เทคโนโลยีมี 2 ประเภทมีอะไรบ้าง

38 การดู

เทคโนโลยีแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก:

  1. เทคโนโลยีพื้นฐาน: พัฒนาหรือจัดหาได้ง่ายภายในประเทศ ใช้เวลาสั้น ตัวอย่างเช่น ตู้เย็น โทรศัพท์มือถือ เป็นเทคโนโลยีที่เข้าถึงได้และพัฒนาได้รวดเร็ว

  2. เทคโนโลยีขั้นกลาง: ต้องอาศัยการนำเข้าจากต่างประเทศ แต่สามารถพัฒนาต่อยอดได้ภายในประเทศหากมีแผนงานที่วางไว้อย่างเป็นระบบ เช่น โทรทัศน์ เครื่องเสียง จำเป็นต้องมีการลงทุนและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เทคโนโลยีแบ่งเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง?

เอ่อ เทคโนโลยีง่ะนะ ถามว่ามีกี่ประเภท คือเอาจริงๆ มันก็แล้วแต่ว่าเราจะมองจากมุมไหนป่ะ? แต่ถ้าให้พูดแบบง่ายๆ ที่เคยๆ ได้ยินมานะ มันจะมีแบบ…

1. เทคโนโลยีพื้นๆ: อันนี้ก็แบบที่เราทำเองได้ ไม่ต้องไปง้อใครมากอ่ะ อย่างตู้เย็นเนี่ย คิดดูดิ สมัยก่อนอาจจะยาก แต่เดี๋ยวนี้ช่างไทยเก่งๆ ทำได้สบายบรื๋อ หรือโทรศัพท์บ้านอ่ะ ที่บ้านเคยมีเลย ตอนเด็กๆ ชอบเอามาหมุนเล่น

2. เทคโนโลยีกลางๆ: อันนี้อาจจะต้องพึ่งของนอกบ้าง แต่ถ้าเราตั้งใจจริงก็พัฒนาเองได้นะ อย่างทีวีเนี่ยเมื่อก่อนต้องซื้อ แต่เดี๋ยวนี้โรงงานในไทยก็ทำกันเยอะแยะไปหมด เครื่องเสียงอีก พวกแอมป์ พวกอะไรแบบนี้

คือจริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้มีแค่สองอย่างหรอกนะ แต่ถ้าให้ยกตัวอย่างแบบที่เราเห็นกันบ่อยๆ ก็คงประมาณนี้แหละมั้ง… หรือเปล่า? ไม่แน่ใจเหมือนกันแฮะ

เทคโนโลยีสารสนเทศประกอบด้วยส่วนใดบ้าง

โอ๊ยตายแล้ว ถามยากจัง! นี่แหละนะที่เรียนมาตั้งนานยังงงอยู่เลย เอาแบบที่ฉันเข้าใจละกันนะ ปีนี้เองนะ ที่ทำงานฉัน ใช้ระบบใหม่หมดเลย แบบว่า โคตรล้ำสมัย!

  • ศูนย์ข้อมูล: ที่ทำงานฉันใช้ศูนย์ข้อมูลของ True นะ จำได้แม่นเลย เพราะเดือนที่แล้ว ระบบล่ม ฉันต้องวิ่งไปที่ห้องเซิฟเวอร์ ร้อนมากกกกกกกกก แทบละลาย! ตอนนั้นเห็นเครื่องเซิฟเวอร์เป็นแถวเลย ใหญ่โตมโหฬาร เหมือนอยู่ในหนังไซไฟเลยอ่ะ

  • เครื่องคอมพิวเตอร์: ใช้แต่แล็ปท็อป Dell รุ่นใหม่ ปีนี้ได้อัพเกรดด้วย เร็วขึ้นเยอะ แต่บางทีก็ยังค้าง เซ็งเหมือนกัน! จำรุ่นไม่ได้ แต่เป็นสีเงิน สวยดี แต่พกไปไหนมาไหนก็หนักเหมือนหินก้อนโต อยากได้แบบเบาๆบ้างจัง

  • เครือข่ายคอมพิวเตอร์: อันนี้คือแบบ ไวไฟ เน็ตบ้าน เน็ตออฟฟิศ พวกนี้ คือจำเป็นมาก ถ้าเน็ตหลุดเมื่อไหร่ งานฉันพังหมด จริงๆแล้วระบบเน็ตที่ออฟฟิศฉันใช้ของ CAT แต่ตอนนี้มีการใช้ระบบคลาวด์เพิ่มเข้ามาด้วย บอกตรงๆงงอยู่ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

  • อุปกรณ์จัดการฐานข้อมูลและระบบการกำกับดูแล: อันนี้ยากสุด ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่รู้ว่ามีโปรแกรมอะไรสักอย่าง ที่ใช้จัดการข้อมูลลูกค้า แบบละเอียดมาก มีการเข้ารหัสอะไรด้วย เพื่อความปลอดภัย แต่ฉันก็ไม่รู้รายละเอียด พวกนี้เป็นหน้าที่ของฝ่ายไอที ฉันแค่ใช้โปรแกรมให้ได้งานก็พอ

อ้อ ลืมบอก โครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด มันเชื่อมต่อกันหมดแหละ แบบ บูรณาการ นั่นแหละ ภาษาเทคนิค ฉันก็พอจะรู้บ้าง แต่ไม่ถึงกับเชี่ยวชาญ เหมือนมันเป็นระบบใหญ่มากๆ ที่ซับซ้อน แต่ก็ทำงานได้อย่างราบรื่น ส่วนใหญ่ นะ ฮ่าๆๆ

ประเภทใหญ่ๆของสารสนเทศมีอะไรบ้าง

โอ๊ย ประเภทของข้อมูลเหรอ? ตอนเรียนบรรณารักษ์ อาจารย์แกสอนแบ่งแบบง่ายๆ คือ สิ่งที่พิมพ์ได้ สิ่งที่ไม่ได้พิมพ์ แล้วก็ไอ้พวกดิจิทัลทั้งหลายน่ะ แต่ชีวิตจริงมันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ!

  • สิ่งที่พิมพ์: หนังสือ นิตยสาร โบรชัวร์ เอกสารต่างๆ (พวกใบปลิวลดราคาตามเสาไฟฟ้าก็ใช่อ่ะนะ)
  • สิ่งที่ไม่พิมพ์: รูปภาพ วิดีโอ เสียงบันทึก แผนที่ (เคยหลงทางเพราะแผนที่กระดาษเนี่ยแหละ!)
  • สื่ออิเล็กทรอนิกส์: เว็บไซต์ ฐานข้อมูล แอปพลิเคชั่น (ติดเกมในมือถือก็ถือเป็นข้อมูลป่ะเนี่ย?)

จริงๆ ตอนนี้เส้นแบ่งมันเริ่มเบลอๆ แล้วนะ เพราะหลายอย่างมันก็อยู่ทั้งในรูปแบบที่พิมพ์ได้ และรูปแบบดิจิทัล อย่างหนังสือพิมพ์เดี๋ยวนี้ก็อ่านออนไลน์ได้ หรือรูปภาพก็อัดออกมาเป็นรูปได้อีก เฮ้อ!

ความสําคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ มีอะไรบ้าง

เอ้า! ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศนี่เหรอ? บอกเลยว่าโคตรสำคัญ! เหมือนกับข้าวสารกับชีวิตคนไทยเลย! ไม่มีไม่ได้นะยะ!

  • เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสารสนเทศแบบสุดๆ: นี่ไม่ใช่แค่เร็วขึ้นนะ แต่เร็วขึ้นแบบติดจรวด! สมัยก่อนผมต้องนั่งพิมพ์รายงานส่งอาจารย์ทั้งคืน เดี๋ยวนี้? แป๊บเดียวเสร็จ! เหลือเวลาไปนั่งเล่นเกมส์ได้อีกเพียบ!

  • เก็บสารสนเทศได้สะดวกสุดๆ: สมัยก่อนเก็บเอกสารเกะกะเต็มบ้าน เหมือนห้องเก็บของยายผมเลย เดี๋ยวนี้? เก็บไว้ใน Cloud สบายใจเฉิบ! หายห่วงเรื่องไฟไหม้ น้ำท่วม หรือหนูแทะอีกต่างหาก!

  • ระบบอัตโนมัติจัดการสารสนเทศเนียนๆ: ก่อนหน้านี้ทำงานงมๆ เหมือนหาเข็มในมหาสมุทร แต่เดี๋ยวนี้? AI ช่วยจัดการ เหมือนมีเลขาส่วนตัวแสนฉลาดคอยช่วยเหลือ ชีวิตสบายไปเลย!

  • เข้าถึงสารสนเทศไวปานจรวด: อยากรู้เรื่องอะไร แค่กดปุ๊บ! ข้อมูลพรั่งพรู เหมือนเปิดประตูสวรรค์เข้าสู่คลังความรู้ สมัยก่อนต้องวิ่งไล่ห้องสมุด กว่าจะหาเจอ… โอ๊ยยยยย! เหนื่อย!

ปีนี้ (2566) เทคโนโลยีสารสนเทศพัฒนาไปไกลมาก เหมือนกับรถยนต์ที่พัฒนาจากรถม้า ความสะดวกสบายที่ได้มาคุ้มค่ากับความเปลี่ยนแปลง บอกเลยว่า ใครไม่ใช้ ตกยุคแน่ๆ!

เพิ่มเติมเล็กน้อย (แต่สำคัญนะ):

  • การศึกษา: การเรียนการสอนแบบออนไลน์ เข้าถึงความรู้ได้ง่ายขึ้น สะดวกสบายกว่าเยอะ!
  • ธุรกิจ: การตลาดดิจิทัล E-commerce ช่วยเพิ่มยอดขาย สร้างรายได้แบบก้าวกระโดด!
  • การแพทย์: การรักษาพยาบาลทางไกล การวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ ช่วยให้การรักษาแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น!

เห็นไหมละ สำคัญขนาดนี้ ใครจะมาบอกว่าไม่สำคัญล่ะ!

องค์ประกอบของเทคโนโลยีมี 5 องค์ประกอบอะไรบ้าง

ห้า… องค์ประกอบของเทคโนโลยี ราวกับสายลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้า…

  • ฮาร์ดแวร์: เหล็กกล้า… พลาสติก… แก้ว… สัมผัสได้ จับต้องได้… เหมือนดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับในคืนมืดมิด… สำคัญ เหมือนใจกลางของจักรวาล… ปีนี้ ฮาร์ดแวร์ก้าวไปอีกขั้น… เร็วขึ้น… เล็กลง… ฉลาดขึ้น… (ฉันเคยฝันว่าฮาร์ดแวร์จะกลายเป็นทรายที่ไหลผ่านมือได้)

  • ซอฟต์แวร์: โค้ด… อัลกอริทึม… ภาษาที่เครื่องจักรเข้าใจ… เหมือนเสียงกระซิบของนางฟ้า… สำคัญ เหมือนมนต์ขลังที่ขับเคลื่อนโลก… ปีนี้ ซอฟต์แวร์เรียนรู้ได้เอง… คิดเองได้… เก่งกว่าเดิมเยอะเลย… (เพื่อนบอกว่าซอฟต์แวร์กำลังจะครองโลก ฉันว่าก็คงไม่แน่)

  • ข้อมูล: ตัวเลข… ข้อความ… รูปภาพ… เสียง… ทุกสิ่งที่เราป้อนให้… เหมือนความทรงจำที่เก็บไว้ในลิ้นชัก… สำคัญ เหมือนขุมทรัพย์ที่รอการค้นพบ… ปีนี้ ข้อมูลเยอะจนล้น… ต้องจัดการให้ดีๆ… ไม่งั้นจะจม… (ฉันกลัวข้อมูลหาย… เหมือนกลัวความทรงจำจางหาย)

  • กระบวนการ: ขั้นตอน… วิธีการ… ลำดับการทำงาน… เหมือนแผนที่นำทาง… สำคัญ เหมือนเข็มทิศที่ชี้ทาง… ปีนี้ กระบวนการซับซ้อนขึ้น… ต้องปรับตัวให้ทัน… ไม่งั้นจะหลงทาง… (บางทีกระบวนการก็เหมือนเขาวงกต… หาทางออกไม่เจอ)

  • บุคลากร: คน… ผู้ใช้… ผู้พัฒนา… ผู้ดูแล… เหมือนลมหายใจของเทคโนโลยี… สำคัญ เหมือนหัวใจที่เต้น… ปีนี้ คนเก่งๆ เยอะขึ้น… แต่คนเข้าใจเทคโนโลยีจริงๆ ยังน้อยอยู่… (ฉันอยากเป็นบุคลากรที่เก่งกาจ… แต่ตอนนี้ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ)

ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ในระบบสารสนเทศหมายถึงอะไร?

ฮาร์ดแวร์ในระบบสารสนเทศเหรอ… อุปกรณ์ต่างๆที่ทำงานร่วมกันอะนะ ประมวลผล เก็บข้อมูล แสดงผล… ใช่ๆ คอมพิวเตอร์ไง อุปกรณ์รอบข้างด้วย…

  • หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) พวกคีย์บอร์ด เมาส์ สแกนเนอร์… เอ้อ สำคัญ! ไม่มีพวกนี้จะป้อนข้อมูลเข้าไปได้ไงวะ?
  • หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) สมองกลเลยอันนี้! หัวใจหลักของคอมพิวเตอร์ ประมวลผลทุกอย่าง!
  • หน่วยความจำหลัก (Main Memory Unit) RAM ไง! ที่เก็บข้อมูลชั่วคราวตอนเปิดโปรแกรม… ยิ่งเยอะยิ่งดี!
  • หน่วยแสดงผล (Output Unit) จอภาพ เครื่องพิมพ์ ลำโพง… ก็ต้องมีสิ ไม่งั้นจะเห็น/ได้ยินอะไรได้ไง? สำคัญสุดๆ
  • หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage Unit) ฮาร์ดดิสก์ SSD… ที่เก็บข้อมูลถาวร เก็บหนัง เก็บเพลง… เก็บทุกอย่าง!

อืม… แล้วพวก External Hard Drive นี่นับเป็นอะไรดี? หน่วยเก็บข้อมูลสำรองเหมือนกันป่ะ? หรือเป็นอุปกรณ์รอบข้างด้วย? ช่างมันเหอะ…

เออ! แล้วพวกการ์ดจอ นี่นับเป็นอะไร? หน่วยแสดงผล? หรือเป็นส่วนหนึ่งของ CPU? โห… เริ่มงงแฮะ…

สรุปคือ ฮาร์ดแวร์ = อุปกรณ์ทั้งหมดที่จับต้องได้ ในระบบสารสนเทศ จบ! (มั้ง?)

เพิ่มข้อมูล:

  • CPU ปีนี้ของ Intel แรงกว่าปีก่อนเยอะเลยนะ (i9 รุ่นล่าสุดนี่… หืม…)
  • SSD เร็วกว่า HDD จริงๆ แนะนำให้ใช้ SSD เป็น drive หลัก!
  • RAM อย่างน้อย 16GB นะ 2024 แล้ว!

SDLC คืออะไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง

SDLC เหรอ? โอ้โห ชื่อมันดูดี๊ดูดี แต่จริงๆ แล้วก็แค่ วงจรอุบาทว์ เอ้ย! วงจรชีวิตของการสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั่นแหละ! ใครมันตั้งชื่อให้เว่อร์วังขนาดนี้เนี่ย!

SDLC มันก็เหมือน ตำราทำครัว ที่บอกว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง ไม่งั้นกินไม่ได้! (หรือกินได้แต่ท้องเสีย) มีอยู่ 6 ขั้นตอนหลักๆ ที่โปรแกรมเมอร์ มือใหม่ (และมือเก่าที่ยังไม่เจ๊ง) ต้องท่องจำให้ขึ้นใจ:

  • วางแผน (Requirement Analysis): ขั้นตอนแรกก็ต้องมานั่ง มโน เอ้ย! วิเคราะห์ความต้องการก่อนว่าลูกค้า (หรือเจ้านาย) อยากได้อะไรกันแน่ บางทีลูกค้าก็ไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ! เหมือนอยากกินส้มตำ แต่จริงๆ อยากได้ไก่ย่าง!
  • ออกแบบระบบ (System Design): พอลูกค้าบอกความต้องการ (ที่อาจจะเปลี่ยนใจวันละสามเวลา) เราก็ต้องมา วาดฝัน เอ้ย! ออกแบบระบบว่าจะสร้างบ้าน (โปรแกรม) แบบไหน จะเอาห้องนอน (ฟีเจอร์) กี่ห้อง จะเอาห้องน้ำ (บั๊ก) กี่ห้อง!
  • พัฒนา (Implementation): ขั้นตอนนี้แหละที่โปรแกรมเมอร์ หัวร้อน ที่สุด! ต้องมานั่งเขียนโค้ด (ภาษามนุษย์ต่างดาว) ให้คอมพิวเตอร์มันเข้าใจ บางทีเขียนไปเขียนมากลายเป็น โค้ดนรก ที่ตัวเองก็อ่านไม่ออก!
  • ทดสอบ (Testing): หลังจากสร้างบ้านเสร็จ ก็ต้องมา สุ่ม เอ้ย! ทดสอบว่าใช้งานได้จริงไหม ประตูเปิดปิดได้ไหม น้ำไหลไฟสว่างหรือเปล่า ถ้าเจอบั๊ก (แมลง) ก็ต้องรีบกำจัดก่อนที่มันจะ กัดกิน ระบบเราจนพัง!
  • ติดตั้ง (Deployment): พอทดสอบจนมั่นใจ (หรือขี้เกียจแก้แล้ว) ก็เอาโปรแกรมไป ประจาน เอ้ย! ติดตั้งให้ลูกค้าใช้งานจริง! ขั้นตอนนี้แหละที่ ของจริง เริ่มต้น!
  • บำรุงรักษา (Maintenance): โปรแกรมมันก็เหมือนรถยนต์ ใช้ไปนานๆ ก็ต้อง ซ่อมบำรุง เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เติมลมยาง! โปรแกรมก็เหมือนกัน ต้องคอยแก้บั๊ก อัพเดทฟีเจอร์ ไม่งั้นก็ เน่า!

สรุป: SDLC มันก็แค่ ชื่อเก๋ๆ ของขั้นตอนการสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั่นแหละ! อย่าไปกลัวมัน!

ข้อมูลเพิ่มเติม (เผื่อใครอยากรู้ลึกกว่านี้):

  • จริงๆ แล้ว SDLC มันมีหลายแบบนะ ไม่ได้มีแค่แบบเดียว บางแบบก็ เยอะ ขั้นตอนกว่านี้อีก! (ไม่ต้องถามนะว่ามีอะไรบ้าง ขี้เกียจพิมพ์!)
  • สมัยก่อน SDLC เขาฮิตแบบ น้ำตก คือทำทีละขั้นตอน ห้ามย้อนกลับ! แต่เดี๋ยวนี้เขาฮิตแบบ คล่องตัว คือทำไปแก้ไปได้ตลอดเวลา! (เหมือนชีวิตคนเรานั่นแหละ!)
  • เครื่องมือที่ใช้ในแต่ละขั้นตอนของ SDLC ก็มี เยอะแยะ นับไม่ถ้วน! ตั้งแต่กระดาษดินสอ ไปจนถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์สุดไฮเทค!
  • ถ้าใครอยากเป็นโปรแกรมเมอร์เก่งๆ ก็ต้อง เข้าใจ SDLC นะ! แต่ไม่ต้อง ท่องจำ ทุกขั้นตอนก็ได้! (แค่รู้ว่ามันมีอยู่ก็พอ!)
#ซอฟต์แวร์ #ฮาร์ดแวร์ #เทคโนโลยี