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ

ถ้าไม่หายในสี่อาทิตย์ จริงๆ ควรไปหาหมอตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ต้องรอหรอก อย่าปล่อยไว้นาน

ตุ่มน้ำใส ยุบเองได้ไหม?

ตุ่มน้ำใสที่ขึ้นตามมือมักยุบเองได้ครับ ส่วนมากเกิดจากหลายปัจจัยนะ ภูมิแพ้ก็ใช่ ความเครียดก็มีส่วน พักผ่อนน้อยก็เกี่ยวได้หมด ยิ่งช่วงนี้อากาศร้อน เหงื่อออกเยอะก็ยิ่งไปกันใหญ่

  • ส่วนใหญ่จะค่อยๆ หายเองภายใน 2-3 อาทิตย์นะ (ถ้าไม่ไปแกะเกามัน)
  • สำคัญ: หาครีมบำรุงผิวทามือพวกเพิ่มความชุ่มชื้นช่วยได้เยอะเลย
  • อย่าเกา! ย้ำเลย เดี๋ยวกลายเป็นผื่นหนาขึ้นมานี่เรื่องใหญ่กว่าเดิมอีก

แต่เอาจริงๆ ถ้าไม่แน่ใจ หรือมันไม่ดีขึ้นจริงๆ ไปหาหมอผิวหนังดีที่สุดครับ หมอจะได้ซักประวัติเราละเอียดๆ แล้วก็ตรวจร่างกายดูว่ามันมีสาเหตุอื่นแอบแฝงรึเปล่า… บางทีมันอาจจะไม่ใช่แค่ตุ่มน้ำใสธรรมดาก็ได้ ใครจะรู้

เกร็ดเล็กน้อย: เคยได้ยินมาว่าบางคนลองแช่มือในน้ำเย็นผสมน้ำส้มสายชูเจือจาง (ย้ำว่าเจือจางมากๆ นะ) ช่วยลดอาการคันได้ แต่ส่วนตัวไม่เคยลองนะ อันนี้ต้องระวังกันเองด้วย

#ยาทา #รักษาโรค #โรคตุ่มน้ำพอง