วิธีเช็คว่าเว็บไหนปลอดภัย

39 การดู
เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของเว็บไซต์ ให้สังเกต สัญลักษณ์แม่กุญแจ ในแถบที่อยู่และ URL ที่ขึ้นต้นด้วย HTTPS ซึ่งบ่งบอกว่าข้อมูลมีการเข้ารหัส นอกจากนี้ ควรตรวจสอบ ใบรับรอง SSL เพื่อยืนยันความถูกต้องของเว็บไซต์ ระมัดระวังเว็บไซต์ที่ขอข้อมูลส่วนตัวมากเกินความจำเป็น และอ่าน รีวิว จากผู้ใช้งานอื่น ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ปกป้องข้อมูลส่วนตัว: คู่มือตรวจเช็คความปลอดภัยเว็บไซต์ ฉบับเข้าใจง่าย

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลส่วนตัวกลายเป็นสิ่งมีค่า และภัยคุกคามทางไซเบอร์ทวีความรุนแรง การท่องโลกออนไลน์อย่างปลอดภัยจึงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องใส่ใจ การเข้าชมเว็บไซต์ต่างๆ เป็นกิจกรรมที่เราทำกันเป็นประจำ แต่คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าเว็บไซต์ที่คุณกำลังเยี่ยมชมนั้นปลอดภัยจริงหรือไม่? การตรวจสอบความปลอดภัยของเว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณจากการถูกโจรกรรม หรือการนำไปใช้ในทางที่ผิด

สังเกต แม่กุญแจ สัญลักษณ์แห่งความปลอดภัย

มองหา สัญลักษณ์แม่กุญแจ ในแถบที่อยู่ของเบราว์เซอร์ของคุณ สัญลักษณ์นี้บ่งบอกว่าการเชื่อมต่อระหว่างคุณกับเว็บไซต์นั้นได้รับการเข้ารหัส (encrypted) ซึ่งหมายความว่าข้อมูลที่คุณส่งและรับจากเว็บไซต์นั้นจะถูกแปลงเป็นรหัสลับ ทำให้ผู้ไม่หวังดีไม่สามารถอ่านข้อมูลได้

นอกจากแม่กุญแจแล้ว ให้สังเกต URL ของเว็บไซต์ด้วย URL ที่ปลอดภัยจะขึ้นต้นด้วย HTTPS (Hypertext Transfer Protocol Secure) แทนที่จะเป็น HTTP ตัว S ที่เพิ่มเข้ามาหมายถึง Secure ซึ่งบ่งบอกว่าเว็บไซต์นั้นใช้โปรโตคอลที่ปลอดภัยในการสื่อสาร

ตรวจสอบใบรับรอง SSL: ยืนยันตัวตนของเว็บไซต์

ใบรับรอง SSL (Secure Sockets Layer) เป็นเหมือนใบรับรองตัวตนของเว็บไซต์ที่ออกโดยหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ การมีใบรับรอง SSL ที่ถูกต้องแสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์นั้นได้รับการตรวจสอบและยืนยันแล้วว่าเป็นของจริง ไม่ใช่เว็บไซต์ปลอมที่สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวง

คุณสามารถตรวจสอบใบรับรอง SSL ได้โดยคลิกที่สัญลักษณ์แม่กุญแจในแถบที่อยู่ จากนั้นเลือก Certificate หรือ ใบรับรอง คุณจะเห็นข้อมูลเกี่ยวกับใบรับรอง เช่น ชื่อผู้ที่ออกใบรับรอง วันที่ออก และวันหมดอายุ หากใบรับรองหมดอายุ หรือมีข้อผิดพลาดใดๆ เบราว์เซอร์ของคุณจะแจ้งเตือนคุณ

ระวังเว็บไซต์ที่ ขอมากเกินไป

หากเว็บไซต์ที่คุณเข้าชมขอข้อมูลส่วนตัวมากเกินความจำเป็น เช่น หมายเลขบัตรเครดิต วันเดือนปีเกิด หรือข้อมูลทางการเงินอื่นๆ โดยที่คุณไม่เข้าใจเหตุผล ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ พิจารณาว่าข้อมูลที่เว็บไซต์ขอนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ หากไม่แน่ใจ อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น

อ่านรีวิว: ฟังเสียงจากผู้ใช้งานจริง

ก่อนที่จะให้ข้อมูลส่วนตัว หรือทำธุรกรรมใดๆ บนเว็บไซต์ที่ไม่คุ้นเคย ลองค้นหารีวิวจากผู้ใช้งานคนอื่นๆ ดู อ่านความคิดเห็นและประสบการณ์ของผู้ที่เคยใช้งานเว็บไซต์นั้น หากมีผู้ใช้งานหลายรายรายงานปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัย หรือการบริการที่ไม่น่าเชื่อถือ ให้หลีกเลี่ยงการใช้งานเว็บไซต์นั้น

ข้อควรจำเพิ่มเติม:

  • อัพเดทเบราว์เซอร์และระบบปฏิบัติการ: การอัพเดทซอฟต์แวร์เป็นประจำจะช่วยแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่อาจถูกโจมตีได้
  • ใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่ง: รหัสผ่านที่คาดเดาได้ง่ายเป็นเหมือนประตูที่เปิดไว้ให้แฮกเกอร์เข้ามาขโมยข้อมูลของคุณ
  • ระมัดระวังอีเมลและลิงก์: อย่าคลิกลิงก์ หรือเปิดไฟล์แนบจากอีเมลที่คุณไม่รู้จัก หรือสงสัย
  • ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส: โปรแกรมป้องกันไวรัสจะช่วยตรวจจับและกำจัดมัลแวร์ที่อาจเป็นอันตรายต่อคอมพิวเตอร์ของคุณ

การตรวจสอบความปลอดภัยของเว็บไซต์อาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แต่ด้วยความใส่ใจและความระมัดระวัง คุณสามารถปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณจากการถูกโจรกรรม และท่องโลกออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น