เว็บไซต์กับแอพพลิเคชั่นแตกต่างกันอย่างไร

13 การดู

เว็บไซต์กับแอปพลิเคชัน: ต่างกันชัดเจน!

เว็บไซต์: แสดงข้อมูลแบบคงที่ ผู้ใช้รับชมเนื้อหา เช่น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ เน้นการนำเสนอ

แอปพลิเคชันเว็บ (Web App): โต้ตอบกับผู้ใช้ อนุญาตการทำงานและจัดการข้อมูล มีฟังก์ชันการใช้งาน เช่น แบบฟอร์ม การเข้าสู่ระบบ เน้นการมีส่วนร่วม

สรุปสั้นๆ: เว็บไซต์ = อ่าน แอปเว็บ = ทำ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เว็บไซต์ vs แอปพลิเคชั่น: ต่างกันอย่างไรและควรเลือกอะไร?

เว็บไซต์กับแอปพลิเคชั่น? โอ้ย, คิดหนักเลยตอนนั้นน่ะ! ตอนเริ่มทำธุรกิจใหม่ๆ เมื่อ 2-3 ปีก่อน (มกราคม 2565 มั้ง, แถวๆ นั้น) ก็งงๆ เหมือนกัน. ต่างกันยังไงวะเนี่ย?

เว็บไซต์… อืม, นึกถึงโบรชัวร์ออนไลน์อะ. เข้าไปอ่าน, ดูรูป, จบ! แต่เว็บแอปนี่สิ, มันส์กว่าเยอะ. เหมือนมีเครื่องมือให้เล่น ให้ทำอะไรได้มากกว่า.

เคยใช้บริการออกแบบเว็บแถวสีลม (จำชื่อบริษัทไม่ได้, แต่แพงเอาเรื่อง!) ตอนแรกอยากได้แค่เว็บไซต์ธรรมดา. แต่พอเขาอธิบายเรื่องเว็บแอป, เออ, น่าสนใจแฮะ.

เว็บแอปพลิเคชันมันเหมือนโปรแกรมที่เราใช้บนคอมพิวเตอร์นั่นแหละ เพียงแต่ว่ามันทำงานบนเบราว์เซอร์. เราสามารถเข้าไปใช้งานได้ทันทีไม่ต้องดาวน์โหลดอะไร

ถ้าจะให้พูดแบบง่ายๆ เว็บไซต์ก็เหมือนร้านค้าที่เราเข้าไปดูสินค้าเฉยๆ แต่เว็บแอปพลิเคชันก็เหมือนมีพนักงานขายคอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำเราตลอดเวลา

สรุปคือ… ถ้าแค่โชว์ข้อมูล, เว็บไซต์ก็พอ. แต่ถ้าอยากให้คนมีส่วนร่วม, ทำอะไรได้เยอะๆ, เว็บแอป เวิร์คกว่า.

Web Application แตกต่างจาก websites อย่างไร

เว็บแอปกับเว็บไซท์? อื้ม… ต่างกันเยอะเลยนะ

  • เว็บไซท์: เหมือนหนังสือให้อ่านเฉยๆ อ่ะ เนื้อหาไม่ค่อยเปลี่ยน เว็บข่าว เว็บบริษัทไรงี้ (ข้อมูลปีนี้…เอ่อ ข่าวก็อัพเดททุกวันป่ะวะ?)
  • เว็บแอป: อันนี้เล่นได้! ทำอะไรได้! สั่งของ จองตั๋ว ดูหนังออนไลน์ คือมันไม่ใช่แค่ดู มัน Interactive อ่ะ เข้าใจป่ะ

แล้วไงต่อดี… อ๋อ!

