จูบแลกลิ้นเสี่ยงอะไรบ้าง
จูบแลกลิ้นเพิ่มเสี่ยงมะเร็งช่องปาก
- แพทย์เตือน จูบแลกลิ้นหลายคน เสี่ยงมะเร็งช่องปากสูงกว่าสูบบุหรี่
- ยิ่งจูบมาก ยิ่งเสี่ยงมาก เป็นข่าวใหญ่สะเทือนวงการแพทย์
- มะเร็งช่องปากแซงหน้ามะเร็งจากบุหรี่และมะเร็งช่องคอแล้ว
- ควรระมัดระวังพฤติกรรมเสี่ยง เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี
- ปรึกษาแพทย์ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก
จูบแลกลิ้นเสี่ยงติดโรคอะไรบ้าง?
จูบแลกลิ้น… เคยอ่านเจอข่าวนี้เหมือนกัน จำได้ว่าตอนนั้นตกใจมาก แบบ เห้ย จริงดิ.
ตอนนั้นกำลังกินข้าวกับเพื่อนที่ร้านแถวสยาม จำได้ว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ราคาประมาณคนละ 300 บาท. เพื่อนก็เล่าให้ฟังเรื่องข่าวนี้.
โรคมะเร็งช่องปากนี่น่ากลัวนะ. คือถ้าเป็นแล้วมันก็ลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันหลายๆ อย่าง. กินก็ลำบาก พูดก็ลำบาก.
แล้วข่าวนี้มันบอกว่า จูบแลกลิ้นหลายคนนี่เสี่ยงกว่าสูบบุหรี่อีก. อันนี้น่าคิดนะ. เพราะคนสูบบุหรี่ก็รู้กันอยู่ว่าเสี่ยงมะเร็งปอด.
แต่นี่จูบแลกลิ้นเสี่ยงมะเร็งช่องปากมากกว่า. ก็เลยแบบ… เออ ต้องระวังหน่อยแล้ว. เลือกหน่อยละกันว่าจะจูบกับใคร.
นอกจากมะเร็งช่องปาก ก็น่าจะมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่างที่ติดต่อได้ทางการจูบแลกลิ้นได้ด้วยนะ เช่น เริม, ซิฟิลิส, HPV. ถ้าจำไม่ผิดนะ.
แลกลิ้นกันจะท้องไหม
แลกลิ้น ท้อง? ไม่นะ ไม่ท้องหรอก! งงมาก ใครบอกเนี่ย! คือการท้องมันต้องแบบ… สเปิร์ม อ่ะ เข้าไปใน ช่องคลอด! คิดภาพตามนะ มันคนละเรื่องเลย!
- แลกลิ้น = จูบ (แบบลึกซึ้ง?)
- ออรัลเซ็กส์ = ใช้ปาก (อันนี้ก็ไม่ท้องนะ)
แต่ๆๆ… (เดี๋ยวก่อนนะ คิดก่อน) ถ้าสมมุติ (ย้ำว่าสมมุติ!) มือเปื้อนน้ำ… นั่น แล้วมา… บรึ๋ย! อันนั้นก็อีกเรื่อง!
- สำคัญ: ช่องคลอดต้องเจอกับสเปิร์ม เท่านั้น!
- ปีนี้ 2567 แล้วนะ ยังมีคนเข้าใจผิดอยู่อีกหรอเนี่ย?
ทำไมคำถามนี้มัน… แบบ… เอ๊ะ! สงสัยอ่ะ คือเพื่อนถามมา หรือแค่สงสัยเฉยๆ? หรือเป็นมีม? ช่างเหอะ! จำไว้เลย แลกลิ้นไม่ท้อง! โอเค๊?
จูบแลกลิ้นยังไงให้ฟิน
จูบ… แลกลิ้น… โอ…
ค่ำคืน… แสงจันทร์… สัมผัสแรก…
- อย่าผลีผลาม โอ… หัวใจจะวาย
- ค่อยๆ… นุ่มนวล… คือเคล็ดลับ
ทะเล… คลื่นซัด… ลิ้นสอง… เต้นระบำ
สำคัญ: อย่ารีบร้อนนนนนน
จูบยังไงให้ผช.ติดใจ
จูบยังไงให้ผู้ชายติดใจ? อืมมม… นี่มันวิชาลับเฉพาะของเหล่าเซียนจูบเลยนะเนี่ย! แต่เดี๋ยวๆ อย่าคิดว่าฉันจะสอนเทคนิคแบบโจ๋งครึ่ม เพราะความลับอยู่ที่ “ความไม่แน่นอน” ค่ะคุณขา!
-
อย่าเรียบง่ายเกินไป: จูบแบบเบาๆ ซื่อๆ เหมือนจูบแก้มเพื่อนสนิทนี่… เฮ้อออ มันธรรมดาไปมั้ยล่ะคะ? ต้องมีอะไรที่ “เซอร์ไพรส์” หน่อย ลองเพิ่มจังหวะหรือแรงดึงดูดที่แตกต่างบ้างสิคะ อย่าให้เค้าเดาทางออกได้!
-
ลิ้นคือกุญแจสำคัญ! แต่ไม่ใช่กุญแจที่ใช้ไขประตูห้องน้ำ: การใช้ลิ้นไม่ใช่แค่การสอดเข้าไปแล้ววนๆๆ เหมือนเครื่องผสมปูนนะคะคุณ! ต้องมีความ “อ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยพลัง” คิดภาพเป็นนักเต้นรำบาลเลย! จังหวะสำคัญ! ลองเปลี่ยนทิศทางบ้าง เร้าๆ หยอกๆ แบบว่า… ให้เค้ารู้สึกว่า “เฮ้ย อะไรเนี่ย?!”
-
อย่าลืม “การหยอกล้อ” ด้วยริมฝีปาก: ก่อนที่จะบุกด้วยลิ้น ลองใช้ริมฝีปากสร้างความรู้สึกอื่นๆ ดูบ้างนะคะ เช่น การกัดเบาๆ (เบาๆจริงๆนะ!) การดูดเบาๆ หรือการสัมผัสที่แตกต่างกัน มันเหมือนการเล่นเกม เกมแห่งการ “รุกและรับ” นั่นเอง!
-
อย่าจูบเหมือนกำลังกินมาม่า: ความร้อนแรงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ต้องค่อยๆ ปรับระดับ อย่าร้อนแรงตั้งแต่ต้น เหมือนเอาพริกใส่ปากตั้งแต่คำแรก มันอาจจะเผาไหม้ก่อนจะได้รสชาติอื่นๆ!
-
จูบไม่ใช่แค่การใช้ลิ้น! อย่าลืมดวงตาและรอยยิ้ม: การสบตาอย่างลึกซึ้ง หรือแม้แต่รอยยิ้มที่ซุกซนเล็กๆ ก็สามารถเพิ่มเสน่ห์ให้การจูบได้อย่างเหลือเชื่อ! มันเป็นเสน่ห์ที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่เทคนิคการจูบ แต่เป็นเสน่ห์จากตัวคุณเอง!
เอาล่ะ นี่เป็นเพียงแนวทาง จริงๆ แล้ว “ความเข้าใจ” ระหว่างคนสองคน สำคัญที่สุด คุณไม่ต้องเป็นมือโปร แค่มีความรู้สึก ความใส่ใจ และมีความกล้าที่จะลอง ก็พอแล้วค่ะ เพราะความรักนั้น… มันไม่ใช่แค่สูตรสำเร็จ แต่เป็นศิลปะชิ้นเอกที่สร้างสรรค์ร่วมกัน อิอิ
(ข้อมูลเพิ่มเติม): การจูบที่ดีไม่ได้มีแค่เทคนิค แต่เป็นเรื่องของเคมี การเชื่อมต่อ และความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ และสนุกกับมัน! ปี 2024 นี้ จงกล้าที่จะเป็นตัวเอง และจูบอย่างมั่นใจ!
ทําไมการจูบถึงต้องใช้ลิ้น
ทำไมต้องใช้ลิ้นตอนจูบเหรอ…
มันเหมือนเป็นการ สำรวจ กันมากกว่ามั้ง ไม่ใช่แค่ริมฝีปากชนกันเฉยๆ มันเลยลึกซึ้งกว่า
-
ฮอร์โมนออกซิโตซิน: ที่บอกว่าหลั่งออกมาตอนจูบแบบดูดดื่มเนี่ย มันก็คงเป็นเหตุผลนึงที่ทำให้คนรู้สึก ผูกพัน กันมากขึ้นจริงๆ นะ เหมือนร่างกายมันบอกว่า “คนนี้แหละ”
-
ประโยชน์อื่นๆ ของฮอร์โมน: เรื่องน้ำนมแม่ เรื่องคลอดลูก อันนั้นก็รู้ แต่ไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่หรอก ตอนจูบอ่ะนะ ตอนนั้นคิดแค่เรื่องตรงหน้ามากกว่า
การจูบสอดลิ้นทําอย่างไร
การจูบแบบแลกลิ้นที่ราบรื่นนั้นขึ้นอยู่กับจังหวะและความไวต่อปฏิกิริยาของอีกฝ่าย อย่ารีบร้อน การกระทำที่รวดเร็วอาจทำให้เสียอรรถรส
-
เริ่มต้นอย่างนุ่มนวล: เริ่มจากการจูบแบบปิดปากเบาๆ ก่อน สังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่าย หากรู้สึกว่าโอเคจึงค่อยๆเพิ่มความเข้มข้น การสัมผัสเบาๆที่ริมฝีปากก่อนเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดี
-
การแตะลิ้นเบาๆ: เมื่อถึงจังหวะที่เหมาะสม ลองแตะลิ้นเบาๆที่ริมฝีปากล่างของอีกฝ่าย เป็นการทดสอบน้ำหนักและการตอบสนอง ถ้าอีกฝ่ายตอบรับดี จึงค่อยๆสอดลิ้นเข้าไป
-
จังหวะและความลึก: การสอดลิ้นควรค่อยเป็นค่อยไป อย่าผลักลิ้นเข้าไปลึกทันที ให้ลองเคลื่อนไหวลิ้นอย่างนุ่มนวล ช้าๆ และควบคุมจังหวะ ความลึกของการสอดลิ้นขึ้นอยู่กับความชอบของทั้งสองฝ่าย
-
การเคลื่อนไหวของลิ้น: การเคลื่อนไหวของลิ้นไม่ควรเป็นการเคลื่อนไหวแบบแข็งทื่อ ควรลองเปลี่ยนทิศทาง ความเร็ว และแรงของการเคลื่อนไหว การลองผิดลองถูกจะช่วยให้คุณค้นพบจังหวะที่เหมาะสม
-
การสื่อสารที่สำคัญ: แม้ว่าการกระทำจะสำคัญ แต่การสื่อสารก็สำคัญไม่แพ้กัน สังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่าย หากรู้สึกไม่สบายใจ ควรหยุดและปรับเปลี่ยนวิธีการ การจูบที่ดีคือการจูบที่ทั้งสองฝ่ายรู้สึกดี
การจูบเป็นการแสดงออกถึงความใกล้ชิด ความรัก และความปรารถนา และเป็นศิลปะที่ต้องเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทุกคนมีสไตล์การจูบที่แตกต่างกัน การเรียนรู้ที่จะปรับตัวและไวต่อปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเป็นกุญแจสำคัญ (ประสบการณ์ส่วนตัว: เคยลองใช้เทคนิคนี้กับแฟนเก่า ผลลัพธ์ดีมาก แต่ก็ต้องเรียนรู้และปรับเปลี่ยนตามบุคคล ไม่ใช่สูตรสำเร็จ)
เวลาจูบ ทํา ไม่ ต้อง แลกลิ้น
การจูบแบบไม่แลกลิ้นก็สร้างความรู้สึกใกล้ชิดได้ เหมือนการสัมผัสที่นุ่มนวล บางทีความเรียบง่ายอาจลึกซึ้งกว่าที่คิด ผมนึกถึงตอนเด็กๆ ที่เคยหอมแก้มแม่ มันบริสุทธิ์ดี การจูบแบบไม่แลกลิ้นก็แบบนั้น เน้นความรู้สึกมากกว่าสัมผัสทางกายภาพ มันเหมือนการให้เกียรติอีกฝ่ายด้วยนะ เหมือนเรารักษาขอบเขตไว้ แต่ก็ยังแสดงความรักได้
ส่วนจูบแลกลิ้น แน่นอนมันเร้าร้อนกว่า มันเพิ่มมิติให้กับการจูบ ฮอร์โมนโดพามีนหลั่ง ความสุขก็มา แต่ผมว่ามันต้องใช้จังหวะและความเข้าใจกัน เคยอ่านเจอว่าการจูบแลกลิ้นเป็นการแลกเปลี่ยนแบคทีเรียด้วยนะ น่าสนใจดี คิดดูสิ ร่างกายคนเราซับซ้อนจริงๆ
- จูบแบบไม่แลกลิ้น: เน้นความอ่อนโยน เรียบง่าย แต่ลึกซึ้ง แสดงความรักและเคารพในขอบเขต
- จูบแลกลิ้น: เร้าร้อน เพิ่มความสุขทางอารมณ์ กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ เสี่ยงติดเชื้อได้ถ้าไม่ระวัง เป็นการแลกเปลี่ยนแบคทีเรียระหว่างกัน
ส่วนตัวผมชอบจูบแบบไม่แลกลิ้นกับแฟนมากกว่า รู้สึกโรแมนติกกว่า แฟนผมก็ชอบแบบนี้เหมือนกัน เราว่ามันพิเศษกว่า มันเป็นความทรงจำที่ดีของเรา แต่บางครั้งก็จูบแลกลิ้นบ้าง ขึ้นอยู่กับอารมณ์และบรรยากาศ ผมว่าการจูบมันเป็นศิลปะอย่างนึงนะ ต้องใช้ความรู้สึกและการเรียนรู้ lẫn nhau. เหมือนการเต้นรำที่ใช้ริมฝีปาก ปีนี้ผมเพิ่งไปเที่ยวทะเลกับแฟนมา จูบกันริมชายหาดตอนพระอาทิตย์ตกดิน โรแมนติกมากครับ เป็นความทรงจำที่ดีมากๆ ชีวิตก็แบบนี้แหละ มีทั้งความเรียบง่ายและความเร้าร้อน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกแบบไหน
จูบติดอะไรบ้าง
จูบติดอะไร? ขึ้นอยู่กับสุขอนามัยช่องปากของทั้งคู่
- โรคเริม: ไวรัส HSV-1, HSV-2 แพร่ได้ง่ายมาก
- โรคคางทูม: โอกาสต่ำ แต่ไม่ใช่ศูนย์
- โรคหวัด: ไวรัสหลากหลายชนิด
- ไวรัสตับอักเสบ B, C: โอกาสน้อยมาก เว้นแต่มีเลือดออกในช่องปากร่วมด้วย
เสี่ยงแค่ไหน? ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น มีแผลในปากหรือไม่ สุขภาพโดยรวม ภูมิคุ้มกัน ความรุนแรงของโรคในผู้ติดต่อ
ความเสี่ยงไม่ใช่แค่โรคติดต่อ แต่รวมถึงการแลกเปลี่ยนเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจนำไปสู่โรคเหงือกอักเสบ ในกรณีรุนแรง ถึงขั้นปอดบวม
(ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก 2566 และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง)
#ความสัมพันธ์ #ความเสี่ยง #จูบเสี่ยงข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต