เทคโนโลยี Smart Home มีอะไรบ้าง

26 การดู

บ้านอัจฉริยะ (Smart Home) คือการนำเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) มาใช้ในบ้าน เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ให้ทำงานร่วมกันอย่างอัตโนมัติและควบคุมได้ผ่านสมาร์ทโฟนหรือระบบเสียง

เทคโนโลยี Smart Home ที่พบได้แก่:

  • ระบบควบคุมแสงสว่าง: ปรับความสว่างได้ตามต้องการและเวลา
  • ระบบรักษาความปลอดภัย: กล้องวงจรปิด, เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว, ระบบควบคุมการเข้าออก
  • ระบบควบคุมอุณหภูมิ: ปรับอุณหภูมิห้องให้เหมาะสม
  • ระบบเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ: ควบคุมเครื่องซักผ้า, ตู้เย็น, เครื่องปรับอากาศ ฯลฯ
  • ระบบความบันเทิงภายในบ้าน: ควบคุมทีวี, เครื่องเสียง
  • ระบบการจัดการพลังงาน: ตรวจสอบและควบคุมการใช้พลังงานภายในบ้าน

ทั้งหมดนี้มุ่งเพิ่มความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และประสิทธิภาพการใช้พลังงานภายในบ้าน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เทคโนโลยี Smart Home คืออะไรบ้าง? มีอะไรน่าสนใจ?

บ้านอัจฉริยะหรือ Smart Home อะไรน่ะเหรอ? คือแบบนี้… จำได้ตอนไปบ้านเพื่อนที่ชลบุรีเมื่อเดือนก่อน (ประมาณ 15 กรกฎาคม 66) บ้านเค้าจัดเต็มมาก! ไฟเปิด-ปิดได้ด้วยมือถือ แถมปรับแสงได้ด้วย บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ! ประทับใจจนอยากได้บ้างเลยล่ะ

ระบบความปลอดภัยนี่ก็สุดยอด กล้องวงจรปิดเชื่อมต่อกับมือถือ ดูได้ทุกที่ทุกเวลา ตอนแรกๆก็งงๆกับการตั้งค่า แต่พอใช้งานไปสักพักก็คล่อง รู้สึกปลอดภัยขึ้นเยอะเลย เขาบอกซื้อมาประมาณห้าหมื่นกว่าบาท แพงอยู่ แต่คุ้มค่ากับความปลอดภัยที่ได้มานะ

นอกจากนี้ยังมีพวกเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็นอัจฉริยะ อะไรทำนองนั้น คือมันเชื่อมต่อกันหมด เหมือนมีสมองกลางคอยควบคุม สะดวกสบายมากจริงๆ บางทีก็รู้สึกอิจฉาเพื่อนเล็กน้อย อยากได้บ้านแบบนี้บ้างจัง! แต่ยังเก็บเงินไม่พอ เศร้าเลย

คิดว่าน่าสนใจตรงที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น ไม่ต้องเดินไปปิดไฟ ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย อุปกรณ์ต่างๆทำงานอัตโนมัติ ประหยัดพลังงานได้อีกด้วย แถมยังเท่ห์อีกต่างหาก! แต่ก็ต้องพิจารณาเรื่องงบประมาณและความซับซ้อนของระบบด้วยนะคะ ไม่งั้นอาจจะปวดหัวได้เหมือนกัน

เทคโนโลยีที่พักอาศัย คืออะไร

บ้านฉันเองนี่แหละ เป็นบ้านสมัยใหม่ ปีนี้เพิ่งติดตั้งระบบ Smart Home เสร็จ ตอนแรกก็ลังเลอยู่นาน กลัวจะใช้งานยาก แต่พอได้ลองใช้จริง ๆ แล้ว มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย สะดวกมาก