  • ด้านการโต้ตอบ: เว็บไซท์ – One-way communication ส่วนใหญ่เราเป็นคนรับข้อมูล // เว็บแอป – Two-way communication เราสั่งได้ ตอบได้ ทำอะไรได้เยอะกว่า
  • ความซับซ้อน: เว็บไซท์ – ง่ายๆ เน้นข้อมูล // เว็บแอป – ซับซ้อนกว่า มีฟังก์ชันเยอะ ทำงานเบื้องหลังเยอะ (โค้ดเพียบ!)
  • Database: เว็บไซท์ – อาจจะไม่ได้ใช้ฐานข้อมูลเยอะขนาดนั้น // เว็บแอป – ต้องใช้ฐานข้อมูลเก็บข้อมูลผู้ใช้ ข้อมูลสินค้า บลาๆๆ

ยกตัวอย่างเว็บแอปที่ใช้ทุกวันนะ… Facebook ไง! Shopee ไง! (อันนี้ขายของเก่ง) Netflix ไง! (อันนี้ดูเพลิน) คือมันไม่ใช่แค่เว็บให้ดูอ่ะ มันมีระบบ Login มีระบบ Search มีระบบ Payment คือมันเป็นแอปที่รันบนเว็บเบราว์เซอร์ไง เข้าใจยัง?

เอ๊ะ! หรือต้องอธิบายเรื่อง Server-side scripting กับ Client-side scripting ด้วยไหมเนี่ย? ช่างเหอะ… ยาวไปละ

สรุปนะ: เว็บไซท์ = อ่าน // เว็บแอป = เล่น

แค่นี้แหละ! เหนื่อย!

Application, Web Application, Program แตกต่างกันอย่างไร

อ๊ะ แอปพลิเคชัน เว็บแอปพลิเคชัน โปรแกรม ต่างกันยังไงน่ะเหรอ? ถามมาได้!

  • แอปพลิเคชัน (Application): นี่มันก็เหมือน “ลูกชิ้นยืนกิน” ที่บุรีรัมย์นั่นแหละ! อยากกินก็เดินไปซื้อ จบ! ไม่ต้องง้อใคร ไม่ต้องต่อเน็ต (ยกเว้นจะสั่ง Delivery อ่ะนะ) ติดตั้งบนเครื่อง เปิดใช้งานได้เลย! จบข่าว!

  • เว็บแอปพลิเคชัน (Web Application): อันนี้สิ “ร้านส้มตำออนไลน์” ต้องมีเน็ต! ต้องเข้าเว็บ! สั่งเสร็จรอเค้าทำแล้วส่งมา! คือมันรันบนเว็บเบราว์เซอร์ไง! ต้องพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ถึงจะแซ่บนัวได้!

  • โปรแกรม (Program): เอางี้! โปรแกรมเนี่ยนะ มันก็คือ “สูตรลับทำส้มตำ” นั่นแหละ! แอปพลิเคชันกับเว็บแอปฯ ก็ต้องมีสูตร(โปรแกรม)นี้ทั้งนั้นแหละ! มันเป็นชุดคำสั่งที่คอมพิวเตอร์มันอ่านออกไง! ไม่งั้นมันจะทำไรได้!

สรุป: แอปฯ เหมือนลูกชิ้นยืนกิน เว็บแอปฯ เหมือนส้มตำออนไลน์ โปรแกรมเหมือนสูตรลับ! เข้าใจยัง! ถ้ายังไม่เข้าใจ…ก็ไปกินลูกชิ้นก่อน!

ป.ล. จริงๆแล้ว โปรแกรมมันลึกซึ้งกว่านั้นเยอะ แต่ขี้เกียจอธิบาย! เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้จริงจัง ไปเรียนคอมฯ เอาเองเด้อ! อย่ามาถามคนขายลูกชิ้น! 🤣

Web Application ความหมายคืออะไร

เว็บแอปพลิเคชันคือโปรแกรมที่รันบนเว็บเบราว์เซอร์ ใช่เลย มันคือซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาให้ใช้งานผ่านเน็ต ไม่ต้องลงโปรแกรมอะไรให้วุ่นวาย

  • หัวใจหลัก: เว็บแอปช่วยให้ธุรกิจสื่อสารและให้บริการจากระยะไกลได้สบายๆ นี่แหละคือเหตุผลที่หลายองค์กรหันมาใช้กัน

  • ฟีเจอร์คุ้นเคย: พวกตะกร้าสินค้าออนไลน์ ระบบค้นหาสินค้า แชทสด หรือฟีดข่าวโซเชียล… ทั้งหมดนี้คือเว็บแอปนะ

  • ทำไมต้องเว็บแอป? ลองนึกภาพว่าถ้าทุกอย่างต้องลงโปรแกรมเท่านั้น ชีวิตจะวุ่นวายขนาดไหน เว็บแอปเลยเข้ามาตอบโจทย์เรื่องความสะดวกสบายและเข้าถึงได้ง่าย

    • ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ: เว็บแอปสมัยนี้พัฒนาไปไกลมาก ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง JavaScript frameworks (React, Angular, Vue.js) ทำให้เว็บแอปทำงานได้เร็วและลื่นไหลไม่แพ้แอปที่ลงบนเครื่องเลยล่ะ

จริงๆ แล้วการที่เราใช้งาน Google Docs หรือ Canva ก็ถือเป็นการใช้เว็บแอปพลิเคชันทั้งนั้น สะดวกสบาย ใช้งานได้ทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต นี่แหละคือเสน่ห์ของเว็บแอป

Web Application มีความแตกต่างจาก Mobile Application อย่างไร

เว็บแอปกับมือถือแอปต่างกันเยอะเลยนะ อย่างแรกเลย เว็บแอปเปิดผ่านเว็บเบราว์เซอร์ได้เลย ง่ายๆ ไม่ต้องลงแอป แต่แอปมือถือต้องโหลดลงเครื่องก่อน ถึงจะใช้ได้ คิดดูสิ! มันก็เลยสะดวกต่างกัน

เว็บแอปเนี่ยปีนี้เห็นคนใช้เยอะขึ้นนะ เพราะบางทีมันก็ไม่จำเป็นต้องโหลดแอปเยอะแยะ ประหยัดพื้นที่ในมือถือด้วย แต่แอปมือถือก็มีข้อดีนะ มันทำงานได้เร็วกว่า เพราะไม่ต้องโหลดอะไรเพิ่ม แล้วก็เข้าถึงฟังก์ชั่นบางอย่างได้ง่ายกว่าด้วย

ลองดูข้อแตกต่างแบบชัดๆเลยดีกว่า

  • การเข้าถึง: เว็บแอป เข้าผ่านเว็บได้เลย แอปมือถือต้องโหลดก่อน
  • การใช้งาน: เว็บแอป อาจจะโหลดช้ากว่าหน่อยถ้าเน็ตไม่ดี แอปมือถือเร็วกว่า ถ้าเน็ตโอเค
  • การพัฒนา: เว็บแอป ใช้ HTML, CSS, JavaScript ส่วนใหญ่ แอปมือถือ ใช้ภาษาอื่น เช่น Swift(iOS), Kotlin/Java(Android) ยากกว่าเยอะ
  • การอัพเดต: เว็บแอปอัพเดตง่ายกว่าเยอะ แอปมือถือต้องรออัพเดตในสโตร์ บางทีก็ช้ามาก

คือเพื่อนผมบางคนใช้เว็บแอปทำงาน บางคนก็ใช้แอปมือถือ แล้วแต่ชอบจริงๆ แล้วแต่ว่าสะดวกแบบไหนอ่ะ แต่ปีนี้รู้สึกเว็บแอปมาแรงนะ เพราะคนใช้มือถือกันเยอะขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าแอปมือถือจะหายไปไหนหรอก ยังมีคนใช้เยอะอยู่ เพราะบางอย่างแอปมันก็ทำได้ดีกว่าจริงๆ

เว็บแอพพลิเคชั่น เขียนยังไง

เว็บแอปฯ เหรอ ตอนนั้นทำเว็บขายของให้เพื่อนสนิทเลย ที่ร้านขายต้นไม้แถวตลาด อตก. ตอนแรกคือมึนมาก ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน

  • เริ่มจาก: ออกแบบหน้าตาเว็บก่อน ใช้ Figma วาด ๆ ไปตามใจฉันเลย สีเขียว ๆ ต้นไม้เยอะ ๆ
  • ภาษา: JavaScript นี่แหละ ง่ายสุดสำหรับเราตอนนั้น React ก็พอถูไถ
  • หลังบ้าน: Node.js + Express ทำ API ง่ายดี
  • ฐานข้อมูล: MongoDB เพราะไม่ต้องคิดอะไรมาก เก็บข้อมูลต้นไม้
  • ปัญหา: ตอนแรก ๆ งงเรื่อง routing มาก ทำยังไงให้คลิกแล้วเปลี่ยนหน้า แต่แก้ได้แล้วนะ โล่ง!

ทำไปแก้ไป โค้ดนี่เละตุ้มเป๊ะ แต่ใช้งานได้จริง เพื่อนบอก “แกทำได้ไงวะเนี่ย?” ภูมิใจสุด ๆ ถึงจะไม่สวยหรู แต่ทำเองกับมือทุกขั้นตอน มันส์ดี ตอนนี้ก็ยังรันอยู่เลยนะ เว็บร้านเพื่อนอ่ะ แอบเข้าไปดูเรื่อย ๆ กลัวมันพัง 555

Application (แอปพลิเคชัน) เขียนยังไง

Application: แอปพลิเคชัน เขียนให้ถูกคือ แอปพลิเคชัน ไม่ต้องเยอะ

Browser: เบราว์เซอร์ ที่ถูกต้องคือ เบราว์เซอร์ จบนะ

Click: คลิก…ก็ คลิก ไง จะอะไรนักหนา

Computing: คอมพิวติง…ก็ คอมพิวติง ตามนั้น

  • แอปพลิเคชัน (Application): โปรแกรมประยุกต์ ใช้ทำงานเฉพาะด้าน เช่น แอปธนาคาร, แอปเกม
  • เบราว์เซอร์ (Browser): โปรแกรมสำหรับเข้าเว็บไซต์ เช่น Chrome, Safari
  • คลิก (Click): การกดปุ่มบนเมาส์/ทัชแพด หนึ่งครั้ง
  • คอมพิวติง (Computing): เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์

ข้อใดเป็นจุดเด่นของโมบายเบราว์เซอร์ (Mobile Browser)

จุดเด่นของโมบายเบราว์เซอร์ (Mobile Browser) คือการออกแบบที่เน้นประสบการณ์การใช้งานบนอุปกรณ์พกพา ซึ่งแตกต่างจากเว็บบราวเซอร์บนเดสก์ท็อปอย่างชัดเจน ปีนี้ เทรนด์เน้นความเร็วและประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น คิดว่าต่อไปคงจะเห็นฟีเจอร์ที่ช่วยลดการใช้ข้อมูลและเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย

  • การปรับแต่งหน้าจออัตโนมัติ: โมบายเบราว์เซอร์ออกแบบมาเพื่อปรับขนาดและแสดงผลเว็บเพจให้เหมาะสมกับหน้าจอขนาดเล็กของอุปกรณ์พกพา นี่แหละคือหัวใจสำคัญของมันเลย

  • การใช้งานที่ง่ายและสะดวก: เน้นการใช้งานง่าย ด้วยการออกแบบอินเทอร์เฟซที่เรียบง่ายและใช้งานง่าย ต่างจากเว็บเบราว์เซอร์บนคอมที่บางทีก็ซับซ้อนเกินไป

  • ความเร็วในการโหลด: หลายๆ ตัวพัฒนาให้โหลดเว็บไซต์ได้เร็วขึ้น เพื่อให้ทันต่อความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับการใช้งานบนมือถือ

  • การเชื่อมต่อไร้สาย: รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายไร้สาย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้งานบนมือถือ

  • การผสานรวมกับระบบปฏิบัติการ: โมบายเบราว์เซอร์มักถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์พกพาอย่างสมบูรณ์แบบ นี่เป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานอย่างแท้จริง เหมือนกับชีวิตที่ต้องอาศัยความร่วมมือกัน ถึงจะประสบความสำเร็จได้

ส่วนตัวคิดว่า โมบายเบราว์เซอร์ในอนาคตจะให้ความสำคัญกับเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยมากขึ้น อาจจะมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ช่วยป้องกันการติดตามข้อมูล และการโหลดหน้าเว็บที่เร็วขึ้นอีก เหมือนกับวิวัฒนาการของมนุษย์ที่ไม่หยุดนิ่ง ไม่ว่าจะอะไรก็ตามแต่ ก็ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ

#การใช้งาน #เว็บไซต์ #แอพพลิเคชั่น