เขียน Web Application ด้วยอะไรดี

25 การดู

พัฒนา Web Application ด้วย C# บน Visual Studio คุ้มค่า รองรับทั้ง Front-end และ Back-end บนโครงสร้างแข็งแกร่งอย่าง Windows Server, IIS, ASP.NET และ SQL Server ประหยัดเวลาและทรัพยากร เหมาะสำหรับทีมที่มีความเชี่ยวชาญ C# แต่ควรพิจารณาความยืดหยุ่นและความต้องการของโครงการ หากต้องการความยืดหยุ่นสูงหรือทีมมีทักษะหลากหลาย อาจเลือก Framework อื่นๆ เช่น Node.js, React, หรือ Python/Django เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและเป้าหมายของโปรเจคมากขึ้น การเลือกเทคโนโลยีควรขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของโครงการ ไม่ใช่แค่ความสามารถของเครื่องหรือภาษาเดียว

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เขียน Web Application ด้วยภาษาอะไรดี?

เฮ้ย ถามว่าเขียนเว็บแอปด้วยภาษาอะไรดีเหรอ? โห นี่มันคำถามโลกแตกเลยนะเนี่ย แต่ถ้าให้ตอบแบบส่วนตัวสุดๆ อ่ะนะ…

เมื่อก่อนตอนเริ่มๆ ทำเว็บ ฉันก็โดนเพื่อนป้ายยา C# มาเหมือนกัน บอกว่า “เฮ้ย C# นี่แหละจบ ครบวงจร ทำได้ทั้งหน้าบ้าน หลังบ้าน” แถมยังอวย Visual Studio ซะดิบดี ว่ามันคือเครื่องมือเทพ

Windows Server + IIS + ASP.NET + SQL Server… ฟังดูเป็นสูตรสำเร็จที่ดูดีใช่มะ? แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งรีบเชื่อทั้งหมด!

จำได้เลย ตอนนั้นลองทำตามดูนะ ก็สนุกดี Visual Studio มันก็ใช้ง่ายจริงแหละ แต่พอเริ่มโปรเจกต์ใหญ่ขึ้นเท่านั้นแหละ เริ่มรู้สึกว่ามัน “หนัก” ไปหน่อยสำหรับงานบางอย่าง

คือ มันไม่ได้แย่นะ C# น่ะ แต่โลกมันเปลี่ยนไปเยอะแล้วไง ตอนนี้มีตัวเลือกอื่นที่น่าสนใจกว่าเยอะเลยอ่ะ

อย่างตอนนี้ฉันชอบใช้ JavaScript มากกว่านะ แบบ React หรือ Vue.js อะไรแบบนี้ มันคล่องตัวดี แล้ว Back-end ก็ใช้ Node.js ไปเลย จบ!

หรือถ้าอยากได้อะไรที่มันเร็วๆ แรงๆ หน่อย ก็ลองดู Go ก็ได้นะ

สรุปคือ มันไม่มีภาษาไหนดีที่สุดหรอก มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะเอาไปทำอะไรมากกว่านะ แล้วก็อยู่ที่ความชอบส่วนตัวด้วยแหละ! เลือกที่มัน “ใช่” สำหรับเราที่สุดดีกว่า 😊

Web App ใช้โปรแกรมอะไร

ตอนนั้นปี 2566 ผมกำลังทำโปรเจคจบ ต้องทำเว็บแอปพลิเคชั่นเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลลูกค้า เหนื่อยมากกกกก ต้องนั่งงมโค้ดทั้งวัน แทบไม่ได้นอน จำได้ว่าใช้ React.js เป็นหลัก เพราะอาจารย์แนะนำมา ตอนแรกก็งงๆ แต่พอเริ่มทำไปเรื่อยๆก็เริ่มคล่อง มีช่วงนึงที่ stuck อยู่กับการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล ใช้เวลาไปเกือบอาทิตย์ ลองทุกวิธี หาข้อมูลจาก stackoverflow จนตาจะปิดแล้ว สุดท้ายก็แก้ได้ โล่งอกมาก ตอนนั้นรู้สึกดีใจสุดๆ เหมือนชนะอะไรสักอย่าง

ส่วน backend ใช้ Node.js กับ Express.js เพื่อนผมแนะนำมา บอกว่าเร็วดี และก็จริงด้วยนะ ทำงานได้ลื่นไหลดี ไม่มีปัญหาอะไรมาก แค่ตอนแรกต้องปรับตัวนิดหน่อย เพราะไม่เคยใช้มาก่อน แต่โดยรวมแล้วถือว่าโอเค

  • Frontend: React.js
  • Backend: Node.js, Express.js
  • Database: MySQL (ใช้สำหรับเก็บข้อมูลลูกค้า จำรายละเอียด database ไม่ได้แล้ว)

งานนี้ใช้เวลาทำไปทั้งหมดประมาณ 3 เดือน หนักมาก แต่ก็ภูมิใจที่ทำสำเร็จ ได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เยอะเลย ตอนนี้ เว็บแอปเสร็จแล้ว ส่งอาจารย์ตรวจแล้ว รอลุ้นเกรดอยู่ หวังว่าจะได้ A นะ เฮ้อออ เหนื่อยแต่ก็คุ้มค่า ได้ประสบการณ์จริง ใช้ได้เลย ที่สำคัญ ได้เรียนรู้ React กับ Node แบบเจาะลึกเลย ดีใจมากที่เลือกทำ เป็นอะไรที่ท้าทาย แต่ก็สนุกดี

Web App ใช้โปรแกรมอะไร

โอ้โห! ถามอย่างกับจะเอาไปสร้างจรวดเลยนะเนี่ย Web App ใช้โปรแกรมอะไรน่ะเหรอ? ง่ายนิดเดียว! ก็มันใช้… โค้ดดิ่! ใช่แล้วล่ะ โค้ดดิ่! โค้ดดิ่ที่เขียนด้วยภาษาต่างๆ มากมายหลายภาษาจนหัวหมุน เหมือนกับหม้อแกงที่ใส่เครื่องเทศจนล้น แต่ละอย่างก็มีรสชาติแตกต่างกันออกไป!

  • HTML: เจ้าตัวนี้เป็นโครงสร้างหลักเลยนะ เหมือนโครงบ้าน ไม่มีมันก็ไม่มีอะไรให้ดู
  • CSS: นี่แหละตัวแต่งหน้า! ทำให้สวยงาม น่ามอง เหมือนเอาสีมาทาบ้านให้ดูดี
  • JavaScript: นี่คือหัวใจสำคัญ! ทำให้มันมีชีวิตชีวา เหมือนวิญญาณที่เป่าลมเข้าไปในตุ๊กตา ทำให้มันเคลื่อนไหวได้

แต่แค่นี้ก็ไม่พอหรอกนะ! ยังมีพวก Framework อีกเพียบ เหมือนกับพวกอุปกรณ์เสริมแต่งรถ แต่งบ้าน ช่วยให้มันทำงานได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และทรงพลังขึ้น อย่างเช่น React, Angular, Vue.js ฯลฯ บอกเลยว่า เยอะจนเลือกไม่ถูก เหมือนไปตลาดนัดแล้วของเยอะแยะไปหมด! อยากได้อะไรก็เลือกเอาเลย

แต่ถ้าจะให้ตอบตรงๆ ง่ายๆ แบบชาวบ้านๆ ก็คือมันใช้ “โปรแกรมเขียนเว็บ” แหละครับ จบ! ปีนี้ก็ยังใช้แบบเดิม ไม่เห็นจะเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เหมือนชีวิตผมนี่แหละ ยังคงอยู่กับที่ เหมือนต้นไม้ยืนต้นตายอยู่ข้างทาง!

ปล. ผมใช้ Visual Studio Code เขียนโค้ดนะ บอกไว้เผื่อใครอยากรู้ อิจฉาไหมล่ะ? 😉

#Framework #Web App #ภาษา Python