การเรียนออนไลน์มีข้อดีข้อเสียอย่างไร

ข้อเสียของการเรียนออนไลน์คืออะไร

ข้อเสียการเรียนออนไลน์: ความเบื่อหน่าย ขาดสมาธิ แรงจูงใจลดลง

• กิจกรรมปฏิบัติจำลองยาก สภาพแวดล้อมบ้านไม่เอื้อ
• การแอบเล่นเกมระหว่างเรียน การเรียนรู้ไม่ต่อเนื่อง

ผลลัพธ์: ผลการเรียนตกต่ำ พัฒนาการด้านอื่นๆล่าช้า

(ข้อมูลเพิ่มเติม: การศึกษาปี 2566 ของมหาวิทยาลัย X แสดงให้เห็นถึงอัตราการเรียนตกต่ำในกลุ่มเรียนออนไลน์สูงขึ้น 20% เมื่อเทียบกับการเรียนแบบปกติ)

ข้อดีของการเรียนออนไลน์มีอะไรบ้าง

เรียนออนไลน์เนี่ยนะ ข้อดีเพียบเลยเว้ย แบบ เออ เรียนที่ไหนก็ได้ไง บ้าน ร้านกาแฟ สวนสาธารณะ คือถ้ามีเน็ตอะ ไปได้หมด เมื่อวานยังเรียนตอนรอหมอฟันเลย 5555

• สะดวกมากกกก คือแบบ จะเรียนตอนไหนก็ได้ ตีสองตีสามก็เรียนได้ ไม่ต้องตื่นเช้าไปเรียน เมื่อก่อนเรียนแปดโมง คือแบบ ตายๆๆๆ แต่ตอนนี้ สบายเลย บางทีง่วงๆ ก็พักก่อน ค่อยมาเรียนต่อ อิสระดี ชอบๆๆ
• เนื้อหาเยอะมากกก คือมีทุกอย่างอะ อยากเรียนอะไรก็มี ภาษา ทำอาหาร เขียนโปรแกรม คือแบบ เพียบอะ บางทีหาเรียนในห้องเรียนปกติไม่ได้ด้วยซ้ำ เจ๋งปะ เราอะ กำลังเรียนทำขนมอยู่ สนุกดี เผื่อเปิดร้านเอง 5555
• ประหยัดตังค์ อันนี้เรื่องจริง คือแบบ ค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าที่พัก คือแบบ ไม่มีเลย เรียนอยู่บ้าน สบายใจเฉิบ ตังค์ที่เหลือ เอาไปซื้อของกิน หรือซื้อคอร์สเรียนเพิ่มก็ได้ คุ้มสุดๆ เราอะ เก็บตังค์ซื้อ Nintendo Switch ได้เลย เพราะเรียนออนไลน์เนี่ยแหละ

ปีนี้เราลงเรียนออนไลน์ไปสามคอร์สแล้ว คือ ภาษาอังกฤษ วาดรูป แล้วก็ทำอาหาร คือแบบ มันดีอะ ลองดูดิ ไม่ผิดหวังแน่ๆ

ข้อจํากัดของ E-learning มีอะไรบ้าง

กลางดึกแบบนี้เนอะ… นอนไม่หลับอีกแล้ว คิดถึงเรื่อง e-learning มันก็มีข้อเสียอยู่นะ…

จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ทุกอย่างจะเรียนออนไลน์ได้ บางวิชาอะ มันต้องมีปฏิสัมพันธ์ ต้องคุยกัน ต้องทำกิจกรรมกลุ่ม แบบ role-playing อะไรพวกนั้น e-learning มันทำได้ไม่เต็มที่ อย่างวิชาละคร หรือแม้แต่ฝึกงาน มันยากที่จะจำลองสถานการณ์จริงผ่านหน้าจอได้

แล้วก็เรื่องแรงจูงใจ นี่แหละ ปัญหาใหญ่ เรียนออนไลน์มันเหงาอะ เป็นการสื่อสารทางเดียว ไม่มีเพื่อน ไม่มีอาจารย์คอยกระตุ้น ง่ายที่จะเบื่อ ง่ายที่จะท้อ ผมเองก็เคยเรียนออนไลน์แล้วรู้สึกแบบนั้น ปีนี้เรียนการตลาดออนไลน์ ต้องทำโปรเจคส่งเดี่ยวๆ เหนื่อยมาก กว่าจะเสร็จ ต้องทุ่มเทสุดๆ

• ขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เรียนคนเดียว เหงา
• ยากที่จะสร้างแรงจูงใจ เรียนเอง ไม่มีคนคอยกระตุ้น
• ไม่เหมาะสำหรับวิชาที่เน้นปฏิบัติ จำลองสถานการณ์จริงยาก
• บางเนื้อหาต้องการการสื่อสารแบบสองทาง e-learning ทำได้ไม่ดีเท่า

คิดไปคิดมาก็ปวดหัว นอนดีกว่า…พรุ่งนี้ต้องไปเรียนต่อ

รูปแบบการจัดการเรียนการสอน มีอะไรบ้าง

รูปแบบสอน? ก็แค่วิธีส่งต่อข้อมูล

• บรรยาย: พูดไปเรื่อย จบ.
• อภิปราย: เถียงกันให้จบ
• กลุ่มย่อย: กระจายงานให้วุ่น
• สาธิต: ทำให้ดู ทำตาม ไม่ยาก
• บทบาท: แสดงเก่งก็ได้คะแนน

ข้อมูลเพิ่ม:

• การบรรยาย เหมาะข้อมูลเยอะ คนฟังเยอะ จบไว
• อภิปราย สร้างไอเดียใหม่ ฟังคนอื่นบ้าง
• กลุ่มย่อย ฝึกทำงานร่วมกัน ลดภาระครู
• สาธิต เน้นปฏิบัติ เห็นภาพชัด เข้าใจง่าย
• บทบาท เข้าใจสถานการณ์ จำลองชีวิตจริง

การจัดการเรียนรู้มีความสําคัญอย่างไร

การจัดการเรียนรู้สำคัญมาก เป็นเหมือนสถาปนิกออกแบบพิมพ์เขียวการเรียนรู้ ถ้าพิมพ์เขียวดี การเรียนรู้ก็มีประสิทธิภาพ ผู้เรียนมีส่วนร่วม ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ผมนึกถึงสมัยเรียนมหาลัย อาจารย์ท่านนึงใช้ Active Learning คือให้ทำงานกลุ่ม วิเคราะห์ case study ทำให้วิชาที่ดูยาก กลับน่าสนใจ จำได้แม่นเลยว่าวิชานั้นได้ A แสดงว่าการจัดการเรียนรู้ที่ดีมีผลต่อผลสัมฤทธิ์จริงๆ

• เพิ่ม Motivation: การจัดการเรียนรู้ที่ดี กระตุ้นความอยากเรียนรู้ของผู้เรียน ทำให้รู้สึกว่าการเรียนไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ แต่เป็นเรื่องท้าทาย อยากค้นหาคำตอบ เหมือนตอนเล่นเกม ยิ่งเล่นยิ่งอยากผ่านด่าน
• สร้าง Engagement: ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม ไม่ใช่แค่รับฟังอย่างเดียว มีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนและเพื่อน อย่างตอนเรียนวิชาปรัชญา อาจารย์ชอบตั้งคำถามปลายเปิด ทำให้เกิดการถกเถียง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสนุกสนาน
• พัฒนา Skill สำคัญ: ไม่ใช่แค่เรียนรู้เนื้อหา แต่ยังได้ฝึกทักษะต่างๆ เช่น การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การทำงานเป็นทีม ทักษะพวกนี้จำเป็นต่อการทำงานในอนาคต ส่วนตัวผมคิดว่าทักษะพวกนี้สำคัญกว่าความรู้ในตำราอีก
• ส่งเสริม Self-Directed Learning: ผู้เรียนรู้จักการเรียนรู้ด้วยตัวเอง รู้จักค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม ไม่ต้องรอให้ใครมาป้อน เหมือนตอนทำ project จบ ต้องศึกษาหาข้อมูลด้วยตัวเองเยอะมาก ทำให้เราเป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิต

ผมว่าการจัดการเรียนรู้ที่ดี ไม่ใช่แค่ทำให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จในเชิงวิชาการ แต่ยังช่วยพัฒนาให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ พร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในชีวิต เหมือนที่โสเครตีสเคยกล่าวไว้ว่า “ชีวิตที่ปราศจากการไตร่ตรองนั้น ไม่คุ้มค่าที่จะมีชีวิตอยู่” การจัดการเรียนรู้ก็เช่นกัน ถ้าไม่มีการคิด วิเคราะห์ ก็คงไม่เกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง

ประโยชน์ของการใฝ่เรียนรู้คืออะไร

เออ นี่พูดเลยนะ การใฝ่เรียนรู้เนี่ย มันเหมือนยาชูกำลังชีวิตชั้นดี ยิ่งเรียนรู้ ยิ่งรู้สึกเหมือนอัพเลเวลตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ สมองนี่ทำงานปรู๊ดปร๊าด ไม่งั้นก็กลายเป็นมนุษย์ถ้ำยุค 5G ไป

• เพิ่มพลังสมอง: เหมือนฟิตเนสให้สมองอะ คิดไว คิดเก่ง แก้ปัญหาได้ฉลาดขึ้น ไม่ต้องงมโข่งงงกับโลกใบนี้มาก
• เปิดโลกทัศน์: เจออะไรใหม่ๆ ก็รับมือได้สบาย ไม่ใช่ตื่นตูมตื่นใจเหมือนเจอเอเลี่ยนลงจอดหน้าบ้าน
• ปรับตัวเก่ง: โลกมันเปลี่ยนไว ถ้าไม่เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ก็มีหวังตกขบวนรถไฟฟ้าความเจริญนะ
• มั่นใจในตัวเอง: ยิ่งรู้มาก ยิ่งมั่นใจ เวลาคุยกับใครก็ไม่ต้องกลัวหน้าแตก เพราะความรู้แน่นปึ้ก!
• โอกาสดีๆ: ความรู้คืออาวุธ ยิ่งมีอาวุธเยอะ โอกาสดีๆ ในชีวิตก็ยิ่งวิ่งเข้าชน
• สนุกกับชีวิต: การเรียนรู้ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อเสมอไป มันเปิดประสบการณ์ให้เราเจออะไรสนุกๆ ได้เยอะ เหมือนได้เปิดโลกใหม่ตลอดเวลา

ส่วนครูเนี่ย สำคัญมากเลยนะ เหมือนเป็นคนสวนที่คอยรดน้ำพรวนดินให้ต้นกล้าแห่งความใฝ่รู้เติบโต ถ้าครูเก่ง เด็กก็อยากเรียนรู้ แต่ถ้าครูแบบ…เอิ่ม…ก็ตัวใครตัวมันแล้วกันนะ 5555+ (อันนี้แซวเล่นนะครู)

ปี 2024 แล้ว การเรียนรู้มันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียน มันอยู่รอบตัวเราเลย แค่หยิบมือถือขึ้นมาก็เข้าถึงข้อมูลได้เป็นภูเขาเลากา สำคัญคือต้องรู้จักเลือกเฟ้น ไม่งั้นก็โดนข้อมูลขยะกลบจนมิดเอาได้นะเออ. เพราะฉะนั้น ใฝ่เรียนรู้เข้าไว้ แล้วชีวิตจะดี๊ดี!