ภูมิคุ้มกันรับมา มีข้อดีข้อเสียอย่างไร

55 การดู

ภูมิคุ้มกันรับมา: ข้อดีข้อเสีย

  • ข้อดี: ออกฤทธิ์เร็วทันที ไม่ต้องรอร่างกายสร้าง
  • ข้อเสีย: ภูมิคุ้มกันอยู่ได้ไม่นาน ร่างกายจำเชื้อโรคไม่ได้ อาจเกิดอาการแพ้

สรุปคือ เหมาะสำหรับป้องกันฉุกเฉิน แต่ไม่สร้างภูมิคุ้มกันระยะยาว

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ภูมิคุ้มกันรับมา: ข้อดีและข้อเสียคืออะไร?

เอาจริงดิ ภูมิคุ้มกันรับมาเนี่ยนะ? เอ่อ… คือข้อดีก็ชัดๆ อยู่แล้วอ่ะ เร็วไง! เหมือนแบบ…ฉีดปุ๊บ ป้องกันปั๊บ ไม่ต้องรอร่างกายสร้างเองนานๆ เหมือนวัคซีน แต่ข้อเสียก็…แอบเยอะอยู่เหมือนกันนะ

ฉันเคย…ตอนเด็กๆ อ่ะ จำไม่ได้แล้วว่าอะไร แต่โดนฉีดอะไรสักอย่างนี่แหละ แล้วแพ้! ผื่นขึ้นเต็มตัว คันสุดๆ ต้องไปหาหมออีกรอบ เสียเงินเพิ่มไปอีกพันกว่าบาท (แม่บ่นอุบเลยตอนนั้น) คือมันก็ช่วยนะ แต่มันไม่ได้อยู่ถาวรไง แล้วก็เสี่ยงแพ้ด้วยอ่ะ

คือร่างกายเรามันไม่ได้จำไงว่าไอ้ตัวเนี้ยมันอันตรายหรือไม่ ก็เลยอาจจะตอบสนองแบบ…เอ่อ…เกินเหตุไปหน่อย อะไรประมาณนั้นมั้ง? ไม่แน่ใจนะ อันนี้เดาๆ เอาจากประสบการณ์ตรงล้วนๆ เลยเนี่ย

สรุปคือ…ถ้าจำเป็นต้องใช้จริงๆ ก็คงต้องใช้แหละ แต่ก็ต้องดูให้ดีๆ ว่าเราแพ้อะไรไหม แล้วก็เตรียมใจไว้ด้วยว่ามันไม่ได้อยู่กับเราไปตลอดอ่ะนะ จบ! (มั้ง?)

ภูมิคุ้มกันก่อเองและภูมิคุ้มกันรับมามีข้อดีและข้อเสียอย่างไร

…เห้อ… ถามเรื่องภูมิคุ้มกันเหรอ… มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสียของมันแหละ… เหมือนทุกอย่างบนโลกนี้แหละมั้ง

  • ภูมิคุ้มกันก่อเอง (วัคซีน):

    • ข้อดี: ร่างกายสร้างเอง… มันอยู่ได้นานกว่า… เหมือนเราฝึกเอง… เก่งจริงอะไรจริง
    • ข้อเสีย: ต้องใช้เวลา… กว่าร่างกายจะสร้าง… ถ้าติดเชื้อไปแล้ว… อาจจะไม่ทัน
    • คิดในใจ: ตอนเด็ก ๆ ฉีดวัคซีนเยอะมาก… จำได้ว่ากลัวเข็มสุด ๆ… แต่แม่บอกว่าต้องฉีด… มันดีกับเรา… ตอนนี้ก็ยังฉีดวัคซีนอยู่… ไข้หวัดใหญ่น่ะ… กลัวป่วย…
  • ภูมิคุ้มกันรับมา (เซรุ่ม):

    • ข้อดี: เร็ว… ทันใจ… เหมือนยืมพลังคนอื่นมาใช้… เหมาะกับตอนฉุกเฉิน
    • ข้อเสีย: อยู่ได้ไม่นาน… พลังหมดเร็ว… ต้องพึ่งคนอื่นตลอดไปไม่ได้
    • คิดในใจ: เคยเห็นคนโดนงูกัด… หมอฉีดเซรุ่มให้… หายเร็วมาก… แต่ก็รู้ว่ามันแค่ชั่วคราว… ต้องดูแลตัวเองต่อ… เหมือนชีวิตเราเลย… บางทีก็ต้องพึ่งคนอื่น… แต่สุดท้าย… ก็ต้องยืนด้วยขาตัวเอง

การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน… มันเหมือนการลงทุน… ลงทุนเวลา… ลงทุนความอดทน… เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว… แต่บางครั้ง… ชีวิตมันก็ไม่ได้เป็นไปตามแผน… เราก็ต้องพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์… เหมือนภูมิคุ้มกันรับมา… ช่วยเราในยามฉุกเฉิน…

…สุดท้ายแล้ว… ไม่มีอะไรดีที่สุด… มีแต่สิ่งที่เหมาะสมที่สุด… สำหรับเรา… ในเวลานั้น…

  • ข้อมูลเพิ่มเติม: วัคซีนปัจจุบัน… พัฒนาไปไกลมาก… มีทั้งแบบ mRNA… ที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีและรวดเร็ว… เซรุ่มก็เช่นกัน… มีการพัฒนาให้มีความจำเพาะเจาะจงมากขึ้น… ลดผลข้างเคียง…
  • ปีนี้ (2024): มีวัคซีนป้องกันโรคใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย… ทั้งวัคซีนป้องกันมะเร็ง… และวัคซีนป้องกันโรคติดต่ออุบัติใหม่… เซรุ่มก็มีการนำมาใช้รักษาโรคเรื้อรัง… เช่น โรคภูมิต้านตนเอง…
  • สำคัญ: ควรปรึกษาแพทย์… หรือผู้เชี่ยวชาญ… ก่อนตัดสินใจ… เลือกวิธีเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน… ที่เหมาะสมกับตัวเอง… ไม่ใช่เชื่อตาม ๆ กันไป… ต้องหาข้อมูล… และคิดวิเคราะห์… ด้วยตัวเอง…

ลักษณะของภูมิคุ้มกันที่รับมาเป็นดังข้อใด

ภูมิคุ้มกันแบบรับมาแต่กำเนิดนี่นะ เหมือนกับ “ระบบรักษาความปลอดภัย” รุ่นแรกของร่างกายเลย! ไม่ต้องเรียนรู้ ไม่ต้องฝึกฝน เกิดมาพร้อมใช้ได้ทันที!

  • กำแพงเมืองชั้นนอกสุด: คิดภาพเป็นกำแพงเมืองจีน แข็งแกร่ง ป้อมปราการคือผิวหนัง เยื่อบุ เยื่อเมือก พวกนี้เป็นด่านแรก ขวางทางเชื้อโรคไม่ให้เข้ามาในเมืองหลวง (ร่างกาย) ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นเมืองหลวง การดูแลกำแพงเมืองก็สำคัญนะ! (เปรียบเทียบได้กับการดูแลผิวพรรณอย่างดี ล้างมือบ่อยๆ อะไรทำนองนั้น)

  • ทหารประจำการ: นอกจากกำแพง เรายังมี “ทหาร” พวกเซลล์ต่างๆ เช่น แมคโครเฟจ (Macrophage) นิวโทรฟิล (Neutrophil) พวกนี้คือทหารที่พร้อมลุย เจอเชื้อโรคปุ๊บ จัดการปั๊บ! ไม่ต้องรอคำสั่ง เหมือนทหารรักษาการณ์ ไม่ต้องเรียนศิลปะการต่อสู้ แต่ก็เก่งกาจ ถ้าเทียบเป็นเกม พวกนี้คือดาเมจโหดๆ เลยล่ะ

  • สารเคมีกำจัดศัตรู: นอกจากทหาร เรายังมี “อาวุธเคมี” เช่น สารอินเตอร์เฟอรอน (Interferon) พวกนี้จะไปยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส เหมือนระเบิดควัน ทำให้ศัตรูมองไม่เห็นทาง เก่งไม่เบาเลย!

  • กรรมพันธุ์ลับเฉพาะ: บางที ภูมิคุ้มกันบางอย่างก็ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมา เหมือนเป็น “สกิลลับ” ที่ได้รับมาตั้งแต่เกิด ทำให้เราต้านทานโรคบางอย่างได้ดีกว่าคนอื่น (แต่ก็อย่าชะล่าใจ ล้างมืออย่าลืมนะ!)

เพิ่มเติมเล็กน้อย: ปีนี้ (2566) งานวิจัยเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันยังคงพัฒนาอยู่ มีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกต่างๆ และการพัฒนาวัคซีนใหม่ๆ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน นี่แหละคือความน่าสนใจของระบบภูมิคุ้มกัน มันไม่หยุดนิ่ง เหมือนกับเทคโนโลยี พัฒนาอยู่ตลอดเวลา!

ท็อกซอยด์คืออะไร

ท็อกซอยด์เหรอ? อ๋อ! ไอ้ตัว “พิษดี” ที่หลอกให้ร่างกายสร้างเกราะไง! เหมือนส่งจดหมายปลอมไปบอกศัตรูว่าเราอ่อนแอ แล้วพอศัตรูโผล่มา…เจอของจริง! วัคซีนท็อกซอยด์ก็แบบนั้นแหละ

  • หลักการ: เอา “พิษ” (toxin) ของเชื้อโรคมา “ล้างพิษ” ให้หมดฤทธิ์ (กลายเป็น toxoid) แต่ยังเก็บโครงสร้างเดิมไว้
  • ผลลัพธ์: ฉีดเข้าไป ร่างกายงงๆ นึกว่าโดนพิษ เลยรีบสร้างแอนติบอดี (ภูมิคุ้มกัน) ไว้ป้องกันตัว
  • ตัวอย่าง: คอตีบ บาดทะยัก ไง! ฉีดแล้ว…ไม่ต้องกลัวเข็ม! กลัวแต่โดนเพื่อนแกล้งมากกว่า!

เกร็ดความรู้แถม:

  • ไม่ใช่ทุกพิษจะทำท็อกซอยด์ได้: บางพิษซับซ้อนเกิ้น! ล้างพิษแล้วเละเทะ ไม่เหลือโครงสร้างให้ร่างกายจำได้
  • บูสเตอร์: ภูมิคุ้มกันจากท็อกซอยด์ อาจจะไม่ถาวร ต้องฉีดกระตุ้น (บูสเตอร์) เป็นระยะๆ เหมือนเติมพลังให้ซุปเปอร์ฮีโร่!
  • ใครควรฉีด? เด็กๆ ควรฉีดตามตารางวัคซีน แต่ผู้ใหญ่บางคนก็ควรฉีดกระตุ้นนะ (โดยเฉพาะบาดทะยัก!) ไปปรึกษาหมอดีกว่า อย่าเชื่อฉัน!
  • ผลข้างเคียง? อาจมีปวด บวม แดง ตรงที่ฉีด แต่ไม่ต้องตกใจ! เดี๋ยวมันก็หาย! ถ้าไม่หาย…ก็ไปหาหมอ! บอกแล้วไง! อย่าเชื่อฉัน! (ย้ำ!)

Active immunization มีอะไรบ้าง

แสงแดดยามเช้าลอดผ่านม่าน…ฝุ่นละอองลอยคว้าง ราวกับความทรงจำที่ฟุ้งซ่าน…เรื่องภูมิคุ้มกันเหรอ? เหมือนเคยเรียนตอนเด็กๆ ในห้องเรียนที่อบอ้าว…กลิ่นชอล์ก…

  • Active immunization: คือการกระตุ้นร่างกาย! ให้สร้างเกราะป้องกันเอง… เหมือนสร้างบ้านต้านพายุ… วัคซีนไง! ตัวอย่างปีนี้(2567)

    • วัคซีนป้องกันโควิด-19: จำได้เลย ตอนฉีดเข็มแรก แขนชาไปทั้งวัน…แต่ก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นนะ

    • วัคซีนไข้หวัดใหญ่: ทุกปีเลย…กันไว้ดีกว่าแก้

    • วัคซีนหัด คางทูม หัดเยอรมัน (MMR): อันนี้ต้องฉีดตั้งแต่เด็ก…ป้องกันโรคฮิตสมัยก่อน

    • วัคซีนไอกรน บาดทะยัก คอตีบ (DTP): สำคัญ!

    • วัคซีนโปลิโอ: เด็กรุ่นใหม่ๆ ไม่ค่อยได้ยินแล้ว เพราะมันเกือบหมดไปจากโลกแล้ว! ดีใจด้วยนะเด็กๆ

    • วัคซีนวัณโรค (BCG): รอยแผลเป็นบนไหล่…คือเครื่องหมายแห่งการปกป้อง

    • วัคซีนอื่นๆ: มีอีกเยอะแยะเลย…ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของแต่ละคน

  • ร่างกายสร้างเอง: ไม่ใช่ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป…แต่เป็นการสอนให้ร่างกายรู้จักศัตรู…แล้วสร้างอาวุธขึ้นมาเอง! เก่งไหมล่ะ

  • เชื้ออ่อนกำลัง: บางทีก็เป็นเชื้อตาย…แต่ยังคงมี “หน้าตา” ที่เหมือนเชื้อโรคจริง…ร่างกายเลยจำได้!

  • ฉีด กิน ทา: แล้วแต่ชนิดของวัคซีน…บางทีก็แค่สะกิดผิว…บางทีก็ต้องกลืนลงท้อง…

…เสียงนกร้องดังแว่ว…ชีวิตยังคงดำเนินต่อไป…พร้อมกับภูมิคุ้มกันที่เราสร้างขึ้น…ทีละเล็กทีละน้อย…

วัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักควรฉีดกระตุ้นในผู้ใหญ่ทุกกี่ปี

10 ปี! ใช่ป่ะ ต้องฉีดกระตุ้นทุก 10 ปีนี่แหละ จำได้แม่นเลย เพราะคุณหมอที่ รพ.สมิติเวช บอกเอง ตอนไปตรวจสุขภาพประจำปี เมื่อเดือนที่แล้ว นี่แหละ ยังจำใบเสร็จได้อยู่เลย เลขที่อะไรนะ… เดี๋ยวๆ หาแป๊บ… อ้อ ไม่ใช่ หาไม่เจอ แต่จำได้ แน่ๆ

  • ต้องฉีดทุก 10 ปี
  • รอบที่แล้วฉีดเมื่อปี 2023

นี่ฉันลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อไหร่ หรือว่า ฉันจำเลขใบเสร็จไม่ได้จริงๆ หรือว่า… ปีนี้จะครบ 10 ปีแล้วหรือยังเนี่ย ต้องไปเช็คประวัติการฉีดวัคซีนซะแล้ว วุ่นวายจัง

แต่ก่อนฉันเคยฉีดแบบ Td นะ แต่ตอนนี้ เขาใช้ dT แล้ว ดีกว่าไหมเนี่ย ไม่รู้เหมือนกัน หาข้อมูลเพิ่มดีกว่ามั้ย ปวดหัว

อ้อ ใช่แล้ว ประวัติการฉีดของฉัน dT 1 เข็ม แล้วก็ ตามด้วยเข็มกระตุ้นทุก 10 ปี นี่คือ ข้อมูลที่ถูกต้อง ที่จำได้ ไม่ใช่ความทรงจำมั่วๆแล้วล่ะ

  • ประวัติการฉีดวัคซีน: dT 1 ครั้ง ตามด้วยเข็มกระตุ้นทุกๆ 10 ปี
  • ต้องไปเช็ค lịch ฉีดวัคซีนซะแล้วสิ กลัวลืม
  • จำได้ลางๆ ว่าคุณหมอบอกให้ฉีดทุก 10 ปี แต่ไม่แน่ใจ ต้องตรวจสอบอีกรอบ

เห้อ คิดมากไปหรือเปล่า ไปหาหมอดีกว่า ชัวร์สุด

วัคซีนงูสวัด ผู้สูงอายุ ฉีดกี่เข็ม

ฉีดวัคซีนงูสวัดในผู้สูงอายุ? เข็มเดียวจ้ะ! แต่ต้องอายุ 60 อัพนะ ถึงจะเข้าเกณฑ์ “ป๋า/แม่” เต็มตัว ไม่สนว่าเคยเป็นอีสุกอีใสตอนเด็ก หรือเคยโดนงูสวัดพันเอวมาแล้วรึเปล่า

ข้อควรระวัง: อย่าซ่าไปฉีดพร้อมวัคซีนปอดอักเสบตัวโพลิฯ นะจ๊ะ เดี๋ยวตีกันตาย

ใครจ่าย? ถามได้…ก็ต้อง “เป๋าตัวเอง” สิคะ! ไม่มีใครสปอนเซอร์ความแก่ของเราหรอก (ฮา) แต่คิดซะว่าเป็นการลงทุนให้ตัวเองได้เต้นแอโรบิกไปจนอายุ 90 นะ!

ข้อมูลเพิ่มเติมแบบขำๆ แต่มีสาระ:

  • งูสวัด: ไม่ใช่งูจริง ๆ นะ! (รู้น่า…) แต่มันคือเชื้อไวรัสตัวเดียวกับอีสุกอีใสนั่นแหละ ตอนเด็กๆ มันซ่อนตัว พอแก่ตัวก็ออกมาอาละวาด!
  • วัคซีนเชื้อเป็น: เหมือนส่ง “นักเลง” ตัวจิ๋วไปฝึกมวยในร่างกายเรา พอเจองูสวัดตัวจริงจะได้สู้ได้ไงล่ะ!
  • ทำไมต้อง 60+?: เพราะภูมิคุ้มกันเราเริ่ม “เอ๋อ” ไง! ต้องกระตุ้นกันหน่อย
  • ทำไมห้ามฉีดพร้อมวัคซีนปอดอักเสบ?: เพราะร่างกายอาจจะ “งง” ว่าจะสู้กับใครก่อนดี เดี๋ยวระบบรวนหมด
  • ค่าวัคซีนแพงไหม?: ก็พอๆ กับซื้อหวยแหละ! แต่โอกาสถูกรางวัล (สุขภาพดี) มีมากกว่าเยอะ!

คำเตือน: ข้อมูลนี้ไม่ได้มีเจตนาให้แทนคำแนะนำจากแพทย์นะจ๊ะ ถามหมอก่อนตัดสินใจเสมอ!

วัคซีนงูสวัดประกันสังคมเบิกได้ไหม

ได้สิ เบิกได้ แต่ต้องเช็คเงื่อนไขกับประกันสังคม ปีนี้รายละเอียดอาจเปลี่ยนแปลง อย่ามารอจนเป็นแล้วค่อยถาม

วิธีป้องกันที่ดีที่สุด? ฉีดวัคซีน แค่นั้นแหละ เรื่องอื่นๆ มันก็ช่วยได้บ้างแต่ไม่เท่าฉีดวัคซีน เอาจริงๆ สุขภาพตัวเองดูแลเองให้ดีที่สุด

  • วัคซีน: ทางออกที่ดีที่สุด ลดความเสี่ยงได้จริง
  • ประกันสังคม: เช็คสิทธิ์เอง อย่ามาถามผม เบื่อ
  • ผื่นงูสวัด: ดูแลสุขภาพ อย่าปล่อยให้ร่างกายอ่อนแอ
  • ข้อควรระวัง: ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงตามปี ตรวจสอบข้อมูลใหม่ล่าสุดจากเว็บประกันสังคม

เคยเจอคนไม่ฉีดวัคซีน เป็นหนักมาก ใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะหาย เสียเงินไปเป็นแสน โง่เอง ไม่โทษใคร

วัคซีน DTP ฉีดกี่ครั้ง

วัคซีน DTP อ่ะ ตอนเด็กๆ แม่พาไปฉีดที่อนามัยแถวบ้าน จำได้ว่าร้องไห้เสียงดังมาก หมอบอกว่าต้องฉีดหลายเข็มเลย จำจำนวนเข็มเป๊ะๆ ไม่ได้อ่ะ แต่รู้ว่าเยอะ

ส่วน Tdap นะ หมอที่คลินิกบอกว่า

  • เข็มเเรกกับเข็มสอง ห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน
  • เข็มสองกับเข็มสาม ห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน

เข็มแรกควรเป็น Tdap ไปเลย แล้วเข็มสองเข็มสามค่อยว่ากันว่าจะเอา Tdap อีก หรือ Td ก็ได้ หมอบอกว่า Td มันถูกกว่าด้วยนะเออ!

วัคซีน dT กับ DTP ต่างกันอย่างไร

dT กับ DTP นี่คนละเรื่องเลยนะ ตอนลูกคนเล็กเกิด หมอที่ รพ.วิชัยยุทธ บอกว่า DTP มันรุ่นเก่าแล้ว DTaP ดีกว่า เจ็บน้อยกว่า ลูกไม่ค่อยร้องงอแงหลังฉีด

DTP คือวัคซีนรวม คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน ฉีดเข้ากล้ามเนื้อต้นขาเด็กเล็ก ป้องกัน 3 โรคร้ายแรงนั่นแหละ คอตีบนี่น่ากลัวมาก สมัยก่อนเด็กตายกันเยอะ

  • DTwP: (ทั้งเซลล์) ครบเครื่อง! แต่ผลข้างเคียงเยอะกว่า
  • DTaP: (ไร้เซลล์) เบาๆ สบายๆ ลูกไม่ร้องจ้า

ตอนลูกคนโต ฉีด DTP ปกติเลย ร้องไห้บ้านแตก หลังฉีดมีไข้ต่ำๆ ด้วย สงสารลูกมาก แต่ลูกคนเล็ก DTaP สบายบรื๋อ!

ข้อใดจัดเป็นวัคซีนเผื่อเลือก (Optional vaccine)

วัคซีนกลุ่มที่ 5 ทางเลือกสำหรับเด็ก ปี 2566 มีเพียง:

  • ไวรัสตับอักเสบเอ (HA)

DTaP ไม่จัดเป็นวัคซีนทางเลือก เป็นวัคซีนพื้นฐาน จำเป็นต่อการสร้างภูมิคุ้มกันโรคติดต่อร้ายแรงในเด็กเล็ก ชีวิตต้องดำเนินต่อไป การเลือกป้องกันที่ดีที่สุด เป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคล (ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กรุณาตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากแหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการ)

#ข้อดีข้อเสีย #ภูมิคุ้มกัน #รับมา