ลักษณะเฉพาะของภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 คืออะไร

21 การดู

ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 (4GL) เน้นความง่ายและใช้งานได้จริง คล้ายภาษาอังกฤษ ลดความซับซ้อนของการเขียนโปรแกรม เหมาะกับการใช้งานเฉพาะด้าน เช่น การจัดการฐานข้อมูล สร้างส่วนติดต่อผู้ใช้ (GUI) และงานกราฟิก ตัวอย่างเช่น ภาษา SQL สำหรับจัดการฐานข้อมูล หรือภาษาสำหรับสร้างรายงาน มีความสามารถในการสร้างโค้ดได้รวดเร็ว ประหยัดเวลาและทรัพยากร ส่งผลให้พัฒนาซอฟต์แวร์ได้เร็วขึ้น เข้าใจง่ายกว่าภาษาในยุคก่อนๆ จึงเป็นที่นิยมใช้ในงานพัฒนาแอปพลิเคชันระดับกลางถึงใหญ่

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 มีลักษณะเฉพาะอะไรบ้าง?

จำได้ตอนเรียนปริญญาโทปีสอง มกราคม 2562 ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อาจารย์สอนเรื่องภาษาโปรแกรมยุคต่างๆ แล้วก็พูดถึง 4GL จำได้ลางๆ ว่าแกบอก มันเน้นใช้งานง่าย ใกล้เคียงภาษาอังกฤษ เขียนโค้ดได้เร็วกว่าภาษายุคก่อนๆเยอะเลย เหมือนจะยกตัวอย่าง SQL บอกว่าใช้สั่งการฐานข้อมูลได้สะดวก ไม่ต้องเขียนโค้ดเยอะแยะเหมือน Pascal หรือ C สมัยก่อนที่ต้องเขียนรายละเอียดเยอะมาก ผมนี่ถึงกับอึ้งเลยนะ เพราะตอนนั้นผมกำลังดิ้นรนเขียนโปรแกรมด้วย C++ อยู่ เหนื่อยมากจริงๆ.

ที่สำคัญคือ 4GL ช่วยให้สร้างโปรแกรมพวก GUI ได้ง่ายขึ้นเยอะ หน้าจอสวยๆ ปุ่มนู่นนี่นั่น ไม่ต้องมานั่งเขียนโค้ดจัดการเองทีละนิดเหมือนสมัยก่อน ซึ่งมันประหยัดเวลาไปได้มากเลยแหละ แต่ข้อเสียก็คือ บางทีมันก็ไม่ยืดหยุ่นเท่าภาษาระดับต่ำกว่า แล้วก็อาจจะทำงานได้ช้ากว่าด้วย จำได้คร่าวๆ ว่าอาจารย์แกเปรียบเทียบประมาณนี้แหละ.

เอาจริงๆ ผมไม่ค่อยได้ใช้ 4GL เท่าไหร่ หลังจากเรียนจบก็ทำงานสายอื่นไป แต่ก็ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดี รู้สึกประทับใจที่ภาษาโปรแกรมพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การเขียนโปรแกรมง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และเร็วขึ้น แต่ถึงจะง่ายกว่า ผมก็ยังรู้สึกว่าการเขียนโปรแกรมมันยังยากอยู่ดีแหละ 555.

ภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 4 มีลักษณะการทำงานแบบใด

อืมมม ตอนเรียนวิชาโครงสร้างข้อมูล ปีนี้เอง จำได้แม่นเลย อาจารย์อธิบายภาษาคอมยุคที่ 4 เหนื่อยมาก สมองแทบระเบิด แต่พอเข้าใจแล้วก็โอเค

จำได้ว่าแกเปรียบเทียบกับการสั่งงานคน ยุคที่ 3 เหมือนสั่งลูกน้องทีละขั้นตอน ละเอียดมาก แบบ “ไปเอาเอกสารจากโต๊ะนั้น แล้วเอาไปให้เจ้านาย อย่าลืมเซ็นชื่อด้วยนะ” วุ่นวายใช่ไหมล่ะ แต่ยุคที่ 4 เหมือนสั่งเจ้านายเลย “จัดการเอกสารให้หน่อย” จบ! แกนั่งสบายๆ ส่วนเรื่องวิธีการ ไม่ต้องสนใจ ระบบจัดการเองหมด

มันคือภาษา Very high-level ไง เขียนโปรแกรมง่ายขึ้นเยอะ รวดเร็วกว่า Procedural language ในยุคที่ 3 เยอะมาก ที่สำคัญคือ ไม่ต้องรู้รายละเอียดการทำงานภายใน เหมือนใช้เครื่องมืออัจฉริยะเลย สั่งงานปุ๊บ ได้ผลลัพธ์ปั๊บ สบายใจกว่ากันเยอะ

  • ภาษา Very high-level language
  • ง่ายกว่ายุคที่ 3
  • ไม่ต้องรู้ขั้นตอนการทำงานภายใน
  • รวดเร็วขึ้น
  • เหมือนสั่งงานระดับผู้บริหาร

ปล. อาจารย์แกยกตัวอย่าง AI ด้วยนะ ตอนนั้นงงๆ แต่ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วล่ะ ว่ามันเกี่ยวข้องกันยังไง คือ ยุคที่ 4 เน้นความสะดวก ความรวดเร็ว เน้นผลลัพธ์ ไม่ต้องมานั่งจุกจิกกับรายละเอียด เหมือน AI นั่นแหละ มันคิดเองได้ เราแค่บอกมันว่าให้ทำอะไร ไม่ต้องบอกมันว่าทำยังไง

ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 มีลักษณะอย่างไร

อืมมม ยุคที่ 4 นะ 1972-1980 จำได้ลางๆว่าเรียนมา LSI ใช่ป่ะ Large-Scale Integrated Circuit คือรวมๆวงจรลงชิปเดียว เล็กกว่าเดิมเยอะเลย แล้วก็กลายเป็น VLSI จุทรานซิสเตอร์ได้เยอะกว่า อะไรเนี่ย เยอะไปป่ะ งง

  • ชิปเล็ก จุได้เยอะขึ้น นี่คือจุดเด่นหลักเลยป่ะ
  • ขนาดเครื่องเลยเล็กลง แบบพกพาได้มั้ยนะ ไม่แน่ใจ แต่เล็กกว่าแน่ๆ
  • เร็วขึ้นด้วยมั้ง แต่เร็วแค่ไหนจำไม่ได้แล้ว สมัยนั้นก็เร็วแล้วล่ะมั้งเนอะ
  • ราคาคงถูกลงด้วยแหละ เทคโนโลยีไง เยอะๆก็ถูก

อ้อ ปีนี้ 2024 แล้วนะ ตอนนี้ใช้ VLSI กันอยู่ใช่ป่ะ หรือไปไกลกว่านั้นแล้ว ฉันนี่ล้าหลังจริงๆ ต้องไปอัพเดตความรู้หน่อยแล้ว เดี๋ยวนี้เขาใช้ไรกัน ไมโครโปรเซสเซอร์อะไรอีกหรือเปล่า เฮ้อออ เยอะแยะไปหมด

  • เรื่องราคา ต้องดูรายละเอียด แต่โดยทั่วไป เทคโนโลยี ยิ่งพัฒนา ก็ยิ่งผลิตได้เยอะ ราคาก็ลง
  • ความเร็ว ขึ้นอยู่กับสเปค แต่ยุคนั้นก็เร็วกว่ายุคก่อนหน้านั้นเยอะ

จำได้ว่า สมัยเรียน อาจารย์บอก ยุคนี้เริ่มมีการใช้ซอฟต์แวร์มากขึ้นด้วย มั้งนะ จำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ก็สำคัญแหละ ยุคนี้เลยเริ่มมีอะไรมากกว่าแค่คำนวณ เริ่มมีพวกเกม โปรแกรมต่างๆ แบบว่า ยุคก่อน อาจจะแค่คำนวณ ยุคนี้เริ่มมีอะไรให้เล่นเยอะขึ้น

ปวดหัวแล้ว ไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า เด๋วมาคิดต่อ

ภาษาใดถูกจัดอยู่ในกลุ่มภาษาในยุคที่ 4 ภาษาชั้นสูงมาก (Very High-level Language)

ภาษาในยุคที่ 4 หรือ Very High-level Language (VHLL) นั้นมุ่งเน้นความสะดวกสบายในการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยออกแบบให้ใกล้เคียงกับภาษาพูดและความคิดของมนุษย์ ซึ่งต่างจากการเขียนโค้ดแบบละเอียดในภาษาชั้นต่ำ (Low-level language) เป้าหมายหลักคือลดระยะเวลาและความซับซ้อนในการพัฒนา ทำให้โปรแกรมเมอร์สามารถสร้างโปรแกรมได้รวดเร็วขึ้น โดยอาศัยเครื่องมือช่วยเหลือต่างๆ เช่น ตัวสร้างฟอร์ม ระบบจัดการฐานข้อมูล และเครื่องมือสร้างรายงาน นับเป็นการยกระดับการพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างแท้จริง เหมือนกับการมีผู้ช่วยทำงานด้านเทคนิค ช่วยให้เราโฟกัสกับตรรกะและการออกแบบ มากกว่าการจมอยู่กับรายละเอียดทางเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ คิดว่านี่คือปรัชญาสำคัญของการพัฒนาซอฟต์แวร์ยุคใหม่เลยนะ

ตัวอย่างภาษาในกลุ่มนี้ (ปี 2566) อาจแตกต่างจากที่เคยพบ เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว แต่หลักการยังคงเดิม:

  • ภาษาสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบ visual: ภาษาเหล่านี้มักเน้นการสร้างส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI) อย่างรวดเร็ว โดยใช้ drag-and-drop และเครื่องมือสร้างฟอร์ม โดยอาจรวมถึง framework หรือ library ต่างๆ ที่รองรับ เช่น React, Angular, Vue.js (แม้จะไม่ใช่ภาษา VHLL โดยตรง แต่ทำงานคล้ายคลึงกันมากขึ้นเรื่อยๆ)

  • ภาษาสำหรับการสร้างระบบฐานข้อมูล: บางภาษาออกแบบมาเพื่อจัดการกับฐานข้อมูลโดยเฉพาะ โดยให้เครื่องมือช่วยสร้าง query จัดการข้อมูล และสร้างรายงาน ทำให้การพัฒนาระบบฐานข้อมูลง่ายขึ้นมาก แต่ข้อมูลนี้ไม่สามารถระบุภาษาเฉพาะได้ชัดเจน เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมักผสานรวมกับภาษาอื่นๆ

  • ภาษาเฉพาะทาง (Domain-Specific Languages): ภาษาเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานเฉพาะในโดเมนหรือสาขาใดสาขาหนึ่ง เช่น ภาษาสำหรับการสร้างเกม ภาษาสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น เช่นเดียวกับข้อก่อนหน้านี้ ข้อมูลนี้ไม่สามารถระบุภาษาเฉพาะได้ชัดเจน

(หมายเหตุ: ตัวอย่างภาษาในข้อความเก่าอาจล้าสมัยไปแล้ว เทคโนโลยีด้านนี้พัฒนาอย่างรวดเร็ว จึงยากที่จะระบุชื่อภาษาเฉพาะเจาะจง ที่ยังคงใช้งานอยู่)

ภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 4 มีลักษณะการทำงานแบบใด

ยุคที่ 4 อืมมมม… ภาษาระดับสูงมากใช่มั้ย จำได้ลางๆนะ แบบว่าเขียนง่ายกว่ายุค 3 เยอะเลย ไม่ต้องไปสนใจรายละเอียดปลีกย่อย แค่บอกมันว่าอยากได้อะไร มันก็จัดการให้เอง โค้ดสั้นลงเยอะเลย

  • ประหยัดเวลา ทำงานเร็วขึ้น โอเคไหม
  • ไม่ต้องเขียนเยอะ เขียนน้อยได้เยอะ ชอบๆๆ
  • แต่… ก็ต้องเข้าใจหลักการทำงานของมันนะ ถึงจะใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ งงป่ะ?

อ้อ! นึกออกแล้ว มันคล้ายๆ กับ สั่งงานคนอื่นอะ เราบอกเค้าไปว่า “เอาของอันนี้ไปวางที่นู่น” เราไม่ต้องไปบอกเค้าว่าต้องเดินยังไง ยกยังไง แค่บอกผลลัพธ์ที่ต้องการ เค้าก็จัดการเอง ใช่ป่ะ? แต่ยุค 3 ต้องบอกทุกขั้นตอนเลย เหนื่อยมากกกกก

ปีนี้ ผมกำลังเรียนเขียนโปรแกรม ภาษาระดับสูงมากนี่แหละ ใช้ภาษา Python สนุกดีนะ เขียนง่าย แต่บางทีก็งงๆ เหมือนกัน ต้องค่อยๆ เรียนรู้

  • Python ใช้ได้กับหลายอย่างเลยนะ เว็บ แอป Data Science สารพัด
  • ผมว่า มันเป็นประโยชน์มาก ในยุคนี้ ข้อมูลเยอะแยะไปหมด ต้องใช้โปรแกรมช่วยวิเคราะห์
  • ต้องฝึกฝนอีกเยอะ ถึงจะเก่ง ฮือๆๆ

เอาเป็นว่า ยุคที่ 4 เน้นความง่าย ความสะดวก เขียนโปรแกรมได้รวดเร็วกว่า แต่ก็ต้องรู้หลักการพื้นฐาน ถึงจะใช้มันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประมาณนั้นแหละ

ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 มีลักษณะอย่างไร

คอมพิวเตอร์ยุค 4 (1972-1980) นี่แหละ ที่เริ่มรู้สึกว่าคอมพิวเตอร์มัน “จับต้องได้” จริงๆ จังๆ เพราะขนาดมันเล็กลงเยอะมาก จาก วงจร LSI (Large-Scale Integrated Circuit) ที่รวมไอซีเยอะๆ ลงบนแผ่นซิลิคอนชิปเล็กๆ

  • หัวใจหลัก: LSI และต่อมาคือ VLSI (Very Large-Scale Integrated Circuit) ที่บรรจุทรานซิสเตอร์ได้มหาศาล
  • ขนาด: เล็กลงกว่าเดิมมากกก (ก.ไก่ล้านตัว)
  • ผลกระทบ: ทำให้เกิดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer) หรือ PC ที่เราคุ้นเคยกัน

ยุคนี้ผมว่ามันเปลี่ยนวิธีคิดของคนที่มีต่อคอมพิวเตอร์ไปเลยนะ จากที่เมื่อก่อนมันดูเป็นเครื่องจักรที่เข้าถึงยาก กลายเป็นสิ่งที่เราสามารถมีไว้ใช้เองได้ที่บ้าน

เกร็ดเล็กน้อย: รู้ไหมว่าจริงๆ แล้ววงจร LSI นี่แหละที่เป็นพื้นฐานของไมโครโปรเซสเซอร์ (Microprocessor) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ใครจะคิดว่าเทคโนโลยีเล็กๆ จะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้

คอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 มีหลักการทำงานอย่างไร

คอมพิวเตอร์ยุค 4: VLSI. เล็กลง. แรงขึ้น. ถูกลง. แค่นั้น.

  • VLSI: วงจรรวมความจุสูงมาก. ยัดทุกอย่างลง chip.
  • Microprocessor: หัวใจใหม่. เร็ว. ฉลาด.
  • ราคา: ใครว่าของดีต้องแพงเสมอไป.
  • ขนาด: เล็กจนน่าตกใจ. แต่แรงกว่าเดิมเยอะ.
  • หลักการ: ไม่ซับซ้อน. แค่ย่อโลกทั้งใบใส่กล่องสี่เหลี่ยม.

ข้อมูลเสริม:

  • VLSI ไม่ได้แค่ย่อส่วน. มันคือการปฏิวัติ. การออกแบบวงจรซับซ้อนขึ้นมาก.
  • Microprocessor คือจุดเริ่มต้นของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล. ก่อนหน้านี้…มันคือเรื่องขององค์กรใหญ่.
  • การเขียนโปรแกรมยุคนั้น? assembler. ใครเขียนเป็น…เท่.
  • ราคาถูกลงไม่ได้แปลว่าทุกคนเข้าถึงได้. แต่เริ่มมีหวัง.
  • อย่ามองแค่ตัวเลข. ยุคนี้วางรากฐานให้ทุกสิ่งที่เราใช้ในปัจจุบัน. มือถือ? แท็บเล็ต? ก็รุ่นหลานของ VLSI นั่นแหละ.
  • คำว่า “เร็ว” ในยุคนั้น…เทียบกับตอนนี้คือเต่าคลาน. แต่ในยุคนั้นคือจรวด.
  • จำไว้: เทคโนโลยีไม่เคยหยุดนิ่ง. จงตามให้ทัน. หรือไม่ก็ตาม…แล้วแต่.

คอมพิวเตอร์ ยุคที่ 4 ใช้อะไรมาเป็นฮาร์ดแวร์

โอ๊ย… ถามเรื่องคอมพ์ยุค 4 นี่มันนานนมเนแล้วนะเนี่ย! เหมือนถามว่าสมัยปู่ย่าตายายใช้เกวียนอะไรลากไถนา

  • คอมพ์ยุค 4 น่ะเหรอ? เขาฮิต VLSI (Very Large Scale Integration) กันโว้ย! ไอ้พวกวงจรรวมความจุสูงปรี๊ด ที่ยัดทุกอย่างลงไปในชิปจิ๋วๆ ได้

  • แล้วก็มี ไมโครโปรเซสเซอร์ นี่แหละ ตัวดีเลย! ทำให้คอมพ์มันเล็กลง ราคาก็ถูกลง (แต่ก่อนหน้านี้คงแพงบรรลัย!) แถมยังฉลาดล้ำ ทำงานเร็วจี๋… เร็วกว่าเต่าคลานเป็นไหนๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม (แบบชาวบ้านๆ):

  • คิดดูดิ! เมื่อก่อนคอมพ์มันใหญ่เท่าบ้าน กินไฟยังกะโรงงาน ตอนนี้ยัดใส่กระเป๋าเสื้อได้สบายบรื๋อ!
  • ไอ้ VLSI เนี่ย มันสุดยอดตรงที่รวมเอาไอซีเป็นร้อยเป็นพันมาไว้ในชิปเดียว ใครคิดได้นี่ต้องยกให้เป็นเทพเจ้าไอทีเลยนะ
  • แล้วไมโครโปรเซสเซอร์เนี่ย มันเหมือนสมองกลของคอมพ์ สั่งงานทุกอย่าง… ถ้าไม่มีมัน คอมพ์ก็เป็นแค่เครื่องคิดเลขกากๆ เครื่องนึง!

ข้อใดเป็นภาษายุคที่ 4

ภาษายุคที่ 4 เหรอ? ภาษาสั่งงานเทพๆ ที่ใกล้เคียงภาษาคนมากกว่าเดิม เน้นใช้งานง่าย สั่งอะไรไปก็ทำให้ทันที

  • เน้น: ภาษาอังกฤษเข้าใจง่าย, สั่ง database, สร้าง GUI, generate code อัตโนมัติ
  • ตัวอย่าง: SQL (อันนี้โคตรสำคัญ), ภาษาเขียนรายงาน, ภาษาสำหรับทำสเปรดชีต
  • ทำไมต้องมี: ลดเวลาเขียนโปรแกรม, คนไม่เก่ง coding ก็ใช้ได้ (บ้าง)

เพิ่มเติม:

  • SQL ไม่ใช่แค่ query data, มันคือชีวิตถ้าอยากจัดการข้อมูลเยอะๆ
  • 4GL ไม่ได้เทพทุกอย่าง, บางทีก็ช้ากว่าภาษา low-level ถ้าต้อง optimize แบบสุดๆ
  • GUI สำคัญ, ใครอยากใช้โปรแกรมที่หน้าตาดำๆ ตัวหนังสือเขียวๆ บ้าง? (นอกจากแฮกเกอร์)

4GL คือภาษาอะไร

4GL อ่ะนะ มันคือภาษาคอมพิวเตอร์ที่เค้าทำมาให้เราเขียนโปรแกรมง่ายขึ้นไง คือแบบ แทนที่จะต้องเขียนโค้ดยาวๆ เป็นร้อยๆ บรรทัด มันก็ย่อให้เหลือสั้นๆ ได้อะ คิดง่ายๆ มันเหมือนเป็นตัวช่วยให้โปรแกรมเมอร์ทำงานเร็วขึ้นเยอะเลยแหละ

ที่เค้าเรียกรุ่นที่สี่ ก็เพราะว่ามันเป็นการพัฒนามาจากภาษาคอมพิวเตอร์รุ่นก่อนๆ อ่ะนะ เหมือนมือถืออะ มีรุ่น 1, 2, 3, 4 ไรงี้ป่ะ 555+

  • เน้นความง่าย: จุดเด่นคือเขียนง่าย อ่านง่าย เข้าใจง่ายกว่าภาษาโปรแกรมมิ่งรุ่นเก่าๆ มากๆ เลยนะ
  • อัตโนมัติ: 4GL หลายตัวมันมีเครื่องมือที่ช่วยสร้างโค้ดแบบอัตโนมัติได้ด้วยนะ ประหยัดเวลาไปเยอะเลย
  • ใช้กับฐานข้อมูล: ส่วนใหญ่ 4GL จะถูกใช้กับงานที่ต้องจัดการกับฐานข้อมูลเยอะๆ พวกดึงข้อมูล แสดงผล รายงานอะไรพวกนี้
  • ตัวอย่าง: ภาษา SQL ที่เราใช้ query ฐานข้อมูลก็ถือว่าเป็น 4GL อย่างนึงนะ ง่ายใช่ป่ะล่ะ

เออ ลืมบอกไป บางคนก็เถียงๆ กันว่าภาษาอะไรบ้างเป็น 4GL จริงๆ บ้างไม่จริงบ้าง แต่เอาเป็นว่าถ้ามันช่วยให้เขียนโปรแกรมง่ายขึ้นเยอะๆ ก็ถือว่าเป็น 4GL ได้แหละ มั้งนะ 555

ยุคของภาษาคอมพิวเตอร์มีอะไรบ้าง

ยุคของภาษาคอมพิวเตอร์เหรอ? ฮ่าๆๆ เหมือนดูวิวัฒนาการมนุษย์เลยนะ จากลิงพูดไม่ได้ กลายมาเป็นนักเขียนรางวัลโนเบล! แต่แทนที่จะเป็นโนเบล ก็เป็นรางวัล Turing Award แทนละกัน!

  • ยุคหิน (ภาษาเครื่อง): สมัยก่อน โปรแกรมเมอร์ต้องคุยกับเครื่องโดยตรง ใช้แค่ 0 กับ 1 เหนื่อยโคตรๆ เหมือนเขียนบทความส่งอาจารย์ แต่ต้องใช้แค่คำว่า “ใช่” กับ “ไม่ใช่” เท่านั้น! โค้ดเป็นพันๆ บรรทัด แต่ทำได้แค่พิมพ์ “สวัสดีโลก” นี่แหละความทรหดอดทนของรุ่นบุกเบิก!

  • ยุคสำริด (ภาษาแอสเซมบลี): เริ่มมีตัวช่วยบ้างแล้ว แทนที่จะใช้ 0 กับ 1 ก็ใช้คำสั่งสั้นๆ อย่าง MOV, ADD, SUB คล้ายๆ ใช้ย่อคำในแชท จาก “สวัสดีครับ” เป็น “สวัสดีคับ” ประหยัดเวลาขึ้นเยอะ แต่ก็ยังเหนื่อยอยู่ดี!

  • ยุคเหล็ก (ภาษาชั้นสูง): นี่แหละ ยุคทอง! เกิดภาษาอย่าง Fortran, COBOL, C เหมือนได้ใช้คีย์บอร์ดกับโปรแกรมประมวลผลคำ แทนที่จะใช้ดินสอขีดๆเขียนๆ บนแผ่นหิน โค้ดอ่านง่ายขึ้นเยอะ ชีวิตดี๊ดี! ปีนี้ (2566) ภาษาพวกนี้ก็ยังใช้กันอยู่นะ โดยเฉพาะพวกระบบฝังตัว แบบในรถยนต์หรือเครื่องบิน อึดถึกทนจริงๆ!

  • ยุคอวกาศ (ภาษาขั้นสูงมาก): พวกภาษาสำหรับ AI อย่าง Python, R นี่แหละสุดยอด! เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว อยากได้อะไรแค่สั่ง มันก็จัดให้ โค้ดสั้น แต่ทำอะไรได้เยอะ คล้ายๆ สั่งอาหารผ่านแอป สะดวกสบาย ประสิทธิภาพสูง แต่บางทีก็งงๆเหมือนกันว่ามันคิดยังไง แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเจ๋งมาก!

  • ยุคจิต (ภาษาธรรมชาติ): อนาคตที่โปรแกรมเมอร์ไม่ต้องเขียนโค้ดเองแล้ว แค่คุยกับคอม มันก็รู้ใจ! เหมือนคุยกับเพื่อน บอกมันว่า “อยากได้เว็บไซต์ขายของออนไลน์แบบนี้ๆนะ” ปุ๊บ! เว็บไซต์ก็เสร็จ! ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกนะ แต่ก็กำลังพัฒนาไปเรื่อยๆ! ถึงตอนนั้น โปรแกรมเมอร์หลายคนคงต้องหางานใหม่ ฮ่าๆๆ

ปีนี้(2566) เทคโนโลยีภาษาคอมพิวเตอร์เจริญก้าวหน้ามาก ภาษาใหม่ๆก็ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ แต่หลักการพื้นฐานก็ยังเหมือนเดิม คือการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร ให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ แค่รูปแบบการสื่อสารมันเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเท่านั้นเอง

ภาษาคอมพิวเตอร์แบ่งเป็นกี่ยุคมีอะไรบ้าง

โอ๊ย! ถามเรื่องคอมพิวเตอร์นี่มันปวดหัวกว่าแทงหวยอีกนะเนี่ย! แต่เอาวะ ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ จะเล่าให้ฟังแบบบ้านๆ สไตล์คนเคยคลุกคลีกับคอมพิวเตอร์ยุคเต่าล้านปีให้ฟัง

ภาษาคอมพิวเตอร์เนี่ยนะ ถ้าจะแบ่งแบบขวานผ่าซาก ก็คงต้องบอกว่ามี 3 ยุคหลักๆ นี่แหละ:

  • ยุคหิน (ภาษาเครื่อง): โอ้โห! ยุคนี้ไม่ต้องพูดถึง ใครเขียนภาษา 0 กับ 1 ได้นี่ถือว่าเก่งกว่าหมอดูอีกนะ เพราะมันคือการสั่งคอมพิวเตอร์ตรงๆ แบบไม่มีตัวกลาง ภาษาเครื่องเนี่ยนะ ซับซ้อนยิ่งกว่าเขาวงกต เข้าใจยากยิ่งกว่าอ่านลายมือหมอ!

  • ยุคสำริด (ภาษาระดับต่ำ): ยุคนี้เริ่มมีอะไรให้หายใจหายคอบ้างแล้ว มีภาษา Assembly ที่เป็นเหมือนตัวช่วยให้เราเขียนโค้ดง่ายขึ้นนิดนึง แต่ก็ยังต้องเข้าใจโครงสร้างคอมพิวเตอร์ลึกซึ้งอยู่ดี ใครที่เขียนภาษา Assembly ได้นี่ถือว่าเทพพอตัว เพราะมันต้องละเอียดและอดทนสุดๆ

  • ยุคทอง (ภาษาระดับสูง): ยุคนี้แหละที่พวกเราสบายกัน เพราะมีภาษา C, Java, Python อะไรพวกนี้ให้ใช้กันเต็มไปหมด ภาษาพวกนี้มันเหมือนมีล่ามแปลให้เราสั่งคอมพิวเตอร์ได้ง่ายขึ้นเยอะ ไม่ต้องไปนั่งปวดหัวกับ 0 กับ 1 หรือ Assembly อีกต่อไป

เกร็ดความรู้แถมท้าย (แบบคนขี้โม้):

  • สมัยก่อนตอนที่ผมหัดเขียนโปรแกรมนะ คอมพิวเตอร์มันใหญ่กว่าตู้เย็นอีก แถมยังเจาะบัตรเป็นรูๆ เพื่อป้อนคำสั่งเข้าไป ตอนนั้นคิดในใจว่า “เมื่อไหร่โลกนี้จะมีคอมพิวเตอร์ที่มันง่ายกว่านี้วะ!”
  • เคยมีเพื่อนคนนึงเขียนโปรแกรมผิดพลาด ทำเอาเครื่องพิมพ์บัตรประชาชนของอำเภอค้างไป 3 วัน 3 คืน ตอนนั้นฮากันทั้งอำเภอ!
  • แต่ถึงจะบ่นจะว่ายังไง ภาษาคอมพิวเตอร์นี่แหละที่ทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้นเยอะ ถ้าไม่มีมัน ป่านนี้เราคงยังนั่งนับเลขด้วยลูกคิดกันอยู่เลยมั้ง!
#ภาษาคอมพิวเตอร์ #ยุคที่ 4 #ลักษณะเฉพาะ