Bio C กับ Bio C Acerola ต่างกัน ยัง ไง

Bio C กับ Bio C Acerola: ความแตกต่างที่มากกว่าแค่ชื่อ

วิตามินซี หรือกรดแอสคอร์บิก เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย มีบทบาทสำคัญในกระบวนการต่างๆ มากมาย ตั้งแต่การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ไปจนถึงการดูแลผิวพรรณ ในท้องตลาดมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินซีหลากหลายยี่ห้อ โดยมักใช้ชื่อเรียกที่คล้ายคลึงกัน เช่น Bio C และ Bio C Acerola ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนว่าทั้งสองแตกต่างกันอย่างไร

ความแตกต่างหลักๆ ระหว่าง Bio C ทั่วไปกับ Bio C Acerola นั้นอยู่ที่ แหล่งที่มาของวิตามินซี และ สารประกอบอื่นๆ ที่มีอยู่ร่วมด้วย:

• Bio C ทั่วไป: มักสกัดวิตามินซีจากสารสังเคราะห์ เป็นวิตามินซีบริสุทธิ์ในรูปของกรดแอสคอร์บิก จึงให้ปริมาณวิตามินซีสูง แต่ขาดสารอาหารอื่นๆ ที่พบในแหล่งที่มาจากธรรมชาติ

• Bio C Acerola: มีจุดเด่นที่ใช้ อะซีโรลาเชอร์รี่ (Acerola Cherry) เป็นแหล่งสกัดวิตามินซีหลัก อะซีโรลาเชอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีความเข้มข้นของวิตามินซีสูงมาก นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ เช่น ฟลาโวนอยด์ และแคโรทีนอยด์ ซึ่งสารเหล่านี้มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยเสริมฤทธิ์ของวิตามินซี และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ

ดังนั้น แม้ทั้งสองผลิตภัณฑ์จะให้วิตามินซี แต่ Bio C Acerola จะให้ประโยชน์ที่มากกว่า เนื่องจากได้รับสารอาหารอื่นๆ ที่มีคุณค่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม และมีผลดีต่อสุขภาพในวงกว้างกว่า การดูดซึมที่ง่ายขึ้นนั้น อาจเกิดจากการที่มีสารประกอบอื่นๆ ร่วมด้วย ทำให้ร่างกายนำวิตามินซีไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น Blackmores Bio C Acerola Plus ที่กล่าวถึงในคำถาม เน้นย้ำถึงคุณประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระจากอะซีโรลาเชอร์รี่ ซึ่งเป็นข้อแตกต่างสำคัญจาก Bio C ทั่วไปที่มักจะเน้นเฉพาะปริมาณวิตามินซี การเลือกซื้อจึงควรพิจารณาถึงความต้องการ และประโยชน์ที่ต้องการรับจากผลิตภัณฑ์ หากต้องการวิตามินซีอย่างเข้มข้น Bio C ทั่วไปก็เป็นทางเลือกที่ดี แต่หากต้องการประโยชน์เพิ่มเติมจากสารต้านอนุมูลอิสระและการดูดซึมที่ดีขึ้น Bio C Acerola จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า

สรุป: ความแตกต่างระหว่าง Bio C กับ Bio C Acerola อยู่ที่แหล่งที่มาและสารประกอบเสริม Bio C Acerola ให้ประโยชน์ที่มากกว่าด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และอาจมีการดูดซึมที่ดีกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการและสุขภาพของแต่ละบุคคล และควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเสมอ