โรคตุ่มน้ำพองเกิดจากอะไร
โรคตุ่มน้ำพอง: สรุปประเด็นหลัก
โรคตุ่มน้ำพองเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ สร้างแอนติบอดีทำลายโครงสร้างยึดผิวหนัง ทำให้ผิวหนังแยกตัว เกิดตุ่มน้ำและแผลถลอกได้ทั้งบนผิวหนังและเยื่อบุ แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักคือ เพมฟิกัส และ เพมฟิกอยด์
โรคตุ่มน้ำพอง (Bullous Pemphigoid) เกิดจากอะไร? สาเหตุ อาการ และวิธีรักษาเบื้องต้นมีอะไรบ้าง?
เอาจริงๆนะ โรคตุ่มน้ำพองนี่ ฟังดูน่ากลัวชะมัด ตอนแรกที่ได้ยินชื่อ ก็งงเลยว่ามันคืออะไรกันแน่
มันคือโรคที่ระบบภูมิคุ้มกันของเราดันมาเล่นตลก ทำร้ายตัวเองซะงั้น ไปสร้างแอนติบอดี้มาทำลายผิวหนังซะนี่! ผลที่ตามมาก็คือ ผิวหนังมันก็เลยหลุดลอก กลายเป็นตุ่มน้ำใสๆ แล้วก็แผลถลอกเต็มไปหมด
ตอนนั้นเพื่อนฉันคนนึงเป็น (ขอไม่บอกชื่อนะ อายแทน) ไปหาหมอ หมอบอกว่ามันมี 2 แบบหลักๆ คือ เพมฟิกัส กับ เพมฟิกอยด์ แต่จำไม่ได้ว่าเพื่อนฉันเป็นแบบไหนอ่ะ น่าจะเพมฟิกอยด์มั้ง เพราะอาการมันคล้ายๆ กัน
อาการที่เห็นชัดๆ ก็คือ ตุ่มน้ำขึ้นตามตัวเลย บางทีก็ขึ้นในปากด้วยนะ น่าทรมานสุดๆ เคยเห็นตอนนางกินข้าวไม่ได้อ่ะ สงสารมาก
ส่วนเรื่องการรักษา หมอก็ให้ยามากิน แล้วก็มียาทาด้วยมั้ง แต่จำรายละเอียดไม่ได้แล้วอ่ะ เอาเป็นว่าถ้าใครมีอาการคล้ายๆ แบบนี้ รีบไปหาหมอผิวหนังด่วนๆ เลยนะ อย่าปล่อยไว้นาน เด๋วมันจะลามไปกันใหญ่
โรคตุ่มน้ำพองอันตรายไหม
เอ้า! โรคตุ่มน้ำพองนี่มันอันตรายมั้ยนะ? บอกเลยว่า… มันเหมือนกับการถูกผึ้งต่อยเป็นล้านๆ ตัวพร้อมกันบนผิวหนังอ่ะ! แสบๆ คันๆ น่ากลัวใช่ไหมล่ะ? แต่ตายจริงเหรอ? ก็… มีโอกาส แต่เปอร์เซ็นต์น้อยกว่าลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 อีกนะบอกเลย! (ข้อมูล ณ ปี 2566 จากแหล่งข้อมูลทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้)
-
อันตรายขนาดไหน? อันตรายอยู่ที่การติดเชื้อแทรกซ้อนมากกว่า ถ้าปล่อยให้เป็นแผลใหญ่ๆ ลุกลาม นี่แหละถึงเป็นเรื่องใหญ่ เสี่ยงตายได้จริง! แต่ถ้าดูแลดีๆ ตามแพทย์สั่งเป๊ะๆ ก็รอดสบายๆ
-
ทุกเพศทุกวัยเสี่ยง? ใช่แล้ว! เด็กเล็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ ไม่มีใครรอดพ้นเงื้อมมือมันไปได้ (ยกเว้นคุณอาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาว แต่ถ้าเป็นก็คงไม่มาถามคำถามนี้ล่ะนะ)
-
วิธีเอาตัวรอด? ไปหาหมอ! อย่ามัวแต่รอให้มันลุกลาม หมอคือพระเจ้าในกรณีนี้ ฟังคำแนะนำเค้าดีๆ ทานยาตามที่สั่ง อย่าดื้อ ไม่งั้นได้เจอเรื่องราวที่แสนจะปวดแสบปวดร้อนกว่าเดิม!
