ทำไมถึงสัมภาษณ์ออนไลน์
สัมภาษณ์ออนไลน์: คัดคนเก่งเข้าองค์กร
การสัมภาษณ์ออนไลน์ช่วยประเมินผู้สมัครได้หลายด้าน เช่น ทักษะการสื่อสาร การบริหารเวลา และความรู้ความสามารถเฉพาะทาง ผู้สมัครที่สื่อสารได้ดี อธิบายทักษะตรงตามความต้องการของตำแหน่ง จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ ช่วยให้ฝ่ายบุคคลคัดเลือกบุคลากรที่มีศักยภาพเข้าสู่องค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมต้องสัมภาษณ์ออนไลน์?ข้อดีข้อเสียคืออะไร?
ทำไมต้องสัมภาษณ์ออนไลน์น่ะเหรอ? อืมมม… คิดว่านะ มันสะดวกดีออก! คือไม่ต้องเดินทางไง ประหยัดทั้งเวลาและค่าน้ำมันรถ (จำได้เลย ตอนนั้นไปสัมภาษณ์งานแถวๆ สุขุมวิท รถติดโคตรๆ เสียไปเกือบ 200 บาทค่าแท็กซี่ แถมยังไปสายอีก!) แล้วก็… เออ! มันช่วยคัดคนได้จริงๆ นะ
ข้อดีข้อเสีย? ข้อดีก็อย่างที่บอก ประหยัดเวลา สะดวกสบาย แถมบางทีเราก็รู้สึกผ่อนคลายกว่าตอนไปสัมภาษณ์ที่ออฟฟิศจริงๆ อีกนะ (นั่งใส่กางเกงขาสั้นสัมภาษณ์ก็มี ใครจะรู้!) แต่ข้อเสียก็คือ บางทีมันก็ขาดปฏิสัมพันธ์แบบ face-to-face ไปไง ไม่ได้เห็น reaction จริงๆ ของคนสัมภาษณ์ ไม่ได้สัมผัสบรรยากาศ… มันก็มีผลนะ
แล้วเรื่องคัดคนเก่ง? ใช่ๆๆๆๆ เห็นด้วย! คนที่สื่อสารเก่งๆ เล่าเรื่องได้น่าสนใจ แล้วยังตรงต่อเวลาอีกเนี่ย… คือมันแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพไง แล้วฝ่ายบุคคลเขาก็คงชอบแหละ (เคยได้ยินมาว่า HR บางคนดูเรื่อง background การใช้เทคโนโลยีด้วยนะ ใครใช้ Zoom ไม่เป็นนี่อาจจะโดนตัดแต้ม!)
สัมภาษณ์ออนไซต์คืออะไร
อืมม…สัมภาษณ์ออนไซต์เหรอ? คือแบบนี้ ปีนี้ฉันไปสัมภาษณ์งานที่บริษัท TechSolution ที่ตึกเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ วันที่ 17 พฤษภาคม จำได้แม่นเลย เพราะวันนั้นฝนตกหนักมาก แทบจะวิ่งไปถึงออฟฟิศเลย เหนื่อยหอบสุดๆ
แล้วก็… สัมภาษณ์นี่นานมาก เกือบ 4 ชั่วโมงได้มั้ง เหนื่อยกว่าสอบเข้ามหาลัยอีก เจอคนสัมภาษณ์หลายคน แต่ละคนถามคนละอย่าง บางคนก็เน้นถามประสบการณ์ทำงาน ก่อนหน้านี้ฉันทำงานที่บริษัท ABC มา 3 ปี ก็เลยต้องเล่าไปเรื่อยเปื่อย บางคนก็ถามเกี่ยวกับทักษะ ฉันก็พยายามอธิบายให้เข้าใจ ส่วนใหญ่ก็เป็นคำถามเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสถานการณ์ต่างๆ ต้องใช้ไหวพริบกับการคิดวิเคราะห์พอสมควร เครียดมาก นั่งตัวแข็งทื่อเลยตอนนั้น แอบลุ้นอยู่ว่าจะได้งานมั้ย
- สถานที่ : ตึกเอ็มไพร์ ทาวเวอร์
- เวลา : 17 พฤษภาคม ประมาณ 4 ชั่วโมง
- บริษัท : TechSolution
- หัวข้อสัมภาษณ์ : ประสบการณ์การทำงาน, ทักษะ, การแก้ปัญหา
รู้สึกเหมือนโดนเค้นทุกอย่างเลย ถามลึกมาก บางคำถามก็ไม่คาดคิด แต่ก็พยายามตอบให้ดีที่สุด กลับบ้านไปปวดหัวมาก นอนไม่หลับเลย รอลุ้นผลอยู่ ยังไม่รู้เลยว่าจะได้งานหรือเปล่า แต่สัมภาษณ์ออนไซต์นี่มันหนักจริงๆนะ กว่าจะผ่านมาได้ หวังว่าจะได้งานนะ เหนื่อยมาเยอะแล้ว
งาน on site คืออะไร
งาน on site… มันก็คือการที่เราต้องไปทำงานที่บริษัทของลูกค้าน่ะ
เหมือนเราเป็นพนักงานของบริษัทเรา แต่ต้องไปนั่งทำงานที่ออฟฟิศของอีกบริษัทนึงเลย
- หลักๆ คือ เราต้องเดินทางไปที่บริษัทลูกค้า
- เข้าออฟฟิศ 100% หรือเปล่า? อันนี้แล้วแต่บริษัทลูกค้าเลย บางที่เข้าทุกวัน บางที่สลับวันกัน
- ทำไมต้องทำแบบนี้? อาจจะเพราะต้องการให้เราทำงานใกล้ชิดกับทีมของลูกค้า หรือต้องการให้เราเข้าไปช่วยแก้ปัญหาหน้างานโดยตรง
- มันดีหรือไม่ดี? อันนี้ก็แล้วแต่คนนะ บางคนชอบที่ได้เปลี่ยนบรรยากาศ ได้เจอคนใหม่ๆ แต่บางคนก็อาจจะไม่ชอบที่ต้องเดินทาง หรือต้องปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรใหม่
บางที… มันก็เหมือนเราเป็นคนนอกที่ต้องเข้าไปอยู่ในโลกของคนอื่นน่ะ
Wfh กับ Hybrid ต่างกันอย่างไร
WFH คือทำงานบ้านล้วนๆ Hybrid คือแบ่งวันบ้างออฟฟิศบ้างบ้านบ้าง จบ.
- WFH (Work From Home): ทำงานที่บ้าน 100% บริษัทฉันปีนี้บังคับให้เข้าออฟฟิศอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน โคตรเซ็ง
- Hybrid Work: ผสมผสาน บางวันออฟฟิศ บางวันบ้าน ขึ้นอยู่กับนโยบายแต่ละที่ ปีนี้ทีมฉันเน้น Hybrid มากขึ้น เหนื่อยกว่าเดิมอีก
งานแบบ Hybrid คืออะไร
งานแบบ Hybrid คืออะไรน่ะเหรอ? ง่ายๆ เลย! มันคือการทำงานแบบ “เอาแน่เอานอนไม่ได้” วันนี้มาออฟฟิศ พรุ่งนี้ไปนั่งทำงานใต้ต้นมะม่วง (ถ้าเจ้านายไม่รู้ล่ะก็!) เหมือนเล่นเกมส์เอาชีวิตรอด วันไหนเจ้านายอารมณ์ดี ก็ Work from Home วันไหนเจ้านายอารมณ์บูด… ก็ไปนั่งทำงานออฟฟิศตาปริบๆ ดีกว่า ฮ่าๆๆ!
- ความยืดหยุ่นสูง: เหมือนได้ชีวิตใหม่! ไม่ต้องตื่นเช้ามาเบียดรถเมล์ แต่ก็อาจจะเบียดโซฟาแทน 555+
- ประหยัดค่าใช้จ่าย: ค่าเดินทางลดลง แต่ค่ากาแฟอาจจะเพิ่มขึ้น! เพราะต้องซื้อกาแฟดีๆ มาจิบทำงานที่บ้านไงล่ะ!
- ความสมดุลชีวิตและการทำงาน: ได้ทั้งงาน ได้ทั้งชีวิตส่วนตัว แต่ก็อาจจะแยกไม่ออกเหมือนกันนะ เพราะทำงานอยู่บ้านตลอด ชีวิตคือการทำงาน การทำงานคือชีวิต เห้อออ!
ปีนี้(2566) หลายบริษัทหันมาใช้ Hybrid working กันเยอะขึ้น เพราะทั้งประหยัดค่าใช้จ่าย และพนักงานก็มีความสุขขึ้น (หรือเปล่า?) แต่ก็ต้องมีระบบการทำงานที่ดี เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างยังเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ใช่ปล่อยให้พนักงานทำงานแบบ “มั่วซั่ว” จนงานล่ม! ผมเองก็ทำงาน Hybrid อยู่ แต่บอกตรงๆ เลย บางทีก็ทำงานเสร็จแล้วไปนอนต่อเลยนะ! อิอิ แอบขี้เกียจบ้างไรบ้าง
รูปแบบ wfh คืออะไร
แสงแดดอุ่นๆ ของเดือนพฤษภาคมปีนี้ สาดส่องผ่านหน้าต่างห้องนอน… ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนความหมายของ WFH ใช่ไหม?
- WFH คือ Work From Home นั่นเอง ไม่ใช่การหยุดงานนะ อย่าเข้าใจผิด!
สายลมพัดโชยใบไม้ไหวระรัว เหมือนความคิดที่ฟุ้งซ่าน แต่ใจกลับสงบ เพราะได้ทำงานที่บ้านนี่ไง
- บริษัทบางแห่งกำหนดให้เข้าออฟฟิศบ้าง อาจเป็นสัปดาห์ละครั้ง หรือเดือนละสองครั้ง ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละที่
เสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว เหมือนเสียงคุยงานผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ บางทีก็วุ่นวาย บางทีก็เงียบสงบ เหมือนชีวิตการทำงานรูปแบบใหม่
- ประชุมผ่าน VDO call บ่อยมาก กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แปลกดีนะ
กาแฟแก้วโปรด กลิ่นหอมกรุ่น เหมือนความสุขเล็กๆ ที่ได้จากการทำงานแบบ WFH อิสระดีจัง
- ปีนี้ ฉันทำงานแบบ WFH เกือบทั้งปีเลย สบายมาก ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
แสงตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดคืบคลานเข้ามา แต่ใจยังคงตื่นตัว เพราะยังมีงานที่ต้องทำอยู่ ถึงจะอยู่บ้านก็เถอะ
- ความยืดหยุ่น เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำงานแบบ WFH
การทํางานออนไซต์คืออะไร
ทำงานออนไซต์ = ทำงานที่ออฟฟิศไง! เจอหน้าเพื่อนร่วมงาน ตัวเป็นๆ
-
ดีกว่าไหม? แล้วแต่คนป่ะวะ?
-
บางคนชอบอยู่บ้านเฉยๆ ทำงานสบายๆ แต่อินโทรเวิร์ตอย่างฉันก็อยากเจอคนบ้างอ่ะ
-
ข้อดี: เจอเพื่อน, คุยงานง่าย, บรรยากาศ (บางทีก็กดดันนะ), บริษัทจ่ายค่าเน็ต
-
ข้อเสีย: เดินทาง (โคตรเหนื่อย), รถติด, ค่าใช้จ่ายเยอะกว่า (ข้าวกลางวันแพง)
-
แล้วแต่ว่างานอะไรด้วยนะ บางงานออนไซต์มันจำเป็นจริงๆ ต้องใช้เครื่องมือบริษัท
-
…หรือบางทีก็แค่ผู้บริหารอยากเห็นหน้าลูกน้องเฉยๆ?
-
เงินเดือนมีผลไหม? บริษัทที่ให้ทำออนไซต์ควรจ่ายเยอะกว่าดิ ค่าเดินทาง ค่ากินเยอะกว่าตั้งเยอะ!
-
แต่ก็ไม่เสมอไป… เซ็ง!
-
JOH Partners บอกว่า (จริงๆเว็บชื่อ remote-vs-onsite-work… ช่างมันเหอะ) แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล อาชีพ บลาๆๆ สรุปคือ ไม่มีอะไรดีที่สุดไปซะหมด!
เพิ่มเติม:
- ที่ทำงานใหม่ฉันอยู่แถวอโศก รถติดบรรลัย! แต่ใกล้ร้านกาแฟอร่อยๆ ก็โอเค…มั้ง?
- สงสัยต้องซื้อที่อุดหู ที่ทำงานใหม่เสียงดังมากกกก
- แอบอยากลาออกไปทำงานฟรีแลนซ์… แต่กลัวไม่มีเงิน! ชีวิตมันยากจริงๆ
- ลืมไป! ต้องจ่ายค่าประกันสังคมด้วยนี่หว่า… ยิ่งไม่มีเงินเลย
- อยากกินชาบูอ่ะ…
การเรียนออนไซต์ หมายถึงอะไร
ออนไซต์คือไปเรียนที่โรงเรียนไง เจอครู เจอเพื่อนในห้องเรียนเลย ที่โรงเรียนเก่าเราตอนม.ปลาย ชื่อโรงเรียน… (ขอไม่บอกชื่อนะ เขิน) ก็เรียนแบบนี้แหละ สนุกดี ตอนพักเที่ยงก็ไปแย่งซื้อลูกชิ้นทอดหน้าโรงเรียนกับเพื่อน อร่อยมาก!
ออนแอร์นี่… เคยเห็นแต่สมัยก่อนนะ ที่ครูสอนผ่านทีวีอ่ะ ไม่เคยเรียนจริงจัง แต่เห็นน้องที่บ้านเรียนตอนโควิด น่าเบื่อแย่
ออนไลน์ก็เรียนผ่านคอม ผ่านมือถือนั่นแหละ ตอนโควิดระบาดหนัก ๆ ก็เรียนแบบนี้ตลอด ตอนนั้นคือเซ็งมาก อยากไปโรงเรียนเจอเพื่อนมากกว่า
ถามว่าโรงเรียนจัดแบบไหนดี? อืม… ส่วนตัวชอบออนไซต์นะ ได้เจอเพื่อน ได้ทำกิจกรรม แต่ก็เข้าใจว่าบางทีมันก็มีข้อจำกัดเรื่องความปลอดภัยหรืออะไรหลาย ๆ อย่าง ถ้าให้เลือกจริง ๆ อยากให้โรงเรียนเปิดออนไซต์ แต่ก็มีระบบออนไลน์เสริม เผื่อใครป่วย หรือมีเหตุจำเป็นอื่น ๆ จะได้ไม่พลาดบทเรียน
- ออนไซต์: เรียนที่โรงเรียน เจอกับครูและเพื่อน ๆ ในห้องเรียนโดยตรง
- ออนแอร์: เรียนทางไกลผ่านดาวเทียม รับชมการสอนผ่านทีวี
- ออนไลน์: เรียนผ่านอินเทอร์เน็ต ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือโทรศัพท์มือถือ
ปีนี้ลูกชายคนเล็กเพิ่งขึ้น ป.1 โรงเรียนก็มีทั้งสามแบบให้เลือก แต่สุดท้ายก็เลือกออนไซต์ให้ลูก เพราะอยากให้เค้าได้เจอเพื่อน ได้เรียนรู้จากปฏิสัมพันธ์จริง ๆ มากกว่า
เรียนแบบ On-Site คืออะไร
เรียนแบบ On-Site? ง่ายๆ เลยคือเรียนที่โรงเรียนนั่นแหละ! เหมือนสมัยก่อนที่ยังไม่รู้จัก “เรียนออนไลน์” แต่! ต้องมีมาตรการป้องกันโควิดแบบเข้มข้น เว้นระยะห่าง คล้ายๆ นั่งเรียนแบบมี “โซเชียลดิสแทนซิ่ง” ติดตัวตลอดเวลา ฮา! คิดภาพเด็กๆ นั่งเรียนห่างกันเป็นเมตร เหมือนเป็นเกมส์วางระเบิด ระวังอย่าให้ใครเข้ามาในรัศมี!
แต่ปีนี้ อย่างน้อยก็ที่นครศรีธรรมราช แบบนี้คงยาก เพราะสถานการณ์โควิดยังไม่นิ่ง เหมือนปลาที่ยังไม่กล้ากระโดดออกจากน้ำ กลัวโดนทอด! นึกภาพออกมั้ย? ต้องรอ สบค. จังหวัดไฟเขียวก่อน ถึงจะจัดได้ ไม่งั้นอาจโดนใบสั่งปรับ หนักกว่าค่าเทอมอีกนะ ขอบอก!
รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ On-Site มีรายละเอียดดังนี้:
- เรียนที่โรงเรียน: แบบดั้งเดิม แต่ต้องมีมาตรการป้องกันโควิด
- เว้นระยะห่าง: เหมือนเล่นเกมส์จับคู่ ห้ามเข้าใกล้กันเกินกำหนด!
- ต้องได้รับอนุมัติ: เหมือนขออนุญาตผู้ปกครองก่อนไปเที่ยว แต่เป็นผู้ปกครองระดับจังหวัด!
- ปี 2566 สถานการณ์ที่นครศรีธรรมราช ยังไม่เอื้ออำนวย: เหมือนรอฝนตก ต้องรอให้สถานการณ์ดีขึ้นก่อน
- มาตรการป้องกันโควิดเข้มข้น: ต้องมีเจลล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ เหมือนเป็นด่านตรวจ ก่อนเข้าสู่สนามรบแห่งการเรียนรู้
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต