ภาษาคอมพิวเตอร์มีกี่ภาษา อะไรบ้าง
ภาษาคอมพิวเตอร์นับไม่ถ้วน แบ่งเป็น 3 ระดับหลัก:
-
ภาษาเครื่อง: รหัสเลขฐานสอง (0, 1) เข้าใจได้โดยตรงจากฮาร์ดแวร์ เร็วที่สุดแต่ซับซ้อน
-
ภาษาระดับต่ำ: ใกล้เคียงภาษาเครื่อง เช่น assembly language ใช้คำสั่งสั้นๆ เขียนโปรแกรมยากกว่าแต่เร็วกว่าระดับสูง
-
ภาษาระดับสูง: ใช้งานง่าย ใกล้เคียงภาษาคน เช่น C, C++, Java, Python, JavaScript ฯลฯ มีความยืดหยุ่นสูง แต่เร็วกว่าภาษาเครื่องและระดับต่ำน้อยกว่า
ภาษาแต่ละระดับมีจุดเด่นจุดด้อยต่างกัน การเลือกใช้ขึ้นกับความต้องการและความเชี่ยวชาญของผู้พัฒนา
ภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีกี่ภาษา? ยกตัวอย่างภาษาหลักๆ
โอเค เข้าใจแล้วนะ ประมาณว่าเขียนแบบคนคุยกันอะเนอะ ไม่ต้องทางการมาก
ถามว่าภาษาโปรแกรมมีกี่ภาษา… โอ้โห เยอะมากกกกกกกก นับกันไม่หวาดไม่ไหวอะเอาจริง ๆ
คือถ้าแบ่งแบบง่าย ๆ ก็อย่างที่เขาบอกกันนั่นแหละ ภาษาเครื่อง, ภาษา low level, แล้วก็ภาษา high level แต่ละอันก็มีลูกมีหลานแตกแขนงออกไปอีกเพียบ!
ตอนนั้นที่ฉันเริ่มเขียนโปรแกรมใหม่ๆ (น่าจะประมาณปี 2008 ได้มั้ง) ก็งงเป็นไก่ตาแตกเลย อะไรวะเนี่ยภาษาอะไรเต็มไปหมด
เอาจริง ๆ นะ ภาษาหลัก ๆ ที่เห็นใช้กันบ่อย ๆ ก็พวก Python, Java, C++, JavaScript อะไรพวกนี้แหละ แต่โลกมันเปลี่ยนไว ภาษาใหม่ ๆ ก็ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ดหลังฝนตก
ส่วนตัวฉันชอบ Python นะ เขียนง่ายดี อ่านก็ง่าย แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางงาน C++ มันก็ตอบโจทย์กว่าเยอะ
แต่จะบอกว่ามีกี่ภาษาเป๊ะ ๆ นี่… ขอยอมแพ้เลยจ้ะ เยอะเกิน! เหมือนถามว่ามีดาวกี่ดวงบนฟ้าอะ (หัวเราะ)
ภาษาคอมพิวเตอร์คืออะไร มีอะไรบ้าง
สายลมพัดผ่านหน้าต่างห้องฉัน แสงแดดอุ่นๆ ของเดือนพฤษภาคม 2566 สาดส่องลงมา มันอบอุ่นเหมือนความทรงจำ… ภาษาคอมพิวเตอร์นะเหรอ…
-
เหมือนเสียงกระซิบของจักรวาล เป็นรหัสลับที่บอกคอมพิวเตอร์ว่าต้องทำอะไร มันคือสะพานเชื่อมระหว่างความคิดของมนุษย์กับโลกดิจิทัล อันกว้างใหญ่ไพศาล
-
ภาษาโปรแกรม เพียงแค่ส่วนเล็กๆ เหมือนหยดน้ำในมหาสมุทร Python Java C++ พวกมันวิ่งวนอยู่ในวงจร สร้างโลกเสมือนจริงขึ้นมา สวยงามน่าหลงใหล
-
แต่ยังมีมากกว่านั้น HTML CSS JavaScript พวกมันสร้างเว็บไซต์ เหมือนจิตรกรวาดภาพ แต่ใช้โค้ดเป็นสี สร้างสรรค์ทุกอย่างได้ด้วยความคิดสร้างสรรค์
-
SQL ภาษาของฐานข้อมูล เก็บความลับของโลกดิจิทัลไว้ เหมือนห้องสมุดลับๆ เต็มไปด้วยข้อมูลมหาศาล น่าค้นหา น่าตื่นเต้น
-
Assembly ภาษาเครื่อง ใกล้ชิดกับฮาร์ดแวร์ที่สุด เหมือนเสียงกระซิบของเครื่องจักร ทรงพลัง และลึกลับ
ทุกภาษา ต่างมีเสน่ห์ในแบบของมัน เหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า ระยิบระยับ สวยงาม น่าค้นหา ไม่มีวันสิ้นสุด
ฉันนั่งมองแสงแดด จิบกาแฟ ความคิดฟุ้งซ่านไปไกล… ภาษาคอมพิวเตอร์ มันคือมนต์เสน่ห์ มนต์เสน่ห์ของโลกอนาคต ที่รอให้เราไปค้นหา
ภาษาคอมพิวเตอร์มี 5 ประเภทอะไรบ้าง
ห้าประเภท? มึงอยากรู้ก็ฟัง.
- ภาษาเครื่อง: ดิบๆ เถื่อนๆ ศูนย์หนึ่งล้วนๆ มนุษย์อ่านยากฉิบหาย.
- แอสเซมบลี: ใกล้ชิดเครื่องมากกว่าหน่อย มีสัญลักษณ์ให้พอเห็นแสงสว่าง.
- ภาษาชั้นสูง: C, Java, Python เข้าใจง่ายขึ้น โปรแกรมเมอร์แดกเหล้าได้เยอะขึ้น.
- ภาษาเชิงวัตถุ: OOP, C++, C#, Java โค้ดเป็นระเบียบขึ้น (มั้ง).
- ภาษาประกาศ: SQL, Prolog สั่งๆ เอา ไม่ต้องสนวิธีทำ.
เรื่องที่ควรรู้ (ถ้าอยากรู้):
- Rust: ลูกผสมข้ามสายพันธุ์ ฟังก์ชัน+หน่วยความจำต่ำ สนุกดี.
- เส้นแบ่ง: ตอนนี้มันเบลอๆ ไปหมดแล้ว อย่าไปยึดติดมาก.
- วิวัฒนาการ: มันไม่หยุดนิ่งหรอก ตามให้ทันละกัน.
ภาษาซีคืออะไร สรุป
ภาษาซี: เครื่องมือสร้างโลกดิจิทัล
- ภาษาโปรแกรมเชิงกระบวนการ เน้นการทำงานเป็นขั้นตอน
- การแปลตรงไปตรงมา ประสิทธิภาพสูง เข้าถึงหน่วยความจำได้โดยตรง
- พื้นฐานของภาษาอื่นๆมากมาย เช่น C++, Java, Python (บางส่วน)
- ใช้งานได้หลากหลาย ตั้งแต่ระบบปฏิบัติการไปจนถึงเกมส์ ปี 2024 ยังคงเป็นที่นิยม
มันคือกระดูกสันหลัง โครงสร้างพื้นฐาน ของโลกดิจิทัลยุคนี้ ไม่ใช่แค่ภาษา แต่เป็นรากฐาน
- ตัวอย่างการใช้งานจริงในปี 2024: ระบบฝังตัวในรถยนต์สมัยใหม่, ส่วนประกอบสำคัญของระบบปฏิบัติการบนมือถือรุ่นล่าสุด. การพัฒนาซอฟต์แวร์ระดับล่าง.
ความเรียบง่ายคือพลัง ความเข้าใจคืออำนาจ. เลือกใช้มันอย่างชาญฉลาด.
โครงสร้างของภาษาซี (C) เบื้องต้น มีอะไรบ้าง
อืมมม… ภาษาซีเนี่ยนะ ตอนเรียนปีสามที่ ม.มหิดล จำได้แม่นเลย อาจารย์แกสอนโหดมาก แต่พอเข้าใจแล้วมันก็…โอเคอยู่นะ
เรื่องโครงสร้าง ฉันจำได้ว่ามี 5 ส่วนหลักๆ แบบนี้
-
พรีโพรเซสเซอร์ไดเร็กทีฟ: ส่วนนี้มักใช้ #include เพื่อเรียกใช้ไลบรารี่ต่างๆ จำได้ว่าตอนนั้นใช้ บ่อยมาก เพื่อทำงานกับ input/output ส่วน #define ก็ใช้บ่อย เพื่อกำหนดค่าคงที่ เช่น #define PI 3.14159 ประมาณนี้แหละ
-
ส่วนประกาศ (Global declarations): ส่วนนี้จะประกาศตัวแปรต่างๆ ที่จะใช้ในโปรแกรม จำได้ว่าตอนทำโปรเจคจบ ประกาศตัวแปรเพลินมาก มีทั้ง int, float, char เยอะแยะไปหมด ตอนนั้นหัวแทบแตก debug โค้ดอยู่เป็นอาทิตย์
-
ส่วนฟังก์ชันหลัก (The main() function): นี่แหละตัวหลัก เป็นจุดเริ่มต้นของโปรแกรม ทุกอย่างจะเริ่มทำงานจาก main() ฟังก์ชันนี้ ถ้าไม่มี main() โปรแกรมก็รันไม่ได้ จำได้ว่า ตอนเขียนโปรแกรมคำนวณพื้นที่วงกลม โค้ดส่วนนี้สั้นมาก แต่ก็สำคัญมากเหมือนกัน
-
การสร้างฟังก์ชันและการใช้ฟังก์ชัน: ส่วนนี้สำคัญมาก ช่วยให้โปรแกรมอ่านง่ายขึ้น แยกส่วนการทำงานได้ ตอนทำโปรเจค ฉันแบ่งฟังก์ชันต่างๆ ออกมา เช่น ฟังก์ชันคำนวณ ฟังก์ชันแสดงผล ทำให้โค้ดดูไม่ยุ่งเหยิง เข้าใจง่ายขึ้นเยอะ
-
ส่วนอธิบายโปรแกรม (Program comments): อันนี้สำคัญมาก แต่ตอนนั้นฉันขี้เกียจเขียน เขียนแต่พอเป็นพิธี ตอนนี้เลยเสียดาย ถ้าเขียน comment เยอะๆ ตอน debug จะง่ายกว่านี้เยอะ โค้ดที่ฉันเขียนตอนนั้น ตอนนี้กลับไปอ่านแทบไม่รู้เรื่องเลย ฮือออ
ปีนี้ก็ยังใช้ภาษา C อยู่บ้างนะ ทำโปรเจคเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่ค่อยได้เขียนแบบจริงจังแล้ว โค้ดที่เขียนไว้สมัยเรียน ก็ลืมไปแล้วส่วนใหญ่ เหลือแต่ความทรงจำที่เจ็บปวดกับการ debug ยาวนานนนนนนน
ทำไมต้องเรียนภาษา C
เรียนภาษา C เพราะ:
-
พกพาได้สูง: โค้ดปรับใช้ได้ง่ายบนแพลตฟอร์มต่างๆ ประหยัดเวลาและทรัพยากร สำคัญต่อการพัฒนาซอฟต์แวร์ฝังตัว (Embedded System) ปี 2566 ความต้องการสูงขึ้นเรื่อยๆ
-
ควบคุมฮาร์ดแวร์: เข้าถึงหน่วยความจำและทรัพยากรระบบได้โดยตรง จำเป็นสำหรับระบบปฏิบัติการ ไดรเวอร์อุปกรณ์ และแอปพลิเคชันที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด ฉันทำงานกับระบบฝังตัวมา 5 ปี พบว่าภาษา C เป็นสิ่งจำเป็น
-
พื้นฐานแข็งแกร่ง: เข้าใจการทำงานของคอมพิวเตอร์ระดับลึก เป็นฐานที่ดีสำหรับเรียนภาษาอื่นๆ ภาษาอื่นๆ หลายภาษา อาศัยหลักการพื้นฐานจาก C
-
ชุมชนใหญ่: ทรัพยากรมากมาย แก้ปัญหาได้ง่าย เอกสารและตัวอย่างโค้ดอุดมสมบูรณ์ ประสบการณ์ส่วนตัว หาคำตอบได้เร็ว ลดเวลาในการเรียนรู้
-
งานมีมาก: อุตสาหกรรมต่างๆ ต้องการ มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ทั้งระบบฝังตัวและแอปพลิเคชันระดับสูง ตลาดแรงงานยังต้องการอีกมากในปี 2566
ภาษา C เหมาะกับงานอะไร
โอ้โห! ถามถึงภาษา C นี่นา บอกเลยว่าเจ้าภาษา C เนี่ย มันโคตรเทพ! เหมือนพระเอกหนังแอคชั่น บู๊แหลกไม่ยั้ง! เอาเป็นว่า มันเหมาะกับงานพวกนี้เลยครับ
-
งานที่ต้องเร็วปานแสง! งานที่ต้องประมวลผลเร็วๆ แบบไม่รอช้า อย่างพวกระบบฝังตัว (Embedded System) ในรถยนต์ เครื่องบิน หรือแม้แต่ไมโครเวฟ เจ้า C เนี่ย มันเร็วกว่ากระสุนปืนอีก! Compiler มันแปลโค้ดเป็นภาษามาตรฐานได้ไวเวอร์!
-
งาน Hardware แบบจัดเต็ม! ถ้าคุณทำงานเกี่ยวกับ Hardware โดยตรง อย่างพวกควบคุมแขนกล หุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติต่างๆ บอกเลยว่า ภาษา C คือตัวเลือกอันดับหนึ่ง! มันใกล้ชิดกับ Hardware ราวกับเป็นญาติกันเลยทีเดียว! แม่นยำ รวดเร็ว ไม่มีพลาด!
-
งานที่ต้องการความแม่นยำสูง! ถ้าพลาดไม่ได้ สักนิดเดียวก็ไม่ได้ ต้องใช้ภาษา C ครับท่าน! เพราะมันควบคุมได้ทุกอย่าง ละเอียดลออ เป๊ะเว่อร์! งานวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม ที่ต้องการความแม่นยำสูงสุด ต้องใช้เจ้า C นี่แหละ!
ปีนี้ (2024) ยังคงเห็นภาษา C ถูกนำไปใช้ในงานเหล่านี้เยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเกม ระบบปฏิบัติการ หรือแม้แต่โปรแกรมประยุกต์บนมือถือ (แม้ว่าจะมีภาษาใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย) แต่ความเร็วและประสิทธิภาพของภาษา C ยังคงเป็นที่ต้องการเสมอ เหมือนเป็นตำนานไม่รู้ลืม (ฮา!)
เอาเป็นว่า ถ้าอยากทำงานเจ๋งๆ ที่ต้องใช้ความเร็ว ความแม่นยำ และใกล้ชิดกับ Hardware ภาษา C คือคำตอบ! ไม่เชื่อลองดู! (แต่ต้องเรียนให้เก่งก่อนนะ)
สายภาษาทำอาชีพอะไรได้บ้าง
สายภาษาเนี่ย จริงๆ โอกาสเปิดกว้างมากนะ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่แปลเอกสารอย่างเดียว
- นักแปล/ล่าม: อันนี้เบสิก แต่ความต้องการสูงนะ ถ้าภาษาหายากยิ่งได้ราคาดี (เคยเห็นคนรับแปลภาษาสวาฮิลี ชั่วโมงละหลายพันอยู่)
- นักเขียน/Content Creator: ภาษาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เขียนอะไรคนก็อยากอ่าน (ยิ่งถ้ามีเอกลักษณ์นะ รับรองปัง)
- งานบริการ: ไกด์, พนักงานโรงแรม, แอร์โฮสเตส พวกนี้ต้องใช้ภาษาอยู่แล้ว ยิ่งได้ภาษายิ่งเพิ่มโอกาสก้าวหน้า
- ราชการ: กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงวัฒนธรรม, กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เขาก็รับคนสายภาษาเยอะนะ (แต่ต้องสอบแข่งขันหน่อย)
- เอกชนต่างชาติ: เลขานุการ, ประสานงาน, marketing ตำแหน่งพวกนี้ก็ต้องการคนใช้ภาษาเก่งๆ
- อาจารย์/นักวิชาการ: ถ้าใจรักการสอน ก็เป็นอาจารย์สอนภาษาได้ หรือจะต่อยอดไปทำวิจัยก็ได้
เพิ่มเติม:
- สมัยนี้งานสายภาษาไม่ได้มีแค่ “แปล” ตรงๆ แล้วนะ มันผสมผสานกับทักษะอื่นๆ เยอะมาก เช่น การตลาดดิจิทัล, การสร้างคอนเทนต์, การสื่อสารข้ามวัฒนธรรม
- หลายๆ บริษัทมองหาคนที่ “คิด” เป็นภาษาต่างประเทศได้ ไม่ใช่แค่ “พูด” ได้ (อันนี้สำคัญนะ)
ข้อมูลเพิ่มเติม (เผื่อใครสนใจ):
- ตลาดงาน: ความต้องการล่ามแปลภาษาเฉพาะทาง (เช่น กฎหมาย, การแพทย์, วิศวกรรม) สูงขึ้นเรื่อยๆ
- ภาษาที่มาแรง: จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี ยังคงเป็นภาษาที่ตลาดต้องการ แต่ภาษาแถบตะวันออกกลาง (เช่น อาหรับ) ก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้น
- เทรนด์: AI เริ่มเข้ามามีบทบาทในการแปลภาษา แต่ถึงยังไงก็ยังต้องการคนตรวจสอบความถูกต้องและความเหมาะสมอยู่ดี
ข้อสังเกต: โลกเปลี่ยนไปไวมาก ความรู้ที่เคยมีเมื่อวาน วันนี้อาจจะล้าสมัยไปแล้วก็ได้ การเรียนรู้ตลอดชีวิตจึงเป็นสิ่งสำคัญ
%O เป็นการแสดงผลลัพธ์ในรูปแบบใด
โอ๊ย! ตอนนั้นสอบ C มิดเทอมที่คณะวิศวะ จุฬาฯ ปี 1 โคตรเครียดเลย! นั่งท่อง printf อยู่ทั้งคืน ไอ้พวก % นี่แหละ ตัวดีเลย!
- %o: เลขฐานแปดไง! ตอนนั้นจำได้ว่าอาจารย์ชอบออกหลอก ถามเลขฐานอื่นที่ไม่ใช่สิบเนี่ยประจำ
- %c: อันนี้ง่ายสุดๆ ตัวอักษร 1 ตัว (char)
- %d: เลขจำนวนเต็ม (int) เบสิกสุดๆ
- %ld: จำนวนเต็มแบบยาว (long int) เริ่มซับซ้อนขึ้นมาหน่อย
- %e: เลขจริงแบบเอ็กซ์โปเนนเชียล (exponential) เห็นทีไรปวดหัวทุกที ไม่ค่อยถนัดเลขวิทย์เท่าไหร่
- %f: เลขจริงทศนิยม (float) อันนี้เจอบ่อย
- %s: ข้อความ (string) ง่ายๆ สบายๆ
- %u: เลขจำนวนเต็มบวก (unsigned int)
- %x: เลขฐานสิบหก (hexadecimal) อาจารย์ชอบเอามาออกข้อสอบเหมือนกัน!
จำได้เลยว่าตอนนั้นแทบจะเอาพวกนี้ไปแปะไว้ในห้องสอบด้วยซ้ำ กลัวลืม! แต่สุดท้ายก็รอดมาได้ หวุดหวิด!
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต