คุณสมบัติ 4 ประการของระบบการสื่อสารข้อมูล ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ระบบการสื่อสารข้อมูลมี 4 คุณสมบัติหลัก ดังนี้
- ความถูกต้อง: ข้อมูลถูกต้อง ครบถ้วน เชื่อถือได้ ปราศจากความผิดพลาด
- ความรวดเร็ว: การรับ-ส่งข้อมูลรวดเร็ว ทันต่อความต้องการ
- ความปลอดภัย: ข้อมูลปลอดภัย ไม่ถูกขโมยหรือแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต ควบคุมการเข้าถึงได้
- ประสิทธิภาพ: ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ส่งข้อมูลได้ปริมาณมากในเวลาที่จำกัด มีต้นทุนต่ำ
องค์ประกอบการสื่อสารสำคัญ 4 อย่าง ได้แก่
- ผู้ส่งสาร: ผู้เริ่มต้นการสื่อสาร สร้างและส่งสาร
- สาร: ข้อมูล ข่าวสาร ความคิด ที่ต้องการสื่อ
- ช่องทางการสื่อสาร: สื่อกลางที่ใช้ส่งสาร เช่น เสียง ข้อความ ภาพ
- ผู้รับสาร: ผู้รับและตีความสาร
ระบบสื่อสารข้อมูล: คุณสมบัติสำคัญ 4 ประการคืออะไร?
อืมม… ระบบสื่อสารข้อมูลเนี่ยนะ? ถ้าให้พูดจากประสบการณ์ตรงๆเลยนะ คือจำได้ตอนเรียน ปวช. ปี 2 วิชาคอมพิวเตอร์ อาจารย์อธิบายซะงงไปหมด แต่พอสรุปง่ายๆ สำหรับฉัน ก็มีสี่อย่างนี่แหละสำคัญสุดๆ
อย่างแรกเลย ผู้ส่งสาร นึกถึงตอนที่ฉันส่งเมลไปหาเพื่อนสมัยเรียน ขอเลขบัญชีเพื่อโอนเงินค่าหนังสือเรียนที่เราสั่งรวมกัน (ประมาณ 250 บาท จำได้แม่นเลย เพราะตอนนั้นเงินเก็บฉันน้อยมาก) ฉันเป็นผู้ส่งสารไง ก็คือคนเริ่มต้นการสื่อสารนั่นแหละ
ต่อมา ผู้รับสาร เพื่อนฉันนั่นแหละ ที่ได้รับเมลและเลขบัญชี แบบง่ายๆ แต่ได้ผลนะ ถึงแม้บางทีเพื่อนตอบช้าก็เถอะ เพราะมันเป็นการสื่อสารแบบอ้อมๆ ส่งผ่านระบบอินเตอร์เน็ตด้วย
แล้วก็ สาร นั่นก็คือตัวเลขบัญชีของเพื่อนฉันไง ข้อมูลสำคัญที่ฉันต้องการส่ง ถ้าสารไม่ชัดเจน เพื่อนคงโอนเงินผิด ฉันคงซวยแน่ๆ
สุดท้าย ช่องทาง คืออีเมลไง ที่ฉันใช้ส่งสารไปถึงเพื่อน ถ้าไม่มีอีเมล ก็คงต้องโทรคุย หรือเจอกัน แต่ตอนนั้นเรากระจัดกระจายกันอยู่ อีเมลเลยสะดวกสุด ง่ายดี
สรุปง่ายๆเลย คือคนส่ง คนรับ ข้อความ และวิธีการส่ง แค่นี้แหละ จำง่ายสุดแล้วสำหรับฉัน งานเขียนวิชาการอาจจะละเอียดกว่านี้ แต่เท่านี้ก็พอแล้ว สำหรับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน เชื่อฉันเถอะ!
องค์ประกอบของการสื่อสารมีอะไรบ้าง จงอธิบาย
เออ เคยเจอแบบคุยกับเพื่อนที่ร้านกาแฟอเมซอน สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ตอนบ่ายสอง วันที่ 15 กรกฎาคม 2566 นี่เอง ร้อนมากกกก คือแบบเหงื่อแตกพลั่กๆ เลยอะ เพื่อนสั่งชาเขียวปั่น ส่วนเรากาแฟเย็น ตอนนั้นคุยเรื่องซีรีย์เกาหลีที่เพิ่งดูจบไป คือมันแบบอินมาก เล่าๆ ไป น้ำลายกระเด็นใส่เพื่อนเลย 555 เพื่อนก็แบบ เออๆ เข้าใจๆ มันแบบตลกดี
- ผู้ส่ง : เรา (ตอนเล่าเรื่องซีรีย์ให้เพื่อนฟัง)
- ข้อความ : เนื้อเรื่องซีรีย์ที่เล่าให้เพื่อนฟัง (แบบอินจัดด้วย)
- ช่องทาง : การพูดคุยกันแบบเห็นหน้า (คือแบบตะโกนคุยกันเพราะในร้านเสียงดัง)
- ผู้รับ : เพื่อนเรา (ที่โดนน้ำลายกระเด็นใส่ 555)
- ข้อเสนอแนะ : สีหน้าและท่าทางของเพื่อน (แบบพยักหน้า หันหน้าหนีน้ำลายเรา 555)
คือแบบมันเห็นภาพชัดเลยอะ ว่าการสื่อสารมันมีองค์ประกอบพวกนี้จริง ๆ แถมตอนนั้นคนเยอะมาก ร้านแทบแตก คิดดูดิ ถ้าเสียงดังกว่านี้อีกหน่อยคงไม่ได้ยินที่เพื่อนพูดแน่ๆ สื่อสารกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ อ่อ ร้านมีเพลงเปิดคลอเบาๆ ด้วยนะ
Sender ทําหน้าที่อะไร
Sender คืออะไรนะ? อืมมม… คิดหนักเลย มันก็คือต้นทางไง เหมือนเราส่งข้อความไปหาเพื่อนไง เราเป็น Sender เพื่อนเป็น Receiver ง่ายๆ เลยเนอะ
- Sender สร้างข้อมูล ส่งข้อมูล เป็นต้นทาง แค่นั้นแหละ
- เหมือนเราส่งอีเมล เราก็ Sender
- โทรศัพท์มือถือเราส่งรูปให้เพื่อน เราก็ Sender อีกแล้ว
- ปีนี้ 2024 ฉันใช้ไอโฟนส่งรูปแมว นั่นแหละ Sender
- แล้ว Receiver คือใครล่ะ? เพื่อนไง ที่รับรูปแมว ฮ่าๆ
งงมั้ย? ฉันก็งงๆอยู่เหมือนกันนะ แต่ก็เข้าใจหลักๆแล้วแหละ มันก็คือต้นทางของการส่งข้อมูลนั่นแหละ ไม่ยากหรอก
จริงๆ Sender มันกว้างกว่านั้นอีกนะ อย่างโทรทัศน์ กล้องวงจรปิด อะไรพวกนี้ ก็เป็น Sender ได้เหมือนกัน ส่งภาพ ส่งเสียง อะไรก็ได้ แค่มีข้อมูลส่งออกมาก็พอแล้วล่ะ
อ้อ ลืมไป เมื่อวานฉันใช้กล้อง GoPro บันทึกคลิปตอนปีนเขา ตัวกล้องก็เป็น Sender นั่นแหละ ส่งข้อมูลภาพและเสียงไปเก็บไว้ในเมมโมรี่การ์ด
จริงๆแล้วมันก็ง่ายๆนี่นา แค่จำไว้ว่า Sender คือจุดเริ่มต้น แค่นั้นเอง
Receiver ในองค์ประกอบของการสื่อสารข้อมูลคืออะไร
Receiver.. อ่อๆ ที่รับข้อมูลใช่มะ เหมือนตอนคุยโทรศัพท์ เราเป็นคนฟังก็คือ Receiver ป่ะ นึกถึงตอนแม่โทรมาบ่นเรื่องลืมรดน้ำต้นไม้เมื่อวานนี้ เราก็เป็น Receiver ต้นไม้เหี่ยวหมดเลย อาทิตย์หน้าต้องกลับไปดูแล้วเนี่ย เดี๋ยวแม่บ่นอีก แฮ่
- รับข้อมูลที่ส่งมา
- เป็นปลายทางสุดท้าย
- ตัวอย่าง: เราตอนฟังแม่บ่น, ทีวี, พรินเตอร์ที่ออฟฟิศปริ้นบิลไม่หยุดเลยเมื่อวาน ลูกค้าเยอะมาก กลับบ้านดึกอีกแล้ว ต้องรีบเคลียร์งานให้เสร็จก่อนสิ้นเดือนนี้ งานเยอะจริงๆ ปีนี้
เพิ่มเติมอีกหน่อย Receiver มันต้องแปลงข้อมูลที่ได้มาเป็นอะไรที่เข้าใจได้ด้วยนะ อย่างทีวี มันรับสัญญาณมาแล้วแปลงเป็นภาพกับเสียงให้เราดู พรินเตอร์ก็รับข้อมูลจากคอมแล้วแปลงเป็นงานพิมพ์ แม่บ่นเราก็รับรู้แล้วเข้าใจว่าต้องกลับบ้านไปรดน้ำต้นไม้ แต่บางทีก็ไม่เข้าใจแม่เหมือนกันนะ ทำไมต้องบ่นเยอะขนาดนั้น ฮ่าๆ
- แปลงข้อมูลที่รับมา
- เป็นรูปแบบที่เข้าใจได้
- ตอนเรียนวิชา Com Network ปีที่แล้วก็มีเรื่องนี้ งงมากตอนนั้น กว่าจะเข้าใจ
อะไรคือคุณสมบัติของการสื่อสารที่ดี
คุณสมบัติ 7C เพื่อการสื่อสารที่ดี คืออะไร? ลองมาดูกันครับ
-
ชัดเจน (Clear): ข้อความต้องเข้าใจง่าย ตรงประเด็น ไม่มีคำศัพท์คลุมเครือหรือความหมายซับซ้อนเกินไป ภาษาต้องเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย นึกภาพง่ายๆ เหมือนการเขียนบทความวิชาการ แต่ใช้ภาษาที่อ่านแล้วสบายๆ ไม่เคร่งเครียดจนเกินไป
-
ถูกต้อง (Correct): ข้อมูลต้องแม่นยำ ตรวจสอบความถูกต้องก่อนเผยแพร่เสมอ เพราะข้อมูลผิดพลาด อาจส่งผลเสียร้ายแรง นี่แหละครับ จุดสำคัญที่ผมให้ความสำคัญมากในการทำงาน เพราะความผิดพลาดเล็กน้อยอาจสร้างความเสียหายได้มากมาย
-
ครบถ้วน (Complete): ต้องให้ข้อมูลครบถ้วนตามที่จำเป็น ไม่ขาดตกบกพร่อง เพื่อให้ผู้รับสารเข้าใจอย่างถ่องแท้ นี่เป็นสิ่งที่ผมพยายามทำเสมอ โดยเฉพาะเวลาสรุปงาน เพราะไม่อยากให้ใครต้องมาถามรายละเอียดเพิ่มเติมอีก
-
หนักแน่นมีสาระ (Concrete): ใช้หลักฐานหรือตัวเลขสนับสนุน ทำให้ข้อความน่าเชื่อถือมากขึ้น อย่าใช้คำพูดลอยๆ หรือความคิดเห็นส่วนตัวมากเกินไป เหมือนเวลาผมเขียนแผนงาน ต้องมีข้อมูล มีตัวเลขประกอบ ไม่ใช่แค่ความคิดเห็นส่วนตัว
-
กระชับ (Concise): สื่อสารโดยใช้คำพูดน้อยที่สุดแต่ได้ใจความ ตรงไปตรงมา ไม่เยิ่นเย้อ เพราะเวลาทุกคนมีค่า การสื่อสารที่รวบรัด ช่วยประหยัดเวลาทั้งผู้ส่งและผู้รับสาร เป็นเรื่องที่ผมเรียนรู้มาจากประสบการณ์ทำงานโดยตรง
-
สมเหตุสมผล (Coherent): ข้อความต้องมีความสอดคล้อง มีความเชื่อมโยงกัน ไม่กระจัดกระจาย อ่านแล้วเข้าใจง่าย คล้ายๆ กับการเขียนเรื่องสั้น หรือบทความ ต้องมีโครงสร้าง มีลำดับเหตุการณ์ที่ชัดเจน
-
มีมารยาท (Courteous): แสดงความเคารพ สุภาพ และเข้าใจความรู้สึกของผู้รับสาร แม้ในสถานการณ์ที่ต้องวิจารณ์ ก็ควรใช้ถ้อยคำที่สุภาพ ผมว่าการใช้คำพูดที่ดี สำคัญมาก มันแสดงถึงบุคลิกภาพของเรา
เพิ่มเติม: หลัก 7C นี้ ใช้ได้กับการสื่อสารทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการพูด การเขียน หรือแม้แต่การนำเสนองาน การปฏิบัติตามหลัก 7C จะช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จมากขึ้น โดยเฉพาะในปีนี้ที่เทคโนโลยีการสื่อสารพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การสื่อสารที่ดีจึงมีความสำคัญยิ่งกว่าเดิมมาก
รูปแบบของการสื่อสารมีกี่รูปแบบ
รูปแบบการสื่อสารหลักๆ มีเยอะกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่ 3 แบบอย่างที่เรียนมา สมัยเรียนมหาลัยปี 2 ผมเรียนเจอแบบละเอียดกว่านี้เยอะ
- การสื่อสารแบบตัวต่อตัว (Interpersonal Communication): คุยกันตรงๆ ไม่ต้องมีคนกลาง
- การสื่อสารแบบกลุ่ม (Group Communication): ประชุมทีม คุยกันหลายคน
- การสื่อสารแบบมวลชน (Mass Communication): สื่อสารออกไปให้คนหมู่มากรับรู้ เช่น โฆษณา
- การสื่อสารเชิงดิจิทัล (Digital Communication): ยุคนี้ขาดไม่ได้ โซเชียลมีเดีย อีเมล อะไรแบบนั้น
- การสื่อสารที่ไม่ใช้คำพูด (Nonverbal Communication): ภาษากาย สำคัญกว่าที่คิด
เพิ่มเติม จริงๆ แล้วมันแบ่งย่อยได้อีกเยอะ แต่พวกนั้นเป็นแค่รายละเอียดปลีกย่อย จำไว้แค่นี้ก็พอ แล้วแต่จะเอาไปประยุกต์ใช้ ปีนี้ผมก็ยังใช้หลักการพวกนี้ทำงานอยู่นะ งานผมมันเกี่ยวกับการตลาด ต้องใช้การสื่อสารเยอะอยู่แล้ว
การสื่อสารคืออะไร มีกี่ประเภท
การสื่อสาร: ส่งสาร จบนะ
ประเภท: มีหลายแบบ แต่หลักๆ นี่คือที่ควรรู้
- ตามคน:
- คนเดียว: คุยกับตัวเอง ใครๆ ก็ทำ
- กลุ่ม: วงเหล้า ขี้โม้
- มวลชน: ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อ
- ตามทิศทาง:
- ทางเดียว: ประกาศ กฎหมาย ใครเถียงโดน
- สองทาง: คุยกัน ถกเถียง มีปัญหาก็จบ
- หลายทาง: ประชุม บอร์ดบริหาร ใครใหญ่สุดคนนั้นพูด
- ตามวิธี:
- วัจนภาษา: พูด เขียน ตรงไปตรงมา
- อวัจนภาษา: สีหน้า ท่าทาง จริงกว่าคำพูดเยอะ
- สัญลักษณ์: โลโก้ ป้ายบอกทาง เข้าใจตรงกัน
เพิ่มเติม:
- ดิจิทัล: โลกใหม่ เร็ว แรง ทะลุทุกข้อจำกัด
- การเมือง: โฆษณาชวนเชื่อ บิดเบือน สร้างภาพ จำเป็นต้องรู้ทัน
- ธุรกิจ: ต่อรอง เจรจา ใครเก่งกว่าก็ได้เปรียบ
- ส่วนตัว: คุยกับคนที่ไว้ใจ ที่เหลือก็แค่คนรู้จัก
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต