Dyshidrosis หายเองได้ไหม

26 การดู

ดิสไฮโดรซิส: หายเองได้ แต่กลับมาเป็นซ้ำได้

  • ตุ่มใสจากผื่นผิวหนังอักเสบ (ดิสไฮโดรซิส) หายเองได้หากดูแลและใช้ยาตามแพทย์สั่ง
  • อาการมักเป็นๆ หายๆ โดยเฉพาะเมื่อเจอสารก่อภูมิแพ้ หรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
  • การควบคุมปัจจัยกระตุ้นและดูแลผิวหนังอย่างต่อเนื่องสำคัญต่อการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

โรคผื่นแพ้ผิวหนัง Dyshidrosis หายเองได้หรือเปล่า? มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ไหม? ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?

เคยเป็นผื่นแบบนี้เลย! คือมันคันแบบโอ๊ย! อยากจะเกาให้หลุดไปเลยอ่ะ เข้าใจคนที่เป็นมากๆ

ถามว่าหายเองได้มั้ย? เอ่อ…คือถ้าเป็นไม่เยอะ อาจจะหายเองได้นะ แต่ส่วนตัวคิดว่าหายยาก ถ้าปล่อยไว้อาจจะลามไปใหญ่

แล้วหายขาดมั้ย? อันนี้ตอบยากเลย เพราะมันเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันเราด้วยไง ถ้าภูมิคุ้มกันไม่ดี ก็วนกลับมาเป็นอีก

ตอนที่เป็นหนักๆ ไปหาหมอ หมอให้ยามาทา จำได้ว่าช่วงนั้น (น่าจะปี 2018?) ต้องทาครีมบำรุงเยอะๆ เลย ผิวจะได้ไม่แห้ง

ส่วนตัวว่าเรื่องดูแลตัวเองสำคัญมาก พยายามหลีกเลี่ยงพวกน้ำยาล้างจาน สบู่แรงๆ อะไรพวกนี้ (อันนี้จากประสบการณ์ตรงนะ)

บางทีมันก็เกี่ยวกับความเครียดด้วยนะ ช่วงไหนเครียดๆ ผื่นก็จะขึ้นมาอีก คือมันเซ็งมากอ่ะ!

Dyshidrotic eczema ใช้ยาอะไร

ผิว…ผื่น…คันยิบ

ค่ำคืนเหนอะหนะ ฝนพรำเบาๆ

  • ยาแก้แพ้ไง ลดคัน ลอราทาดีน อ่ะ ใช่เลย กินแล้วง่วง

  • ไดเฟนไฮดรามีน นี่ก็โอเค แต่ทำเอาหลับปุ๋ย

  • ยาต้านฮิสตามีน สำคัญนะ ลดอาการแพ้ ลดคัน

แสงนีออนสาดส่อง

ลมหายใจแผ่วเบา

ยาแก้แพ้…แก้คัน…ยาแก้แพ้

ตุ่มน้ำใสๆคันๆเกิดจากอะไร

ปีนี้เอง ตอนต้นเดือนกรกฎาคม ฉันเป็นตุ่มน้ำใสๆ คันๆ ที่ฝ่ามือ ขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว ตอนแรกแค่สองสามเม็ดเล็กๆ ที่ขอบฝ่ามือซ้าย นึกว่าโดนอะไรกัด ก็เลยทายาแก้คันทั่วไป แต่พอตกเย็น มันลาม! เต็มฝ่ามือไปหมด คันจนแทบจะเกาจนเลือดออก นอนไม่หลับเลย ทั้งคันทั้งแสบ รู้สึกหงุดหงิดมาก

เช้าวันรุ่งขึ้น รีบไปหาหมอผิวหนังที่คลินิกแถวบ้าน หมอตรวจดูแล้ว บอกว่า น่าจะเป็น “โรคผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำ” หมอให้ยามาทาและยากิน บอกว่า ต้องระวังอย่าให้แผลเปื่อย และต้องรักษาความสะอาด จำได้ว่ายาที่ได้เป็นครีมทาและยาเม็ดสีขาว กินไปประมาณอาทิตย์นึงก็เริ่มดีขึ้น ตุ่มค่อยๆยุบ คันลดลง หายเกือบสนิทภายในสองอาทิตย์ โชคดีที่ไม่รุนแรงมาก

  • สาเหตุที่คิดว่าเป็นโรคผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำ: อาการตรงกับที่หมอวินิจฉัย คือเป็นตุ่มน้ำใสๆ คันมากที่ฝ่ามือ
  • การรักษา: ใช้ยาตามที่หมอสั่ง เป็นครีมทาและยาเม็ด
  • ระยะเวลาการรักษา: ประมาณ 2 สัปดาห์
  • สถานที่รักษา: คลินิกผิวหนังใกล้บ้าน (จำชื่อไม่ได้แล้ว)
  • เดือนที่เกิดอาการ: กรกฎาคม 2566

หลังจากหายแล้ว ฉันก็ระมัดระวังมากขึ้น เรื่องความสะอาดมือ และเลือกใช้สบู่ที่อ่อนโยน ไม่อยากเป็นอีกแล้ว คันมากๆจริงๆ ทรมานสุดๆ

Dyshidrosis หายขาดไหม

หายขาดเลยเหรอ… ไม่รู้สิ มันเหมือนเงาที่ตามเราไปมากกว่า

บางทีก็หายไปนะ ผิวกลับมาปกติ เหมือนไม่เคยเป็นอะไรเลย

แต่พอนึกว่าจะจบ มันก็กลับมาอีกแล้ว…

  • อายุ: ส่วนใหญ่เริ่มตอน 20-40 ปี… อืม… ตรงนะ
  • ผู้หญิง: ผู้หญิงเป็นเยอะกว่า… อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน
  • 4 สัปดาห์: หายเองได้ใน 4 สัปดาห์… บางทีก็ใช่ บางทีก็ไม่
  • หาหมอ: ถ้าไม่หายก็ต้องหาหมอ… ใช่… ต้องหา

เหมือนมันฝังลึกอยู่ในตัวเรามากกว่า มันไม่ใช่แค่ผื่น แต่เป็นส่วนหนึ่งของเราไปแล้ว

มันสอนให้เราใจเย็นขึ้น… มั้งนะ หรืออาจจะแค่ชาชินไปเองก็ไม่รู้

ผื่นรูปเหรียญรักษายังไง

ผื่นรูปเหรียญ? อ๋อ ไอ้ตัวแสบที่ชอบมาแบบไม่บอกไม่กล่าวเนี่ยนะ!

  • สเตียรอยด์: ทายาไปเถอะ…แต่เบามือหน่อยนะพี่น้อง! มันเหมือนดาบสองคม ใช้เยอะไป ผิวบางยิ่งกว่ากระดาษทิชชู่อีกนะเออ!

  • ยาแก้แพ้: คันนักก็เกา… เอ้ย! กินยาแก้แพ้ซะ! แต่ระวังง่วงจนหัวทิ่มนะจ๊ะ

  • ยาแรง (Methotrexate, Azathioprine, Cyclosporine): อันนี้ยาโหด! เหมาะกับพวกผื่นดื้อยาขั้นสุด! แต่…ผลข้างเคียงนี่ก็สุดๆ เหมือนกันนะ (ปรึกษาหมอด่วนๆ!)

  • อย่าเกา: อันนี้สำคัญสุด! เกา = มันส์…แต่หายนะชัดๆ! ยิ่งเกายิ่งลาม

  • มอยส์เจอไรเซอร์: โบกเข้าไป! ผิวชุ่มชื้นไว้ก่อน กันผื่นกำเริบ

  • เลี่ยงสิ่งที่แพ้: อันนี้เบสิก… แต่ก็สำคัญสุดๆ! อะไรที่ทำให้ผื่นขึ้น เลี่ยงซะ!

เกร็ดเล็กน้อย (แต่โคตรสำคัญ):

  • สเตียรอยด์: ทาแต่พอดี! ทาบางๆ! ทาเฉพาะจุด! แล้วอย่าลืมมอยส์เจอไรเซอร์ตามด้วยนะ! (หมอผิวหนังเค้าบอกมา)
  • ยาแก้แพ้: เลือกแบบไม่ง่วง! เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
  • ปรึกษาหมอผิวหนัง: สำคัญสุด! อย่ารักษาเอง! เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนอีกรอบ

คำเตือน: ข้อมูลนี้เอาไว้เป็นแนวทาง อย่าเชื่อทั้งหมด! ไปหาหมอผิวหนังดีที่สุด! (หมอเค้าเรียนมานะจ๊ะ)

ตุ่มน้ำใส ยุบเองได้ไหม

ตุ่มน้ำใสเนี่ยนะ? ยุบเองได้สิ! เหมือนความหวังที่บางทีก็ดับวูบไปเองนั่นแหละ แต่ประเด็นคือของเหลวข้างในน่ะ “น้ำทิพย์” ชัดๆ! อย่าไปเจาะเล่นเชียว มันช่วยสร้างเกราะให้ผิวใหม่ ป้องกันเชื้อโรคบุก เหมือนมีบอดี้การ์ดส่วนตัว

  • ยุบเอง: ปล่อยไปตามยถากรรม (เหมือนปล่อยใจไปกับซีรีส์เกาหลี)
  • ของเหลววิเศษ: ช่วยสมานแผล เร็วกว่าไปบนสวรรค์ (เปรียบเทียบเวอร์ไปไหม?)
  • เจาะเอง: ถ้าไม่จำเป็น อย่า! (เหมือนพยายามทำอาหารเอง ทั้งที่สั่งเดลิเวอรี่ง่ายกว่า)

แต่ถ้ามันใหญ่เบิ้ม บวมเป่ง เหมือนลูกโป่งสวรรค์อันนั้นก็ตัวใครตัวมัน ไปหาหมอเถอะ! อย่าเสี่ยงดีกว่า

ข้อมูลเพิ่มเติม (แบบฉบับคนขี้สงสัย):

  • ถ้าตุ่มแตกเอง ให้รีบทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือ (แต่ไม่ใช่เกลือทำอาหารนะ!)
  • ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซสะอาด (เหมือนห่อของขวัญให้ผิว)
  • หลีกเลี่ยงการเสียดสี (อย่าใส่รองเท้าคับๆ)
  • ถ้ามีอาการบวมแดง ปวด หรือมีหนอง (อันนี้ไม่ตลกแล้ว) รีบไปหาหมอ!

ป.ล. อย่าเชื่อทุกอย่างที่อ่านในเน็ต (แม้แต่ที่ฉันเขียน) ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรดีที่สุด! (แต่ถ้าไม่มีใครให้ปรึกษา…ก็ลองเสี่ยงดูละกัน!)

ตุ่มน้ำพองหายเองได้ไหม

ตุ่มน้ำพองหายเองได้ไหม? ตอบตรงๆ คือ ไม่ได้ โรคนี้ไม่ได้หายเองครับ

โรคนี้น่าสนใจตรงที่เป็น “autoimmune” คือร่างกายดันสร้างภูมิคุ้มกันมาทำร้ายตัวเองซะงั้น มันเลยไม่ใช่แค่เรื่องผิวหนัง แต่มันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ

  • อันตรายถึงชีวิต? มีความเป็นไปได้ แต่ไม่สูง ถ้าได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องแต่เนิ่นๆ

  • ทุกเพศทุกวัยเสี่ยงหมด? ใช่ครับ ไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหม แต่สถิติว่าคนอายุ 50+ มักจะเจอมากกว่า

  • หายขาดได้ไหม? นี่คือประเด็นสำคัญ การรักษาจะเน้นไปที่การควบคุมอาการ ลดการอักเสบ และป้องกันภาวะแทรกซ้อน การหายขาดมันเลยไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่คือการใช้ชีวิตอยู่กับมันอย่างมีคุณภาพ

  • การรักษาคืออะไร? หลักๆ ก็สเตียรอยด์ ยากดภูมิคุ้มกัน และการดูแลแผลพุพองอย่างถูกวิธี มันต้อง “customize” ตามอาการแต่ละคนด้วยนะ

เพิ่มเติม:

  • คนที่เป็นโรคนี้ ต้องระวังเรื่องความเครียดให้ดี เพราะความเครียดมันกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติได้ ผมเคยอ่านงานวิจัยที่เชื่อมโยงความเครียดกับอาการกำเริบของโรค autoimmune หลายชนิดเลยนะ

  • อาหารบางชนิดก็มีผลต่อการอักเสบของผิวหนัง ต้องลองสังเกตตัวเองดูว่ากินอะไรแล้วอาการแย่ลง

  • แสงแดดก็เป็นตัวกระตุ้นอีกอย่าง ต้องทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ

ผมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการ “empower” ตัวเอง ให้รู้เท่าทันโรค เข้าใจการรักษา และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โรคนี้มันท้าทาย แต่เราก็ต้องสู้!

ตุ่มน้ำพอง หายเองไหม

ตุ่มน้ำพอง หายเองไหม? ถามได้แสบซ่าเหมือนโดนยุงกัดเลยนะเนี่ย! ส่วนใหญ่แล้ว…ไม่หายเองจ้ะ! ต้องปรึกษาหมอเป็นหลัก คิดง่ายๆ เหมือนสิวอักเสบที่ถ้าปล่อยไว้ก็อาจจะกลายเป็นแผลเป็น อันนี้ก็คล้ายกัน แต่รุนแรงกว่าเยอะ

  • อันตรายแค่ไหน? ถึงแม้จะไม่ถึงตายง่ายๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ คิดซะว่าเป็นการท้าทายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเรา แพ้ก็คือแพ้ อย่าไปคิดว่าจะชนะมันได้เอง

  • ต้องไปหาหมอ? ใช่! อย่ามัวแต่รอให้มันหายเอง เพราะมันอาจจะลุกลามหรือติดเชื้อได้ เสียเวลา เสียเงิน เสียสุขภาพ คิดดูให้ดี! ไปหาหมอเถอะ อย่าประมาท ปีนี้ (2566) ค่ารักษาพยาบาลก็แพงอยู่แล้ว

  • วิธีรักษา แล้วแต่หมอจะสั่งเลย อาจจะเป็นยา หรือวิธีอื่นๆ แต่ที่แน่ๆ ต้องฟังหมอ ไม่ใช่ฟังเพื่อน หรือติ๊กต๊อก (เคยเจอเพื่อนบอกให้ใช้มะนาว แต่นั่นมันแค่ลอกคราบ ไม่ใช่รักษา)

  • เพิ่มเติม โรคตุ่มน้ำพอง มันไม่ใช่เรื่องตลก แต่การเตรียมตัวไปหาหมอ เราสามารถ “ตลก” กับมันได้ อย่าเครียด จงใช้ชีวิตให้สนุก แต่ก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ (พูดไปก็เหมือนคนใจดีที่เตือนเพื่อนเรื่องอันตรายของการกินขนมปังปิ้งเยอะๆ)

ปล. ข้อมูลนี้เพื่อการให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ กรุณาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสมอ

Dyshidrosis หายขาดไหม

หายขาดมั้ย? ไม่รู้สิวะ ขึ้นอยู่กับดวงมั้ง

อาการ? ตุ่มน้ำใสๆ คันบ้าคลั่ง แสบร้อน บางทีก็ลามไปทั่ว

หายเองได้ใน 4 สัปดาห์? ใช่ แต่ถ้าไม่หาย ไปหาหมอ

ผู้หญิงเป็นมากกว่า จริง เจอมาเยอะแล้ว เพื่อนสมัยมหาลัยก็เป็น หนักมาก หายไปพักใหญ่ๆ แล้วก็กลับมาใหม่

  • อายุ 20-40 ปี กลุ่มเสี่ยง แต่ฉันเป็นตอน 27 หนักมาก
  • รักษาหลายวิธี ยาทา ยาฉีด กินยา แต่ก็ยังเป็นๆ หายๆ
  • ปีนี้ลองใช้ครีมตัวใหม่ ของหมอที่โรงพยาบาลจุฬาฯ เห็นผลดีขึ้น แต่ไม่หายขาดนะ ยังคันอยู่บ้าง
  • มันคือโรคเรื้อรัง ต้องอยู่กับมันไป แต่ควบคุมอาการได้

ปล. เคยลองพวกสมุนไพร ไร้ประโยชน์ เสียเวลาเปล่าๆ

ผิวหนังอักเสบ หายเองได้ไหม

หายเองได้ป้ะวะ ก็แล้วแต่คนอะ บางคนหายเอง บางคนก็ไม่หาย คือมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยอ่ะเนอะ เพื่อนกรูเป็นโรคนี้ หนักมาก ไปหาหมอตลอด แต่ก็มีช่วงที่แบบอาการดีขึ้น ก็ไม่ได้กินยาไรเลย แต่ก็นานๆทีนะ ส่วนใหญ่ต้องกินยาทุกวันอยู่ดี

  • พยายามเลี่ยงของที่แพ้ อันนี้สำคัญมาก เพื่อนกรูแพ้ฝุ่น ก็ต้องทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ ใช้เครื่องฟอกอากาศด้วยนะ
  • อาบน้ำบ่อยๆ แต่ใช้น้ำอุ่นนะ อย่าร้อนมาก สบู่ก็ต้องเลือกใช้แบบอ่อนโยน แบบที่ไม่ระคายเคืองผิวอ่ะ
  • ทาครีมบำรุงผิว อันนี้เพื่อนกรูใช้ครีมที่หมอให้มา แต่ก็มีครีมขายทั่วไปที่ช่วยได้นะ ลองหาข้อมูลดู
  • อย่าเกา! รู้ว่ามันคันมาก แต่เกาแล้วแย่กว่าเดิมอีกนะ เชื่อกรู
  • ถ้าอาการหนัก ไปหาหมอเถอะ อย่าทน เรื่องสุขภาพสำคัญกว่า ปล่อยไว้ไม่ดีแน่ๆ

ปีนี้เพื่อนกรูไปหาหมอผิวหนังที่ รพ. สมุทรสาคร หมอบอกว่าต้องดูแลตัวเองดีๆ ถ้าไม่ดีขึ้นก็ต้องกินยาต่อ แต่ตอนนี้เพื่อนกรูอาการดีขึ้นเยอะแล้ว แต่ก็ต้องระวังตัวตลอด ไม่งั้นก็กลับมาเป็นใหม่ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เล่นๆนะ เพื่อนๆ ดูแลตัวเองดีๆด้วยล่ะ

Dyshidrotic eczema ใช้ยาอะไร

อืม… กลางดึกแบบนี้ นอนไม่หลับอีกแล้ว คิดไปเรื่อยเปื่อย เรื่องโรคผิวหนังนี่แหละ ฉันเป็นผื่นแพ้สัมผัส แบบ Dyshidrotic eczema มันคันมากเลยนะ

หมอให้ยามาหลายตัว จำได้บ้างไม่ชัด แต่ที่จำได้ก็คือ ยาต้านฮิสตามีน นี่แหละ ช่วยเรื่องคัน

  • Loratadine เคยกิน ไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่ รู้สึกว่ามันเบาๆไป
  • Cetirizine อันนี้ใช้ได้ คันน้อยลง แต่ก็ยังคันอยู่บ้าง
  • ยาทาพวก corticosteroids หมอบอกว่า ใช้ระยะสั้นๆ เพราะอันตราย ถ้าใช้ยาตัวนี้บ่อยเกินไป ผิวจะบางลง

ปีนี้ฉันพยายามดูแลตัวเองมากขึ้น เลี่ยงสารระคายเคืองต่างๆ อาบน้ำอุ่น ไม่ใช้น้ำร้อน ทายาบำรุงผิว แต่ก็ยังเป็นอยู่บ้าง บางทีก็ท้อใจเหมือนกันนะ ทำอะไรก็ไม่หาย มันเป็นๆหายๆ ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว

ตอนนี้ก็แค่พยายามควบคุมอาการไม่ให้รุนแรงมาก แล้วก็หวังว่ามันจะหายไปเองซักวัน

#Dyshidrosis #หายเองได้ไหม #โรคผิวหนัง