ฉันจะปฏิเสธการรับสายบน iPhone ได้อย่างไร

เบื่อเสียงเรียกเข้าที่ดังขึ้นในเวลาไม่เหมาะสม? อยากมีเวลาส่วนตัวโดยไม่ถูกรบกวน? บทความนี้จะแนะนำวิธีปฏิเสธสายเรียกเข้าบน iPhone อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณควบคุมเวลาและการติดต่อได้ดียิ่งขึ้น มากกว่าแค่การบล็อกเบอร์โทรศัพท์

วิธีปฏิเสธสายเรียกเข้าบน iPhone

iPhone มีหลากหลายวิธีในการจัดการสายเรียกเข้าที่ไม่ต้องการ ให้คุณเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์:

• กดปุ่มด้านข้าง/ปุ่มเปิด-ปิด (สำหรับ iPhone รุ่นที่มีปุ่ม Home) หรือปุ่มเพิ่มระดับเสียง/ลดระดับเสียงสองครั้งรวดเร็ว: วิธีนี้เป็นวิธีที่รวดเร็วและง่ายที่สุดในการปฏิเสธสายเรียกเข้า โทรศัพท์จะส่งสายไปที่วอยซ์เมลโดยอัตโนมัติหากคุณเปิดใช้งานไว้
• กดปุ่มด้านข้าง/ปุ่มเปิด-ปิด (สำหรับ iPhone รุ่นที่มีปุ่ม Home) ค้างไว้: การกดปุ่มค้างไว้ นอกจากจะใช้ปิดเครื่องแล้วยังสามารถใช้ปฏิเสธสายเรียกเข้าที่กำลังดังอยู่ได้ โดยสายจะถูกส่งไปที่วอยซ์เมลทันที วิธีนี้มีประโยชน์เมื่อคุณไม่สะดวกที่จะมองหน้าจอ เช่น ขณะขับรถหรืออยู่ในที่ประชุม
• ใช้ Siri: หากคุณเชื่อมต่อกับ AirPods หรืออุปกรณ์ Bluetooth อื่นๆ คุณสามารถใช้ Siri เพื่อปฏิเสธสายได้ เพียงพูดว่า “Hey Siri, decline call” หรือ “หวัดดี Siri, ปฏิเสธสาย”
• ตั้งค่าโหมดโฟกัส: โหมดโฟกัสช่วยให้คุณกำหนดค่าการแจ้งเตือนที่อนุญาตให้แสดงในแต่ละสถานการณ์ได้ เช่น โหมดทำงาน, โหมดส่วนตัว, โหมดการนอน คุณสามารถเลือกอนุญาตให้เฉพาะบางรายชื่อติดต่อได้ในแต่ละโหมด หรือบล็อกการแจ้งเตือนทั้งหมดรวมถึงสายเรียกเข้า เพื่อให้คุณมีสมาธิกับสิ่งที่ทำอยู่ได้อย่างเต็มที่
• ใช้คุณสมบัติ “ห้ามรบกวน”: เปิดใช้งาน “ห้ามรบกวน” เพื่อปิดเสียงการแจ้งเตือนทั้งหมด รวมถึงสายเรียกเข้า คุณสามารถกำหนดเวลาการใช้งาน อนุญาตสายจากรายชื่อที่เลือก หรืออนุญาตสายซ้ำภายใน 3 นาที ซึ่งเป็นประโยชน์ในกรณีฉุกเฉิน

จัดการเวลาของคุณให้มีประสิทธิภาพ

การเรียนรู้วิธีปฏิเสธสายเรียกเข้าบน iPhone อย่างเหมาะสม เป็นกุญแจสำคัญในการจัดการเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อให้คุณมีเวลาและพื้นที่ส่วนตัว โดยไม่พลาดการติดต่อที่สำคัญจริงๆ. อย่าปล่อยให้เสียงเรียกเข้าที่ไม่ต้องการมาขัดจังหวะช่วงเวลาสำคัญของคุณ!