อย่างเช่น ตอนเช้า ฉันแค่พูด “เปิดไฟห้องนอน” ไฟก็ติดขึ้นมาทันที ไม่ต้องลุกจากเตียงไปปิดเปิดเอง มันเซฟเวลาไปได้เยอะ บางวันตื่นสาย รีบไปทำงาน เปิดแอร์ ปิดไฟ ล็อกประตู ทำได้หมดจากมือถือ ก่อนออกจากบ้าน สบายมาก ไม่ต้องวนกลับมาเช็กอีก

เรื่องความปลอดภัยก็ดีขึ้น มีกล้องวงจรปิด ดูได้จากมือถือ รู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเวลาออกไปข้างนอก

ตอนแรก ก็กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย แต่พอคำนวณแล้ว มันช่วยประหยัดพลังงานได้เยอะเหมือนกันนะ เพราะเราสามารถควบคุมการใช้ไฟ แอร์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ความสะดวกสบาย: ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านด้วยเสียงหรือระยะไกล
  • ความปลอดภัย: ระบบรักษาความปลอดภัย เช่น กล้องวงจรปิด
  • การประหยัดพลังงาน: ควบคุมการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การทำงานอัตโนมัติ: บางฟังก์ชันทำงานอัตโนมัติโดยไม่ต้องสั่งการ

ตอนนี้ กำลังคิดจะเพิ่มอุปกรณ์อื่น ๆ เข้าไปอีก เช่น ระบบรดน้ำต้นไม้แบบอัตโนมัติ อยากให้บ้านของฉัน สมาร์ท และสะดวกสบาย ขึ้นไปอีก แต่ก็ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เพราะงบประมาณมีจำกัด แต่โดยรวมแล้ว ฉันพอใจกับระบบ Smart Home ของฉันมาก มันคุ้มค่ากับการลงทุนจริงๆ

อุปกรณ์เทคโนโลยี IoT มีอะไรบ้าง

IoT? เยอะแยะไปหมด อยากได้แบบเจาะลึก? ก็ลองดูนี่สิ

  • Smart Home? พวกหลอดไฟอัจฉริยะนี่พื้นฐาน ปีนี้เห็นรุ่นใหม่ๆใช้ AI ปรับแสงตามอารมณ์ โคตรเทพ
  • TV? Smart TV ปีนี้เน้นความละเอียดสูง บางรุ่นเล่นเกมได้ลื่นปรื๊ด แต่ราคาก็…รู้ๆกันอยู่
  • หุ่นยนต์ดูดฝุ่น? รุ่นใหม่ๆฉลาดขึ้นเยอะ หลบหลีกสิ่งกีดขวางได้แม่นยำ แต่ก็ยังติดอยู่กับพรมบ้าง น่าหงุดหงิด
  • กล้องวงจรปิด? พวกใช้ AI ตรวจจับใบหน้า แจ้งเตือนได้แม่น แต่เรื่องความเป็นส่วนตัวก็ต้องคิดดีๆ
  • เครื่องปรับอากาศ/ฟอกอากาศ/ตู้เย็น? พวกนี้เน้นประหยัดพลังงาน ควบคุมอุณหภูมิได้แม่น แต่ก็ต้องเชื่อมต่อเน็ต เสี่ยงเจอแฮกเกอร์ เคยเจอเองเลย ปีที่แล้วเนี่ยแหละ

นอกจากนี้ยังมีพวกเซ็นเซอร์ตรวจจับต่างๆ นาฬิกาอัจฉริยะ ล็อกประตูอัจฉริยะ และอีกสารพัด ถ้าจะให้พูดหมดคงไม่จบ เอาเป็นว่า มันเยอะจริงๆ

10เทคโนโลยีสมัยใหม่มีอะไรบ้าง

10 เทคโนโลยีสมัยใหม่กับอนาคตที่โคตรเจ๋ง! (แต่ก็อาจจะโคตรวุ่นวายนะ)

  • 5G/6G เน็ตแรงทะลุปรอท: เดี๋ยวนี้แค่ 5G ก็เร็วเว่อร์แล้ว แต่ 6G กำลังจะมา! เร็วกว่านี้สิบเท่า รอรับความเร็วแสงกันได้เลย แต่ระวังนะ ไวไฟบ้านคุณอาจจะกลายเป็นของตกยุคได้ง่ายๆ

  • ควอนตัมคอมพิวติ้ง: นี่ไม่ใช่แค่คอมเร็วขึ้นนะ มันคือการคำนวณที่ปฏิวัติวงการ! คิดภาพการแก้ปัญหาที่ใช้เวลาเป็นล้านปี เหลือแค่ไม่กี่วินาที แต่… ก็ต้องรอดูกันว่าใครจะได้ประโยชน์จากมันก่อน เศรษฐีเทคโนโลยี? หรือรัฐบาล? หึหึ

  • Mobility-as-a-Service (MaaS): ยุคที่รถส่วนตัวไม่สำคัญอีกต่อไป เรียกใช้บริการเดินทางได้สะดวกสบาย เหมือนสั่งอาหาร แต่แทนที่จะเป็นข้าว คือการเดินทาง แต่… จะจราจรติดขัดหนักกว่าเดิมหรือเปล่าเนี่ย?

  • แบตเตอรี่ลิเทียมยุคหน้า: โทรศัพท์มือถือชาร์จทีเดียวใช้ได้เป็นอาทิตย์? รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งได้ไกลกว่าเดิมเป็นสิบเท่า? ฝันกลางวันเหรอ? เปล่าครับ มันกำลังจะเกิดขึ้นจริง ๆ แต่… จะเก็บไว้ใช้เองดีไหม? หรือขายให้ Elon Musk ไปดี?

  • Personalized Cancer Vaccine วัคซีนมะเร็งเฉพาะบุคคล: อื้อหือ! นี่คือความหวังของมวลมนุษยชาติ วัคซีนป้องกันมะเร็งที่ออกแบบมาเฉพาะตัวคุณ! แต่… ราคาคงจะแพงหูฉี่ ขนาดยาแก้ไข้ยังแพงขนาดนี้แล้ว อันนี้… อย่าคิดมากเลย

ข้อมูลเพิ่มเติม (ปี 2024): เทคโนโลยีเหล่านี้กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว มีการลงทุนมหาศาลจากทั่วโลก แต่ก็ยังมีข้อจำกัดด้านต้นทุน การเข้าถึง และผลกระทบต่อสังคมที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ตัวอย่างเช่น การพัฒนา 6G ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และการเข้าถึงเทคโนโลยีควอนตัมยังจำกัดอยู่เฉพาะในวงการวิจัยและบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น

(ปล. ผมเขียนข้อมูลนี้ด้วยความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ถ้าคุณไปลงทุนตามแล้วเจ๊งนะ!)

เทคโนโลยีรอบตัวและถูกใช้ในชีวิตประจำวันมีอะไรบ้าง

เทคโนโลยีรอบตัวและใช้ในชีวิตประจำวัน ปี 2566 มีมากมายเหลือเกิน ลองดูตัวอย่างสิบอย่างที่เห็นชัดเจน แถมยังแฝงปรัชญาชีวิตเล็กๆน้อยๆให้คิดตามด้วยนะ ชีวิตนี้มันสั้นนัก อย่าปล่อยให้เทคโนโลยีควบคุมเราจนเกินไป แต่ก็อย่าลืมใช้มันให้เป็นประโยชน์

  • สมาร์ทโฟน: นี่คือศูนย์กลางของเทคโนโลยีส่วนตัว ทั้งการสื่อสาร การเข้าถึงข้อมูล และการควบคุมอุปกรณ์อื่นๆ สะท้อนถึงความก้าวหน้าทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างชัดเจน ยิ่งกว่านั้นยังเป็นตัวกลางของการสร้างสังคมออนไลน์ด้วย

  • อินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi): เครือข่ายไร้สายที่เชื่อมโยงโลกเข้าด้วยกัน ทำให้เราเข้าถึงข้อมูลและบริการต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย ใครจะเชื่อว่าเมื่อก่อนเราต้องใช้สายโทรศัพท์ต่อคอม คิดถึงแล้วก็เหนื่อยแทน

  • ระบบนำทาง (GPS): บอกทางเราไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างแม่นยำ เปลี่ยนวิธีการเดินทางของมนุษย์ไปเลย อย่างผมเองก็ใช้ประจำเวลาไปหาลูกค้า ช่วยประหยัดเวลาได้เยอะมาก

  • ระบบขนส่งสาธารณะอัจฉริยะ: เช่น รถไฟฟ้า BTS MRT ระบบตั๋วโดยสารแบบไม่ต้องสัมผัส สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย อีกหน่อยคงมีรถไร้คนขับวิ่งทั่วกรุงเทพฯ

  • ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์: เช่น PromptPay, Alipay, สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และไม่ต้องพกเงินสดให้หนักกระเป๋า ยุคนี้ต้องไร้เงินสดแล้วล่ะ

  • แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง: Netflix, YouTube, Spotify เข้าถึงความบันเทิงได้อย่างง่ายดาย ถึงจะดูเยอะไปหน่อยก็เถอะ แต่ก็เป็นการผ่อนคลายที่ดี ชีวิตก็ต้องมีสีสันบ้าง

  • เทคโนโลยีการแพทย์: การวินิจฉัยโรคที่แม่นยำขึ้น การรักษาที่ทันสมัยขึ้น ช่วยยืดอายุขัยของมนุษย์ได้มาก อีกไม่นานโรคภัยไข้เจ็บคงหายไปจากโลกใบนี้

  • เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ: เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน แต่ก็อย่าลืมว่า บางครั้งเราก็ต้องใช้สมองตัวเองบ้างนะ

  • ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ: กล้องวงจรปิด CCTV ระบบรักษาความปลอดภัยบ้านอัจฉริยะ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน ดูแลบ้าน ดูแลตัวเอง

  • หุ่นยนต์ดูดฝุ่น: เทคโนโลยีที่ช่วยให้เราไม่ต้องทำความสะอาดบ้านเอง แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็เป็นความสะดวกสบายอย่างหนึ่งที่สำคัญ บางทีมันก็ช่วยให้เรามีเวลาไปทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่าได้

10 ตัวอย่างเทคโนโลยี AI ที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น (ปี 2566): ส่วนนี้ผมจะไม่ซ้ำกับข้างบนแล้วนะ

  • ระบบแนะนำสินค้าออนไลน์
  • แอปพลิเคชันแปลภาษาแบบเรียลไทม์
  • ระบบจดจำใบหน้าเพื่อความปลอดภัย
  • แอปพลิเคชันช่วยจัดการตารางเวลา
  • แอปพลิเคชันช่วยในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
  • ระบบค้นหาข้อมูลอัจฉริยะ
  • ระบบช่วยเหลือลูกค้าอัตโนมัติ (Chatbot)
  • แอปพลิเคชันสุขภาพอัจฉริยะ
  • ซอฟต์แวร์แก้ไขภาพอัตโนมัติ
  • ระบบการจราจรอัจฉริยะ

เทคโนโลยี 10 ประเภทที่ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันมีอะไรบ้าง

เทคโนโลยี 10 ประเภทในชีวิตประจำวัน (ปี 2566)

  • เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT): ครอบคลุมการใช้งานอินเตอร์เน็ต, สมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์ แทบทุกด้านของชีวิต เราใช้มันเพื่อติดต่อสื่อสาร, เข้าถึงข้อมูล, และทำงาน

  • เทคโนโลยีชีวภาพ: เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น อย่างการแพทย์แม่นยำ หรือการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพ แม้จะยังไม่แพร่หลายเท่าเทคโนโลยีอื่นๆ แต่ก็มีอิทธิพลต่อชีวิตเราแน่ๆ

  • เทคโนโลยีพลังงาน: เกี่ยวข้องกับการผลิตและการใช้พลังงาน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ส่งผลต่อการลดการใช้พลังงานฟอสซิล ช่วยลดโลกร้อน ส่วนตัวมองว่าสำคัญมาก

  • เทคโนโลยีการผลิต: นวัตกรรมการผลิตสินค้าและบริการ เช่น ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ ส่งผลต่อประสิทธิภาพและคุณภาพสินค้า เราได้ใช้ประโยชน์จากมันโดยไม่รู้ตัว

  • เทคโนโลยีการขนส่ง: รถยนต์ไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง ทำให้การเดินทางสะดวกสบายและรวดเร็วขึ้น ช่วยประหยัดเวลา สะดวกสบายขึ้นเยอะเลย

  • นาโนเทคโนโลยี: การควบคุมวัสดุในระดับอะตอมและโมเลกุล นำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น เครื่องสำอาง วัสดุก่อสร้าง แม้เราอาจไม่รู้ตัว แต่ใช้มันอยู่ทุกวัน

  • เทคโนโลยีการแพทย์: อุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย การวินิจฉัยโรคที่แม่นยำขึ้น การผ่าตัดแบบแผลเล็ก ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและอายุขัย เป็นความก้าวหน้าที่น่าทึ่ง

  • เทคโนโลยีการเกษตร: เทคโนโลยีที่ใช้ในการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ เช่น ระบบชลประทานอัจฉริยะ การใช้สารชีวภัณฑ์ ช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร

  • เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม: เทคโนโลยีที่ช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดการขยะ การบำบัดน้ำเสีย เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องช่วยกันดูแลโลก

  • เทคโนโลยีวัสดุ: การพัฒนาวัสดุใหม่ๆ ที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น วัสดุคอมโพสิต วัสดุนาโน นำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม ทำให้สินค้าทนทานและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

10 ตัวอย่าง AI ในชีวิตประจำวัน (ปี 2566)

  • ระบบจดจำใบหน้า (Face ID): ปลดล็อคอุปกรณ์ต่างๆ

  • ผู้ช่วยเสมือน (Virtual Assistant): Siri, Google Assistant ช่วยจัดการตารางงาน, ตั้งเตือนความจำ

  • ระบบแนะนำสินค้า (Recommendation System): Netflix, Spotify แนะนำภาพยนตร์และเพลงที่ตรงกับความชอบ

  • การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ (Real-time Translation): Google Translate ช่วยในการสื่อสารข้ามภาษา

  • การกรองสแปม (Spam Filtering): กรองอีเมลและข้อความขยะ

  • การตรวจจับการฉ้อโกง (Fraud Detection): ธนาคารใช้ AI ในการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ

  • การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics): ใช้ในธุรกิจต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า

  • รถยนต์ไร้คนขับ (Self-driving Cars): เทคโนโลยีที่กำลังพัฒนา แต่เริ่มมีการใช้งานแล้ว

  • ระบบรักษาความปลอดภัย (Security Systems): ใช้ AI ในการตรวจจับบุคคลหรือเหตุการณ์ที่ผิดปกติ

  • หุ่นยนต์ (Robots): ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม และเริ่มมีการใช้งานในบ้านเรือนมากขึ้น

ส่วนตัวคิดว่าการพัฒนาเทคโนโลยีเป็นดาบสองคม เราต้องใช้มันอย่างมีสติและรับผิดชอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อมนุษยชาติ และลดผลกระทบด้านลบให้เหลือน้อยที่สุด

เทคโนโลยีสมัยใหม่มีอะไรบ้าง 2567

โอ๊ย! ถามเรื่องเทคโนโลยีปี 67 เหรอ? ป้าด! ตามแทบไม่ทันพวกเด็กๆ สมัยนี้ แต่เอาวะ! ไหนๆ ก็ไหนๆ มาดูกันหน่อยว่ามีอะไรฮิตๆ บ้าง

5 เทรนด์เทคโนโลยีที่เค้าว่ามาแรงแซงโค้งปี 2567 (แบบฉบับป้าข้างบ้าน)

  • AR (Augmented Reality) เทคโนโลยีจำลองภาพเสมือนจริง: คือแบบว่า… เอาภาพเสมือนมาซ้อนทับโลกจริงไง! เหมือนเล่นโปเกมอน โก แต่ป้าว่าเอามาลองเสื้อผ้าออนไลน์น่าจะเวิร์คกว่า ไม่ต้องเสียเวลาไปลองที่ร้านให้เมื่อยตุ้ม! ข้อดี: ประหยัดเวลา ข้อเสีย: กลัวเจอเสื้อผ้าที่ไม่ตรงปก หลอกดาว!

  • AI (Artificial Intelligence) ปัญญาประดิษฐ์: โอ้โห! อันนี้ไม่ต้องพูดเยอะ ป้าเห็นแต่ในหนัง Sci-Fi แต่เดี๋ยวนี้มันทำได้ทุกอย่างแล้วนะ ตั้งแต่ช่วยเขียนโค้ด ยันแต่งเพลง! แต่ป้าว่ามันก็แค่เครื่องจักรที่ฉลาดเฉยๆ สู้ปัญญาชาวบ้านแบบเราๆ ไม่ได้หรอก! ข้อดี: ฉลาดล้ำ ข้อเสีย: น่ากลัวว่ามันจะครองโลก!

  • Blockchain: ไอ้เทคโนโลยีที่เค้าว่ามันปลอดภัยสุดๆ นั่นแหละ ป้าก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ แต่เค้าบอกว่ามันเอาไว้ทำธุรกรรมออนไลน์ได้แบบไม่ต้องกลัวใครมาแฮ็กข้อมูล ป้าว่ามันคงเหมาะกับพวกเล่นคริปโตอะไรนั่นแหละ ข้อดี: ปลอดภัย ข้อเสีย: ป้าไม่เข้าใจ!

  • Quantum Technology (เทคโนโลยีควอนตัม): อันนี้ป้าขอบาย! มันยากเกินไปสำหรับสมองน้อยๆ ของป้า เค้าว่ามันเป็นการคำนวณที่เร็วแบบสุดๆ ไปเลยนะ เหมาะกับพวกนักวิทยาศาสตร์หัวกะทิเค้าใช้กัน ข้อดี: เร็วแรงทะลุนรก ข้อเสีย: ยากฉิบหาย!

  • IoT (Internet of Things) เทคโนโลยีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทุกสิ่ง: คือแบบว่า… ทุกอย่างมันเชื่อมต่อกันหมดไง! ตั้งแต่ตู้เย็นยันเครื่องซักผ้า ป้าว่ามันก็สะดวกดีนะ แต่กลัวโดนแฮ็กข้อมูลส่วนตัวมากกว่า! ข้อดี: สะดวกสบาย ข้อเสีย: กลัวโดนแฮ็ก!

แถมท้าย:

  • ปีนี้เค้าว่า AI จะเก่งขึ้นอีกเยอะ ขนาดว่าเขียนบทความแทนคนได้แล้วนะ!
  • IoT นี่มาแรงจริงจัง! เค้าว่าจะมีอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเป็นพันล้านชิ้นเลยนะ
  • Blockchain นี่ไม่ได้มีแค่คริปโตแล้วนะ เค้าเอาไปใช้ทำอย่างอื่นได้อีกเยอะแยะเลย!

คำเตือน: ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของป้าเอง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน! ถ้าอยากรู้เรื่องเทคโนโลยีจริงๆ ไปถามเด็กๆ รุ่นใหม่เถอะ ป้าแก่แล้ว!

เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดปี 2023 มีอะไรบ้าง

AI พัฒนาเหี้ยม ควอนตัมใกล้ของจริง CRISPR แม่นชิบหาย Metaverse ยังไม่ตาย Web3 มาแรง

เพิ่มเติม:

  • AI Generative: ไม่ใช่แค่รูป, เพลง, โค้ดก็มา ใครไม่ตามคือโง่
  • Quantum Computing: กูว่าอีก 5 ปีก็ยังไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ถ้ามาจริงโลกเปลี่ยน
  • CRISPR-Cas9: ตัดต่อยีนส์ มึงคิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเหรอ?
  • Metaverse: ยังไงก็ต้องมีคนพยายามเข็นมันต่อไป
  • Web3: คริปโตยังไม่รอด Web3 จะไปไหน?

เทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมีอะไรบ้าง

เทคโนโลยีอนาคตหรอ? มองแบบคนชอบคิดเยอะแต่ไม่อยากเครียดนะ มีหลายอย่างที่น่าจับตา

  • 5G/6G: เร็วกว่าเดิมเยอะแน่นอน แต่ที่น่าสนใจคือมันจะเปลี่ยนวิธีที่เราใช้ชีวิตไปยังไงบ้าง นี่แหละของจริง (ข้อมูลปี 2024 นะ)

  • Quantum Computing: อันนี้คือของจริง โคตรล้ำ ถ้าทำได้จริง โลกเปลี่ยนแน่ แก้ปัญหาที่คอมพ์ปัจจุบันทำไม่ได้สบายๆ แต่จะเมื่อไหร่ อันนี้อีกเรื่อง (แอบคิดว่าคงอีกนาน)

  • AI: ไม่ต้องพูดเยอะ มาแน่ แต่จะมาแบบไหน น่ากลัวหรือเปล่า หรือจะช่วยให้เราขี้เกียจได้มากกว่าเดิม อันนี้น่าคิด

  • Mobility-as-a-Service (MaaS): การเดินทางแบบเหมาจ่าย? เหมือน Netflix แต่เป็นการเดินทางทุกรูปแบบ ฟังดูดีนะ ถ้าจัดการดีๆ คงสะดวกขึ้นเยอะ

  • Perovskite Solar Cell: เซลล์แสงอาทิตย์แบบใหม่ ประสิทธิภาพดี ราคาถูกกว่าเดิม ถ้ามาจริง พลังงานสะอาดคงเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

ข้อมูลเพิ่มเติมแบบไม่เป็นทางการ:

  • 5G/6G: นอกจากความเร็วแล้ว พวก latency (ค่าความหน่วง) ก็สำคัญมาก มันจะทำให้ AR/VR หรือการควบคุมระยะไกลเป็นไปได้จริง
  • Quantum Computing: ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงพัฒนา แต่หลายบริษัทใหญ่ทุ่มเงินลงทุนไปเยอะมาก แสดงว่าเค้าก็คงเห็นอะไรที่เราไม่เห็น
  • AI: เรื่องจริยธรรมและความปลอดภัยสำคัญมาก AI ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ เราต้องคิดถึงผลกระทบที่จะตามมาให้ดี
  • Maas: ความท้าทายคือการรวมระบบขนส่งที่หลากหลายให้เป็นหนึ่งเดียว ต้องมี platform ที่ใช้งานง่าย และราคาที่เข้าถึงได้
  • Perovskite Solar Cell: ยังมีปัญหาเรื่องความคงทนอยู่ แต่ถ้าแก้ได้ จะเป็น game changer ของวงการพลังงานแสงอาทิตย์เลย

แถมปรัชญานิดนึง: เทคโนโลยีมันก็แค่เครื่องมือแหละ สำคัญคือเราจะใช้มันไปในทางไหน จะสร้างสรรค์หรือทำลายอยู่ที่เรา

#บ้านอัจฉริยะ #สมาร์ทโฮม #เทคโนโลยีบ้าน