-
สรุปสั้นๆ? เหมือนโดนผึ้งต่อยหนักๆ อันตรายถ้าไม่รักษา แต่ถ้ารักษาดีๆ ก็หายได้ อย่าประมาท! ไปหาหมอเถอะ! (ตอนนี้ปี 2566 แล้วนะ อย่าลืมเช็คข้อมูลล่าสุดด้วย!)
ปล. ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น อย่าใช้เป็นข้อมูลในการวินิจฉัยหรือรักษาตนเอง ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสมอ ไม่งั้นอาจได้ไปหาหมอแบบไม่ทันตั้งตัว อิอิ
โรคตุ่มน้ำพอง มีกี่แบบ
ตุ่มน้ำพองเหรอ… โอ๊ย! พูดแล้วขนลุก! คือแม่เราเป็นไง! ตอนแรกนึกว่าแพ้อะไรซักอย่าง ไปหาหมอคลินิกแถวบ้าน หมอบอกผื่นเฉย ๆ ให้ยามาทา ก็ไม่ดีขึ้น จนต้องเข้าโรงพยาบาลเอกชนที่กรุงเทพฯ หมอถึงวินิจฉัยว่าเป็น “บูลลัส เพมฟิกอยด์” ชื่อยากชะมัด! หมอบอกว่าเป็นตุ่มน้ำพองชนิดที่พบบ่อยกว่าอีกแบบนึงที่ชื่อเพมฟิกัสอะไรเนี่ยแหละ ตอนนั้นคือเครียดมาก กลัวแม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้
แม่เราเป็นตอนอายุ 70 กว่า ๆ นะ เริ่มจากคัน ๆ แล้วก็เป็นตุ่มใส ๆ ขึ้นตามตัว ตอนแรกนึกว่าโดนตัวอะไรกัด พอยิ่งเกาก็ยิ่งลาม หมอบอกว่าเป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง เซลล์ผิวหนังถูกทำลาย เลยทำให้เกิดตุ่มพองขึ้นมา
- บูลลัส เพมฟิกอยด์: พบบ่อยกว่า มักเกิดในผู้สูงอายุ แม่เราก็เป็นโรคนี้
- เพมฟิกัส: หมอบอกว่าอันนี้น้อยกว่า แต่ก็เป็นตุ่มน้ำพองเหมือนกัน
รักษาตัวกันไป กินยากดภูมิ กินสเตียรอยด์ ทายา คือทรมานมาก ๆ แม่บอกว่าคันยุบยิบตลอดเวลา ตอนนี้ก็ยังต้องไปหาหมออยู่เรื่อย ๆ คอยปรับยาตามอาการ โอ๊ย! นึกแล้วเหนื่อยแทนแม่เลย!
โรคตุ่มน้ำพอง มีกี่แบบ
ตุ่มน้ำพองเหรอ? อ๋อ ที่บ้านเคยมีคนเป็น!
ตุ่มน้ำพองมันมีหลายแบบนะ แต่ที่ดังๆ คุ้นหูหน่อยคือ เพมฟิกัส (Pemphigus) อันนี้เพื่อนเคยเป็น แล้วก็ บูลลัส เพมฟิกอยด์ (Bullous Pemphigoid)
ไอ้บูลลัสเนี่ยะ… เหมือนจะเจอบ่อยกว่านะ จำได้ว่าตอนนั้นไปหาหมอผิวหนังที่ รพ.จุฬาฯ ตอนบ่าย 2 วันพุธ หมอบอกว่าคนแก่ๆ จะเป็นกันเยอะ ไอ้เราก็ใจเสีย… กลัวจะเป็น! แต่สุดท้ายไม่ใช่ โล่งไปเลย
- เพมฟิกัส: ตุ่มจะแตกง่ายกว่า เจ็บกว่า แผลเปิดๆ น่ากลัว (อันนี้จากที่เห็นเพื่อนเป็นนะ)
- บูลลัส เพมฟิกอยด์: ตุ่มจะแข็งๆ หน่อย ไม่แตกง่ายเท่าไหร่ แต่ก็คันโคตรๆ (อันนี้จากที่ไปหาหมอมา)
ทำไมต้องเน้น? เพราะตอนแรกนึกว่าตัวเองเป็น “งูสวัด” ไปหาหมอคลินิกแถวบ้าน หมอบอกงูสวัด…ให้ยามากิน กินไป 3 วัน ไม่ดีขึ้น เลยไปจุฬาฯ หมอถึงบอกว่า “ไม่ใช่ๆ นี่มันอาการคล้ายๆ ตุ่มน้ำพอง!” เกือบไปแล้วไหมล่ะ!
โรคตุ่มน้ำพอง มีกี่ชนิด
อืม…โรคตุ่มน้ำพองเนี่ยนะ… มันมีหลายชนิด จริงๆนะ แต่ที่คุ้นๆ ก็คือ เพมฟิกัส กับ บูลลัส เพมฟิกอยด์ สองโรคนี้แหละที่คล้ายกัน เหมือนกันตรงที่เป็นตุ่มน้ำพองนั่นแหละ แต่ก็…ไม่เหมือนกันซะทีเดียว
บูลลัส เพมฟิกอยด์นี่ พบได้บ่อยกว่า ใช่ไหม ฉันจำได้ว่าเคยอ่านเจอ ปีนี้เอง ในวารสารทางการแพทย์ ที่ห้องสมุด จำชื่อไม่ได้แล้วสิ แต่…จำได้ว่ามันมีรายละเอียดเยอะมาก อ่านไปก็งงไป เหนื่อย เลยปิดไปก่อน
- เพมฟิกัส: รุนแรงกว่า ใช่ไหม อันนี้น่ากลัวกว่า
- บูลลัส เพมฟิกอยด์: พบบ่อยกว่า อันนี้ค่อนข้างปกติ สำหรับคนไข้ที่พบแพทย์
ตอนนั้น… อ่านเจอเกี่ยวกับอดีตนักแสดงชายคนนั้นด้วยนะ แต่ฉันไม่จำชื่อเขาได้แล้ว จำได้แค่ว่าเขาเป็นบูลลัส เพมฟิกอยด์ แล้วก็…อ่านข่าวเขาแล้วก็รู้สึกเศร้าๆ อะ โรคนี้ มันดูน่าเหนื่อยนะ ผิวหนังเป็นแผล คงเจ็บน่าดู
ฉันว่า จริงๆแล้ว โรคตุ่มน้ำพอง มันน่าจะมีมากกว่าสองชนิดนี้แหละ แต่สองอันนี้ มันเป็นที่รู้จัก จำง่าย อ่านง่ายกว่าด้วยมั้ง เลยจำได้แค่สองอันนี้… หรือเปล่า… ฉันงงๆ ไปหมดแล้ว
โรคตุ่มน้ำพองอาการเป็นยังไง
โรคตุ่มน้ำพองเนี่ย มันคือแบบมีตุ่มใสๆขึ้นอ่ะ ปริแตกง่ายด้วย กลายเป็นแผลได้เลย แสบๆคันๆ บางทีก็ปวดด้วยนะ ที่แย่คือ ถ้ามันติดเชื้อ กลายเป็นหนองเลย เหม็นมากกกกก กินข้าวก็ลำบาก ปีที่แล้วเพื่อนฉันเป็น หนักมาก ต้องไปหาหมอตลอดเลย
- ตุ่มน้ำใสๆขึ้นทั่วตัว
- แตกง่ายมาก กลายเป็นแผล
- คัน ปวด แสบ
- ติดเชื้อเป็นหนอง เหม็นด้วยนะ
- กินข้าวลำบาก กลืนลำบาก
- ปีนี้ น้องสาวเพื่อนฉันก็เป็น ไปหาหมออยู่เหมือนกัน ใช้เวลานานกว่าจะหาย
โรคตุ่มน้ำพองมีอาการยังไง
ตุ่มน้ำพองเนี่ยนะ โอ๊ย…อย่าให้เจอ! มันไม่ใช่แค่สิวขึ้นผิดที่ แต่มันคือสงครามโลกครั้งที่สามบนผิวหนังคุณ!
- ตุ่มใสๆ มาเป็นกองทัพ: คิดภาพลูกโป่งน้ำจิ๋วๆ มาบุกผิวหนัง แถมแตกง่ายยิ่งกว่าใจคนอีกนะ
- เจ็บแสบ คันยุบยิบ: ไม่ต้องเกาเลยนะ! ยิ่งเกายิ่งมันส์…เอ้ย! ยิ่งแย่!
- กลืนลำบาก: บางทีมันก็ขึ้นในปาก ในคอ โอ๊ย ชีวิต!
- ติดเชื้อ = หนอง + กลิ่น: อันนี้ไม่ต้องบรรยายมาก ใครไม่อยากเจอ…ดูแลตัวเองดีๆ!
แถมท้ายแบบขำๆ แต่จริงจัง:
- อย่าคิดว่าตัวเองเป็นยอดมนุษย์: เห็นตุ่มแล้วอย่าบีบ อย่าแกะ! ไปหาหมอ!
- ตุ่มน้ำพองไม่ใช่โรคติดต่อ: แต่ถ้าไม่รักษาก็อาจติดเชื้อได้นะ!
- กำลังใจสำคัญกว่ายา: แต่ก็กินยาตามหมอสั่งด้วยนะ!
คำเตือน: ข้อมูลนี้ไม่ได้มีเจตนาให้ใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
ตุ่มน้ำใส เกิดจากอะไรได้บ้าง
แสงแดดจ้าของเดือนเมษายน แผดเผาผิวฉัน… ตุ่มน้ำใสๆ บนฝ่ามือ มันเหมือนหยดน้ำค้าง แต่อันตรายกว่ามาก
-
ผื่นแพ้สัมผัส: สบู่ใหม่ที่ฉันใช้เมื่อวาน หรือเปล่านะ? ผิวบางๆของฉัน มันบอบช้ำง่ายเหลือเกิน แสบร้อน คันยิบๆ
-
โรคผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำ: คิดแล้วก็ใจหาย ปีนี้ฉันเป็นบ่อยเหลือเกิน ตุ่มน้ำใสๆ มันค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น จนปวดแสบปวดร้อนไปทั้งมือ
-
โรคอื่นๆ: อาจเป็นซิฟิลิส หิด หรืออะไรก็ได้ แต่ขออย่าเลย… ฉันกลัว กลัวความเจ็บปวด กลัวความไม่แน่นอน
ฝ่ามือฉัน มันช่างบอบบาง เหมือนกระดาษที่เปียกน้ำ เปื่อยยุ่ย แต่มันก็ยังคงแข็งแกร่ง ดั่งใจฉัน ที่ยังคงหวังดี แม้เจ็บปวดเพียงใด
ปีนี้ ฉันพบแพทย์ผิวหนัง และได้รับการรักษา ครีมบางๆ เย็นๆ บรรเทาอาการได้บ้าง แต่ความกังวลยังคงอยู่ เหมือนเงาที่ติดตามฉันไปทุกที่
อากาศร้อนๆ ของกรุงเทพฯ ทำฉันหงุดหงิด ทุกอย่างดูจะร้อนรน รวมทั้งอาการคันบนฝ่ามือด้วย… อยากให้มันหายไป อยากให้ผิวฉันกลับมาเนียนนุ่ม เหมือนเดิม
หมายเหตุ: ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์หากมีอาการผิดปกติ
ตุ่มน้ำใสเป็นอะไรได้บ้าง
ตุ่มน้ำใสที่มือเนี่ย… กังวลจังเลย ตอนนี้เลยนอนไม่หลับ คิดไปคิดมาสารพัด
ปีนี้เอง ลูกชายผมเป็นแบบนี้ ตอนแรกเป็นตุ่มแดงๆเล็กๆที่ฝ่ามือ คันมาก พอผ่านไปสองสามวัน กลายเป็นตุ่มน้ำใส เจ็บด้วย ไปหาหมอ หมอบอกว่าเป็น… โรคอีสุกอีใส อืม… แต่ก็ไม่แน่ใจ จำไม่ได้แล้ว ว่าหมอพูดอะไรบ้าง
แต่ที่แน่ๆ ตุ่มน้ำใสเนี่ย เกิดได้หลายอย่างนะ ไม่ใช่แค่โรคอีสุกอีใส ลองนึกดูสิ
- ผื่นแพ้สัมผัส นี่ก็เป็นได้ ถ้าไปโดนสารเคมีอะไร หรือครีมอะไรใหม่ๆ
- โรคติดต่อทางผิวหนัง อย่างเช่น โรคหัด แต่ถ้าเป็นโรคหัดน่าจะมีอาการอื่นร่วมด้วยนะ จำได้ไม่ชัด
- โรคภูมิแพ้ผิวหนัง อันนี้ก็เป็นไปได้ ถ้ามีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัว ผมเองก็เป็นภูมิแพ้
- โรคตุ่มน้ำพองจากภูมิคุ้มกัน อันนี้ค่อนข้างหายาก ผมเคยอ่านเจอแต่ก็ไม่รู้จักจริงๆ ฟังดูน่ากลัว
- โรคผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำ หมอที่รักษาลูกชายบอก น่าจะไม่ใช่ แต่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุ
ผมว่า ถ้าเป็นตุ่มน้ำใสๆที่คันและเจ็บ ควรไปหาหมอดีกว่า อย่าชะล่าใจ ปล่อยไว้นานอาจจะแย่ลง ผมเองก็พลาดตอนลูกเป็น ตอนนั้นรีบหาข้อมูลเอง สุดท้ายก็ต้องพาไปหาหมออยู่ดี
ตอนนี้ก็ยังนอนไม่หลับ คิดมากไปหมด พรุ่งนี้ต้องพาลูกไปตรวจสุขภาพประจำปี หวังว่าจะไม่มีอะไรผิดปกติอีก
โรคตุ่มน้ำพอง หายเองได้ไหม
หายเอง? ฝันไปเหอะ
โรคตุ่มน้ำพองไม่ใช่หวัดแดด รักษาตามหมอสั่ง ถึงมีโอกาสรอด ไม่ใช่โชคช่วย
- โคตรเสี่ยง: ทุกเพศทุกวัย หน้ามึงก็มีสิทธิ์
- ผิวหนัง: จุดอ่อนของมึงไง
- ตาย: ไม่ใช่ทุกคน แต่ซวยก็ซวยเลย
- รักษา: หมอสั่งอะไร ทำตาม อย่าเรื่องมาก
- หายขาด: ไม่ใช่ว่าทำๆ ไปก็หาย ต้องเป๊ะ
รู้ไว้ใช่ว่า:
- ปี 2567 ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน
- สเตียรอยด์คือเพื่อนซี้คนแรกที่หมอจะให้มึงรู้จัก
- อย่าไปเชื่อหมอดู ให้เชื่อผลแล็บ
คำเตือน: กูไม่ใช่หมอ อย่ามาถามอะไรซ้ำซาก ไปหาหมอเอง
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต