ดูยังไงว่าเขาอ่านเมลเราแล้ว Outlook

32 การดู

เปิดใช้งานการแจ้งเตือนการอ่านใน Outlook เพื่อทราบเมื่อผู้รับเปิดอีเมลของคุณ ไปที่ ไฟล์ > ตัวเลือก > จดหมาย > ใบตอบรับการอ่าน เลือก ขอใบตอบรับการอ่านทุกครั้ง หรือ แจ้งเตือนการส่งมอบ เพื่อติดตามสถานะอีเมลของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ.

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เปิดโปง! เคล็ดลับจับไต๋ รู้ทันทีว่าเขาอ่านเมล Outlook ของเราแล้ว (แบบที่ไม่เคยมีใครบอก)

หลายครั้งที่เราส่งอีเมลสำคัญออกไป แล้วต้องนั่งลุ้นว่าผู้รับจะเปิดอ่านเมื่อไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องงาน การรอคอยอาจทำให้พลาดโอกาสสำคัญไปได้ แม้ว่า Outlook จะมีฟีเจอร์ “ใบตอบรับการอ่าน” แต่หลายคนก็ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้งานอย่างไร หรือบางครั้งก็เจอปัญหาที่ผู้รับไม่ได้เปิดใช้งานฟีเจอร์นี้

บทความนี้จะมาเจาะลึกวิธีการตรวจสอบว่าผู้รับอ่านอีเมลของเราใน Outlook แล้วจริงหรือไม่ โดยจะเน้นไปที่เทคนิคที่ นอกเหนือจาก การใช้ใบตอบรับการอ่านแบบพื้นฐาน และนำเสนอทางเลือกที่ฉลาดกว่า เพื่อให้คุณไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวใน inbox ของตัวเอง

ปัญหาของการใช้ใบตอบรับการอ่านแบบดั้งเดิม:

  • ผู้รับต้องเปิดใช้งาน: ใบตอบรับการอ่านทำงานได้ก็ต่อเมื่อผู้รับเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ใน Outlook ของเขา ซึ่งในความเป็นจริง หลายคนอาจไม่ได้เปิดใช้งาน หรือเลือกที่จะปฏิเสธการส่งใบตอบรับ
  • ไม่แม่นยำเสมอไป: บางครั้ง ผู้รับอาจเปิดอีเมลเพียงเพื่อดูหัวเรื่อง หรือ preview ข้อความสั้นๆ โดยไม่ได้อ่านเนื้อหาอย่างละเอียด แต่เราก็ได้รับใบตอบรับการอ่านแล้ว
  • ดูไม่เป็นมืออาชีพ: การขอใบตอบรับการอ่านทุกครั้ง อาจทำให้ผู้รับรู้สึกว่าเราไม่ไว้วางใจเขา และอาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์

ทางเลือกที่ฉลาดกว่า: เคล็ดลับนอกกรอบที่ (อาจ) ไม่เคยมีใครบอก!

  1. ฝังภาพขนาดเล็กแบบ Tracking Pixel: เทคนิคนี้ค่อนข้าง advance แต่ได้ผลดีมาก! คุณสามารถฝังภาพขนาดเล็ก (transparent pixel) ในอีเมลของคุณ เมื่อผู้รับเปิดอีเมล ภาพจะถูกดาวน์โหลดจากเซิร์ฟเวอร์ของคุณ ทำให้คุณรู้ว่าอีเมลถูกเปิดแล้ว มีเครื่องมือและเว็บไซต์มากมายที่ช่วยสร้าง Tracking Pixel ได้ง่ายๆ เพียงแค่ copy code ไปใส่ในอีเมลของคุณ (ข้อควรระวัง: ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและแจ้งให้ผู้รับทราบล่วงหน้า หากจำเป็น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาด้านความเป็นส่วนตัว)

  2. ใช้ Link Tracking: หากอีเมลของคุณมีลิงก์ ให้ใช้เครื่องมือย่อลิงก์ (URL shortener) ที่มีฟังก์ชัน tracking เช่น Bitly หรือ Rebrandly เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยคุณติดตามจำนวนครั้งที่ลิงก์ถูกคลิก ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้ได้ว่าผู้รับสนใจเนื้อหาในอีเมลของคุณหรือไม่

  3. สังเกตพฤติกรรมการตอบกลับ: หากคุณส่งอีเมลที่มีคำถาม หรือขอความช่วยเหลือ และผู้รับตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว โอกาสสูงที่เขาจะอ่านอีเมลของคุณแล้ว (แต่แน่นอนว่าต้องพิจารณาจากสถานการณ์และความสัมพันธ์ของคุณกับผู้รับด้วย)

  4. สร้างการสนทนา: แทนที่จะส่งอีเมลยาวๆ ลองแบ่งเนื้อหาออกเป็นหลายๆ อีเมลสั้นๆ แล้วถามคำถามกระตุ้นความสนใจในแต่ละอีเมล การทำเช่นนี้จะเพิ่มโอกาสที่ผู้รับจะเปิดอ่านและตอบกลับอีเมลของคุณ

  5. สังเกตสถานะการ “อ่าน” (Read) ใน Microsoft Teams (ถ้าใช้): หากคุณและผู้รับใช้ Microsoft Teams ร่วมกัน และมีการสนทนาผ่าน Teams ก่อนหน้าที่จะส่งอีเมล ลองสังเกตสถานะของข้อความใน Teams ว่าผู้รับ “อ่าน” ข้อความของคุณหรือไม่ หากอ่านแล้ว โอกาสที่เขาจะอ่านอีเมลของคุณก็สูงขึ้น

สรุป:

แม้ว่า Outlook จะมีฟีเจอร์ใบตอบรับการอ่าน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่พอสมควร การใช้เทคนิคที่นำเสนอในบทความนี้ จะช่วยให้คุณตรวจสอบสถานะอีเมลของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถปรับกลยุทธ์การสื่อสารให้เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  • ความโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญ: หากคุณใช้ Tracking Pixel หรือ Link Tracking ควรแจ้งให้ผู้รับทราบล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวและความสัมพันธ์
  • พิจารณาบริบท: อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าผู้รับไม่อ่านอีเมลของคุณ หากยังไม่มีสัญญาณใดๆ การติดตามสถานะอีเมลควรทำด้วยความระมัดระวังและพิจารณาจากบริบทของสถานการณ์
  • ปรับปรุงเนื้อหาอีเมล: หากคุณพบว่าอีเมลของคุณมักจะไม่ถูกเปิดอ่าน ลองปรับปรุงหัวเรื่อง เนื้อหา และรูปแบบของอีเมลให้มีความน่าสนใจและดึงดูดใจมากขึ้น

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการไขข้อสงสัยและช่วยให้คุณติดตามสถานะอีเมลของคุณใน Outlook ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น!