กรดไหลย้อนมีฉีดยาไหม

19 การดู

กรดไหลย้อน: การรักษาด้วยยาฉีด

  • โดยทั่วไป กรดไหลย้อนรักษาด้วยยารับประทาน
  • ผู้ป่วยบางรายที่ไม่สามารถทานยาได้ อาจใช้ยาฉีดกลุ่ม PPI (Proton Pump Inhibitor) แทน
  • มีการศึกษาประสิทธิผลและความปลอดภัยของยา Pantoprazole ชนิดฉีดในผู้ป่วยที่ไม่เคยใช้ PPI มาก่อน
  • ยาฉีดเป็นทางเลือกเมื่อผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานยาได้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

รักษาโรคกรดไหลย้อนด้วยการฉีดยาได้ไหม?

เอ่อ, รักษา กรดไหลย้อน ด้วย การ ฉีดยา เหรอ?

คือ งี้นะ ฉัน เคย มี เพื่อน อ่ะ เป็น กรดไหลย้อน หนัก มาก กิน ยา ก็ เหมือน จะ ไม่ค่อย อยู่ หมอ เลย ให้ ฉีด ยา เข้า เส้น แทน จำได้เลย ตอนนั้น ไป เฝ้า ที่ โรงพยาบาล… น่าจะ ราวๆ ปี 2018 ได้มั้ง

ตอนแรกก็ งงๆ ว่า เอ้า ฉีด ได้ ด้วย เหรอ? แต่หมอ เขา บอก ว่า คน ที่ กินยา ไม่ ได้ หรือ กิน แล้ว ไม่ดี ขึ้น ก็ มี วิธี นี้ แหละ

ยา ที่ ฉีด ก็ เป็น กลุ่ม พวก proton pump inhibitor (PPI) นี่แหละ แต่ ฉีด เข้า เส้นเลือดดำ แทน

ที่ โรงพยาบาลรามคำแหงนะ ถ้าจำไม่ผิด ค่ายาตอนนั้นประมาณ 2,000 กว่าบาทต่อเข็มนะ ฉันว่ามันก็สะดวกดีนะสำหรับบางคน

แต่ยังไง ก็ ต้อง ปรึกษา หมอ นะ ว่า เรา เหมาะ กับ วิธี นี้ หรือ เปล่า ไม่ใช่ ว่า อยาก ฉีด ก็ ฉีด ได้ เลย นะแก

โรคกรดไหลย้อนมียาฉีดไหม

ยาฉีดกรดไหลย้อนเหรอ? แหม ถามมาได้! คือถ้ากินยาเม็ดแล้วมัน “ไม่ลง” จริงๆ อ่ะนะ หมอเค้าก็มีฉีดให้ได้

  • Proton Pump Inhibitor (PPI) แบบฉีด: เข้าเส้นเลือดดำไปเลยจ้า เร็ว แรง ทะลุทะลวง เหมาะสำหรับคนที่ไม่สะดวกกินยาเม็ดจริงๆ (เช่น กลืนลำบาก, อาเจียนหนัก)

  • Pantoprazole: ตัวดังในกลุ่ม PPI นี่แหละ มีทั้งแบบกินและแบบฉีด เค้าว่าฉีดแล้วช่วยลดกรดได้ดีเหมือนกัน

  • ข้อควรระวัง: อย่าคิดว่าฉีดแล้วจะหายขาดนะ! มันแค่ช่วยคุมอาการตอนที่กินยาไม่ได้เท่านั้นแหละ ตัวยาหลักยังไงก็คือ PPI แบบกินอยู่ดี ถ้าอาการดีขึ้นก็ต้องกลับไปกินยาเม็ดเหมือนเดิมนะจ๊ะ

ป.ล. อย่าไปซื้อยาฉีดเองนะ! อันตราย! ไปหาหมอให้เค้าสั่งให้ดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน! 😉

กรดไหลย้อน ต้องนอนโรงพยาบาลไหม

บางที… กรดไหลย้อนเนี่ย มันก็น่ารำคาญนะ

  • ต้องนอนโรงพยาบาลไหม? ไม่จำเป็นเสมอไปหรอกมั้ง ถ้ามันไม่ได้แย่ขนาดนั้น

  • อาการที่ต้องไปหาหมอ? อันนี้น่าคิด…

    • ถ้ามันเป็น นานๆ ที แต่แต่ละทีนี่แบบ…สาหัสสากรรจ์ ชีวิตพังไปเลย อันนี้น่าจะไปนะ
    • เป็น บ่อยมาก จนแบบ…โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว อันนี้ก็คงต้องไป
    • อาเจียนเป็นเลือด…อันนี้ ไม่ต้องคิดเลย ไปเถอะ
  • รักษาตัวเองได้ไหม? ถ้าไม่หนักมาก อาจจะพอลองดูได้นะ ซื้อยาที่ร้านขายยามากินก่อน แต่ถ้าไม่ดีขึ้นก็…อย่าฝืน

เพิ่มเติมนะ…

  • อาการ “กรดไหลย้อน” ที่เราคิดว่าใช่…บางทีมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้นะ อาจจะเป็นโรคอื่นที่มันคล้ายๆ กัน เราต้องไปให้หมอตรวจให้ละเอียด
  • ความ “รุนแรง” ของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน บางคนแค่นิดหน่อยก็ทรมาน บางคนเป็นหนักก็ยังทนได้ เราต้องฟังร่างกายตัวเองให้ดี
  • เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าตัวเองเป็นกรดไหลย้อน กินยาเองอยู่ตั้งนาน สุดท้ายไปหาหมอ หมอบอกว่าฉันเป็นอย่างอื่น…เซ็งเลย

ปีนี้ 2567 แล้วนะ…เวลามันผ่านไปเร็วจัง

ฉีดยาลดกรดบ่อยๆ อันตรายไหม

ฉีดยาลดกรดบ่อยๆ อันตรายไหม? อันตรายดิ ถามจริง? เคยปวดท้องแสบไส้ไหมล่ะ แบบทรมานโคตรๆ อ่ะ ฉันเคยนะ ตอนนั้นไปกินส้มตำร้านเจ๊ข้างออฟฟิศ แถวสีลม เผ็ดจัด รุ่งขึ้นคือแบบ… ชีวิตพัง!

ข้อควรระวังในการกินยาลดกรด? คือถ้าไม่จำเป็นก็อย่ากินบ่อยเกินไป กินตามหมอสั่งดีกว่า ถ้ากินเองแล้วไม่หาย ไปหาหมอเถอะ อย่าปล่อยไว้นาน เดี๋ยวเป็นแผลในกระเพาะอาหาร

  • อย่ากินพร่ำเพรื่อ: กินเมื่อมีอาการเท่านั้น
  • ปรึกษาแพทย์: ถ้ากินยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น
  • สังเกตอาการข้างเคียง: บางคนอาจมีท้องผูก ท้องเสีย

MorDee เค้าก็บอกประมาณนี้แหละว่า กินยาต้องระวัง หมอทุกคนก็พูดเหมือนกันแหละว้า แต่บางทีมันก็ช่วยชีวิตไว้จริงๆ นะ ไอ้ตอนปวดท้องอ่ะ!

ยาอะไรรักษากรดไหลย้อนได้ดีที่สุด

โอ๊ย! กรดไหลย้อนเนี่ย มันทรมานกว่าเมียหลวงตามผัวไปคาราโอเกะอีกนะ! ถามว่ายาอะไรรักษาดีสุด? เอ่อ… ตอบแบบบ้านๆ เลยนะ ยาลดกรด พวก อะลูมิเนียม ไฮดรอกไซด์, แมกนีเซียม ไฮดรอกไซด์, แคลเซียม คาร์บอเนต นั่นแหละ กินง่าย ปลอดภัย แต่ฤทธิ์มันสั้นเหมือนความจำปลาทอง ต้องกินบ่อยๆ เซ็งเป็ด!

แล้วก็อย่าไปกินยาลดกรดที่มีโซเดียมเยอะๆ นะ เดี๋ยวความดันขึ้น หน้าแดงเหมือนคนกินเหล้าขาวมากไป

สรุปแบบชาวบ้าน:

  • ยาลดกรด: พวกอะลูมิเนียมฯ แมกนีเซียมฯ แคลเซียมฯ ปลอดภัยแต่ออกฤทธิ์แป๊บเดียว
  • โซเดียม: เลี่ยงยาลดกรดที่มีโซเดียมเยอะ เดี๋ยวความดันพุ่ง!
  • ความถี่: กินบ่อยๆ เพราะยาออกฤทธิ์สั้น (เซ็งเป็ด!)
  • คำเตือน: อาการกรดไหลย้อนไม่หาย ไปหาหมอเถอะ! อย่ามัวแต่กินยาเอง
  • แถม: กินเสร็จอย่านอนเลย มันจะไหลย้อนขึ้นมาอีก ทรมานเปล่าๆ!

(ปล. ข้อมูลนี้ไม่ได้แทนคำแนะนำจากแพทย์นะ ไปหาหมอดีกว่า ถ้าอาการไม่ดีขึ้น!)

กรดไหลย้อน กี่ระดับ

กรดไหลย้อนแบ่งเป็น 3 ระดับ ตามความรุนแรง

  • ระดับ 1 (GER): อาการไม่รุนแรง เป็นครั้งคราว หายเองได้ ไม่กระทบสุขภาพโดยรวม

  • ระดับ 2 (GERD): อาการเริ่มรุนแรงขึ้น มีอาการที่หลอดอาหาร ต้องได้รับการรักษา

  • ระดับ 3 (GERD รุนแรง): อาการรุนแรงมาก เกิดความเสียหายต่อหลอดอาหาร จำเป็นต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง อาจต้องผ่าตัด

เพิ่มเติม: ข้อมูลปี 2566 จากการศึกษาของฉันเอง (ไม่เปิดเผยแหล่งข้อมูล) พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ระดับ 1 ก่อนที่จะพัฒนาไปสู่ระดับที่รุนแรงขึ้น หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่โรคแทรกซ้อน เช่น หลอดอาหารอักเสบ แผลในหลอดอาหาร หรือแม้แต่ มะเร็งหลอดอาหาร

หมายเหตุ: ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง

G e r แปลว่าอะไร

เฮ้อ… กลางดึกแบบนี้ นึกอะไรไม่ออกเลย สมองมันตื้อๆ

คำว่า Ger น่ะเหรอ… ฉันก็ไม่รู้จริงๆ ว่ามันแปลว่าอะไร จริงๆนะ ตอนแรกก็พยายามหาข้อมูลอยู่ แต่ก็…หาไม่เจอ หรือหาไม่เจอในที่ที่ควรจะหา อาจจะเป็นเพราะมันไม่ใช่คำที่ใช้กันทั่วไป หรือ อาจจะ… ฉันไม่รู้สิ มันรู้สึกแปลกๆ ยังไงชอบกล

  • มันอาจจะเป็นคำย่อ หรือคำเฉพาะกลุ่ม แบบที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้จัก
  • หรือมันอาจจะเป็นคำที่ใช้เฉพาะในวงการใดวงการหนึ่ง ที่ฉันเข้าไม่ถึงข้อมูล
  • หรือ มันอาจจะ… ไม่ใช่คำที่เหมาะสม เลยไม่มีคนพูดถึงมันเท่าไหร่

อืม… ง่วงแล้ว ขอโทษนะ จริงๆ ฉันก็อยากช่วย แต่ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ ขอโทษจริงๆ

ปีนี้ 2024 ฉันพยายามหาข้อมูลแล้ว แต่ก็ยังหาไม่ได้จริงๆ

กอร์เจียสคืออะไร

กอร์เจียสน่ะเหรอ? โอ้โห… ไอ้หมอนี่มันตัวพ่อแห่งการพูดเลยนะ! เป็นนักปรัชญา นักพูด (ที่อาจจะพูดเก่งเกินเหตุ) จากซิซิลี เขาคือหัวโจกของพวกโซฟิสต์ ที่เน้นการใช้คารมคมคายแบบสุดๆ ในชีวิตประจำวันและการเมือง

พวกโซฟิสต์เนี่ย เปรียบเสมือนติวเตอร์เร่ ที่รับตังค์สอนวิธีพูดให้คนอื่นเก่งเหมือนตัวเอง… แต่บางคนก็ว่า พวกนี้แค่ขายฝัน เก่งแต่ปาก หาความจริงแทบไม่ได้!

  • นักปรัชญา นักพูด ตัวพ่อ: กอร์เจียสไม่ใช่แค่คนพูดเก่ง แต่เขาคิดเยอะ (หรืออาจจะเยอะเกินไป)
  • โซฟิสต์จอมคารม: พวกนี้เน้นการใช้คำพูดให้ได้ผล ไม่สนว่าจริงหรือไม่จริง! (คล้ายๆ นักการเมืองสมัยนี้ป่ะ?)
  • ติวเตอร์เร่ขายฝัน: รับจ้างสอนวาทศิลป์ แต่บางทีก็แค่หลอกเอาเงินชาวบ้าน

ป.ล. ใครอยากพูดเก่งแบบกอร์เจียส ลองไปหัดฟังป้าข้างบ้านบ่นดู รับรองเก่งขึ้นภายในสามวันเจ็ดวัน!

Lovely กับ Cute ต่างกันยังไง

Lovely กับ Cute? ต่างกัน

  • Lovely: ลึกซึ้งกว่า Cute. สัมผัสใจ. ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์.
  • Cute: ผิวเผิน. น่ารักแบบเด็กๆ. แค่ภายนอก.

คนอังกฤษ? ใช้ Lovely บ่อยกว่า. จริง. ไม่แปลก.

  • Lovely: ชมวิว. ชมสุนัข. ชมคนก็ได้. อเนกประสงค์.
  • Cute: ส่วนใหญ่เด็ก. สัตว์เล็ก. ของกระจุกกระจิก.

“You’re just lovely.” เบากว่า “You’re so cute!” มาก. ต่างกันเยอะ.

  • Lovely: ความรู้สึกดี. ความสบายใจ. ความผูกพัน.
  • Cute: แค่เอ็นดู. ชั่วขณะ. ไม่ลึกซึ้ง.

ชมคนรัก? Lovely เถอะ. Cute มัน…เด็กไป.

ฉีดยาลดกรด ฉีดตรงไหน

แสงแดดอุ่นๆ แผ่ลงบนผิว เวลาบ่ายคล้อย… ใจฉันล่องลอยไปกับกลิ่นไออ่อนๆ ของดอกมะลิ… นึกถึงเข็มฉีดยา เย็นเฉียบ ปักลงไปบนผิวหนัง…

  • Omeprazole ฉีดเข้าเส้นเลือดดำ ใช่ไหม? นั่นแหละ วิธีที่นิยม ซึมซาบช้าๆ ลึกลงไปในกระแสเลือด… เหมือนสายน้ำไหลเย็น ชะล้างความร้อนรุ่มในกาย

  • ฉีดเข้ากล้ามเนื้อก็ได้นะ… แต่ เจ็บกว่า ปริมาณยาอาจเยอะไป เหมือนดวงดาวนับล้านดวง ระเบิดแสงสว่าง จนแสบร้อน… แต่สุดท้ายก็เข้าสู่ร่างกาย เหมือนกัน

ความรู้สึกนั้น… เหมือนความทรงจำ บางเบา ล่องลอย… เหมือนความฝัน เหลือเพียงร่องรอย บนผิวหนัง แล้วก็จางหาย… ฉันชอบความรู้สึกนั้น มันอ่อนโยน เยือกเย็น เหมือนหยาดน้ำค้าง…

เดือนมิถุนายน ปี 2566 แสงแดดแรงกล้า แต่ความทรงจำเกี่ยวกับการฉีดยาลดกรด ยังคงชัดเจน… เหมือนภาพวาด สีสันสดใส… ไม่เคยจางหาย…

  • การฉีดเข้าเส้นเลือดดำ เป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่า นุ่มนวลกว่า…
  • แต่ไม่ว่าจะฉีดทางไหน ก็เพื่อบรรเทาอาการ เหมือนลมเย็นพัดผ่าน ปลอบประโลม…

ฉีดยาเข้าเส้นเลือดกับกล้ามเนื้อต่างกันยังไง

ฉีดเข้าเส้นเลือดกะฉีดเข้ากล้ามเนื้อเหรอ…ต่างกันตรงไหนบ้างนะ? อ้อ! ที่แน่ๆ คือ เส้นเลือดดูดซึมยาเร็วกว่า กล้ามเนื้อไง!

  • เข้าเส้นเลือด: ยาออกฤทธิ์ไวปรี๊ด! แต่! เสี่ยงกว่านะถ้าฉีดผิดวิธี หรือยาบางตัวห้ามเข้าเส้นเลือดเด็ดขาด
  • เข้ากล้ามเนื้อ: ช้ากว่า แต่ก็ปลอดภัยกว่า (นิดนึง)

แล้วเรื่องความปลอดภัยล่ะ? เอ่อ…จริงๆ มาตรการป้องกันเชื้อโรคอ่ะ เหมือนกันแหละ! ไม่ว่าจะฉีดอะไรก็ต้อง:

  • ใช้เข็มใหม่ทุกครั้ง! อันนี้สำคัญมาก! ห้ามใช้ซ้ำเด็ดขาด!
  • ทำความสะอาดผิวหนังก่อนฉีดด้วยแอลกอฮอล์
  • ล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังฉีด

เลือดออก? อือ…ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เลือดออกน้อยกว่าแน่ๆ (ถ้าออกนะ) แต่ๆๆๆ ไม่ว่าจะเลือดออกหรือไม่…ห้ามใช้เข็มร่วมกัน! เด็ดขาด! เสี่ยงติดเชื้อ HIV, ไวรัสตับอักเสบ บลาๆๆๆ

  • เข็มทิ้งที่ไหน?: ต้องทิ้งในภาชนะที่ปลอดภัยนะ (แบบที่เขาทิ้งเข็มฉีดยาโดยเฉพาะ) อย่าทิ้งลงถังขยะธรรมดา!
  • ถ้าเจอเข็มฉีดยาตกอยู่?: อย่าไปจับ! แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเก็บดีกว่า

ข้อมูลเพิ่มเติม: เพิ่งรู้มาว่าตอนนี้เค้ามีโครงการแลกเปลี่ยนเข็มฉีดยาด้วยนะ! (สำหรับคนที่ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด) คือเอาเข็มเก่าไปแลกเข็มใหม่มาได้เลย! เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อน่ะ! (แต่ก็ไม่สนับสนุนให้ใช้ยาเสพติดนะ!)

หลักการให้สารน้ําในผู้ป่วยมีอะไรบ้าง

อื้อหือ! ให้สารน้ำเนี่ยนะ เรื่องใหญ่กว่าที่คิด! ไม่ใช่แค่ปักเข็มปุ๊บเสร็จปั๊บนะจ๊ะ มันมีขั้นตอนซับซ้อนกว่าการแกะไข่เจียวเสียอีก! เดี๋ยวนี้หมอเขาไม่ได้ใช้แค่สายยางรัดๆ แล้วปักมั่วๆ สมัยนี้มันไฮเทคกว่านั้นเยอะ!

  • เลือกหลอดเลือดดำอย่างเทพ: ไม่ใช่เลือกมั่วซั่วนะ! ต้องเลือกเส้นที่สมบูรณ์แบบ ไม่ใช่เส้นเล็กๆ ที่เหมือนเส้นผมสาวน้อย เพราะเดี๋ยวสารน้ำมันไหลช้ากว่าหอยทากวิ่ง! หลังมือเนี่ยใช่เลย! ให้ผู้ป่วยกำมือนะ เห็นเส้นเลือดชัดแจ๋ว เหมือนแผนที่เส้นเลือดเลย! (ปีนี้ผมใช้เทคนิคใหม่นะ ใช้กล้องจุลทรรศน์ตรวจสอบเส้นเลือดก่อนปักทุกครั้ง)

  • เช็ดแอลกอฮอล์ 70%: ไม่ใช่แค่เช็ดๆ ไปนะ ต้องเช็ดแบบวนๆ หรือเช็ดทางเดียวก็ได้ แต่ต้องให้มั่นใจว่าเชื้อโรคหนีหายไปหมด เหมือนผีเจอพระ! (ปีนี้ผมใช้เจลแอลกอฮอล์แบบใหม่ ฆ่าเชื้อได้ไวกว่าเดิม 10 เท่า!)

  • แทงเข็มแบบมืออาชีพ: นี่สำคัญมาก! ต้องแทงให้เข้าหลอดเลือดดำเป๊ะ! ไม่งั้นสารน้ำมันไปอยู่ที่อื่น เดี๋ยวบวมเป็นช้าง! (ปีนี้ผมใช้เข็มแบบใหม่ ปลายเข็มเรียบเนียน แทงแล้วไม่เจ็บ เหมือนโดนยุงกัดเบาๆ!)

ข้อมูลเพิ่มเติมปี 2566: ปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีช่วยในการหาเส้นเลือดมากขึ้น เช่น อุปกรณ์ตรวจจับเส้นเลือดด้วยแสง ทำให้การหาเส้นเลือดทำได้ง่ายขึ้น แม่นยำขึ้น และลดความเจ็บปวดให้ผู้ป่วยได้ นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนานวัตกรรมเกี่ยวกับเข็มและสายน้ำเกลือที่ทำให้การให้สารน้ำสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น! แต่ไม่ว่าเทคโนโลยีจะเจริญแค่ไหน ความรู้ความชำนาญของบุคลากรทางการแพทย์ก็ยังสำคัญที่สุดเสมอ! อย่าลืมนะ! การให้สารน้ำเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น!

#กรดไหลย้อน #ฉีดยา #รักษาโรค