FPS ตกเกิดจากอะไรได้บ้าง

7 การดู

เฟรมเรตตก? ลองลดรายละเอียดกราฟิกในเกมลงสักหน่อย อาจช่วยให้เครื่องไม่ต้องทำงานหนักเกินไป และปิดโปรแกรมที่ไม่จำเป็นเบื้องหลัง เพื่อคืนทรัพยากรให้เกมของคุณลื่นไหลขึ้น ลองดูนะ!

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

FPS ร่วงกราว: ค้นหาสาเหตุและกู้ชีพเฟรมเรตให้เกมลื่นไหล

อาการเฟรมเรต (FPS) ตก เป็นฝันร้ายของเหล่าเกมเมอร์ PC ที่ทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมอันแสนสนุกกลายเป็นความหงุดหงิดและหัวเสียได้ทันที ภาพกระตุก หน่วง ช้า ทำให้การตอบสนองในเกมผิดเพี้ยนไปหมด แต่ไม่ต้องกังวล! ก่อนที่จะโทษเกมหรือฮาร์ดแวร์ ลองมาสำรวจสาเหตุที่อาจทำให้ FPS ของคุณร่วงกราว พร้อมกับแนวทางแก้ไขที่อาจช่วยกู้ชีพเฟรมเรตให้กลับมาลื่นไหลอีกครั้งกัน

1. สเปคเครื่อง “ไม่ไหวแล้วพี่จ๋า”: ความต้องการของเกม vs. ขีดจำกัดของฮาร์ดแวร์

นี่คือสาเหตุพื้นฐานที่พบบ่อยที่สุด เกมสมัยใหม่มักจะมาพร้อมกับกราฟิกที่สวยงามตระการตา แต่ก็แลกมาด้วยความต้องการทรัพยากรเครื่องที่สูงลิ่ว หากสเปคเครื่องของคุณไม่ถึงขั้น “ขั้นต่ำ” ที่เกมกำหนดไว้ การฝืนเล่นด้วยการตั้งค่ากราฟิกสูงๆ ก็เหมือนกับการเข็นครกขึ้นภูเขา FPS ก็จะตกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แนวทางแก้ไข:

  • ตรวจสอบสเปคเกม: เปรียบเทียบสเปคขั้นต่ำและสเปคที่แนะนำของเกมกับสเปคเครื่องของคุณ
  • ปรับลดการตั้งค่ากราฟิก: ลองลดความละเอียด (Resolution), คุณภาพของพื้นผิว (Texture Quality), เงา (Shadows), เอฟเฟกต์แสง (Lighting Effects) และอื่นๆ เพื่อลดภาระการประมวลผลของ GPU
  • อัปเกรดฮาร์ดแวร์: หากการปรับลดกราฟิกยังไม่ช่วย หรือคุณต้องการเล่นเกมด้วยการตั้งค่าสูงๆ การอัปเกรด GPU, CPU หรือ RAM อาจเป็นทางเลือกที่จำเป็น

2. ปัญหา “คอขวด”: องค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งทำงานหนักเกินไป

ถึงแม้สเปคเครื่องโดยรวมจะดูดี แต่ถ้ามีองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งทำงานหนักเกินไปจนเกินขีดจำกัด (Bottleneck) ก็อาจส่งผลให้ FPS ตกได้ เช่น CPU ทำงานหนักเกินไปในการประมวลผลฟิสิกส์ของเกม ในขณะที่ GPU ยังมีทรัพยากรเหลือ หรือ GPU ทำงานหนักกับการเรนเดอร์ภาพ ในขณะที่ CPU ต้องรอให้ GPU ทำงานเสร็จก่อนที่จะส่งข้อมูลชุดต่อไป

แนวทางแก้ไข:

  • ตรวจสอบการใช้งานทรัพยากร: ใช้ Task Manager (Windows) หรือ Activity Monitor (macOS) เพื่อตรวจสอบการใช้งาน CPU, GPU, RAM และ Disk ขณะเล่นเกม หากองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งถูกใช้งานเกือบ 100% นั่นอาจเป็นสาเหตุของปัญหา
  • อัปเดตไดรเวอร์: ไดรเวอร์การ์ดจอ (GPU Driver) ที่ล้าสมัยอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ตรวจสอบและอัปเดตไดรเวอร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ
  • Overclocking: (สำหรับผู้ที่มีความรู้) การ Overclocking CPU หรือ GPU อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ แต่ควรทำด้วยความระมัดระวังและศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อน
  • Optimize เกม: บางเกมมีตัวเลือกให้ Optimize เพื่อปรับแต่งการตั้งค่าให้เหมาะสมกับฮาร์ดแวร์ของคุณ

3. ความร้อนสูงเกินไป: ระบบระบายความร้อนทำงานไม่เต็มที่

เมื่อ CPU หรือ GPU ทำงานหนัก ก็จะเกิดความร้อนสะสม หากระบบระบายความร้อนไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน อุณหภูมิจะสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ CPU หรือ GPU จะลดความเร็วในการทำงาน (Thermal Throttling) เพื่อป้องกันความเสียหาย ทำให้ FPS ตกอย่างเห็นได้ชัด

แนวทางแก้ไข:

  • ตรวจสอบอุณหภูมิ: ใช้โปรแกรมตรวจสอบอุณหภูมิ (เช่น HWMonitor) เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิของ CPU และ GPU ขณะเล่นเกม หากอุณหภูมิสูงเกินไป (เกิน 80-90 องศาเซลเซียส) อาจเป็นสัญญาณว่าระบบระบายความร้อนมีปัญหา
  • ทำความสะอาดภายในเครื่อง: ฝุ่นละอองที่สะสมอยู่ภายในเครื่องอาจขัดขวางการระบายความร้อน ทำความสะอาดพัดลมและฮีทซิงค์อย่างสม่ำเสมอ
  • เปลี่ยนซิลิโคน: ซิลิโคนที่ใช้ทา CPU หรือ GPU อาจเสื่อมสภาพ ทำให้การถ่ายเทความร้อนไม่ดี เปลี่ยนซิลิโคนใหม่หากจำเป็น
  • ปรับปรุงระบบระบายความร้อน: หากระบบระบายความร้อนเดิมไม่เพียงพอ อาจพิจารณาอัปเกรดเป็นระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ (Liquid Cooling) หรือพัดลมระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า

4. ปัญหาซอฟต์แวร์: โปรแกรมรบกวน, ไวรัส, ไดรเวอร์มีปัญหา

นอกจากปัญหาฮาร์ดแวร์แล้ว ปัญหาซอฟต์แวร์ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ FPS ตกได้เช่นกัน โปรแกรมที่ทำงานอยู่เบื้องหลังอาจใช้ทรัพยากรเครื่อง ทำให้เกมทำงานได้ไม่เต็มที่ ไวรัสหรือมัลแวร์อาจทำให้เครื่องทำงานหนักขึ้น หรือไดรเวอร์ที่ผิดพลาดอาจทำให้เกิดปัญหาในการแสดงผล

แนวทางแก้ไข:

  • ปิดโปรแกรมที่ไม่จำเป็น: ปิดโปรแกรมที่ทำงานอยู่เบื้องหลังที่ไม่จำเป็นขณะเล่นเกม
  • สแกนไวรัส: ทำการสแกนไวรัสและมัลแวร์อย่างสม่ำเสมอ
  • อัปเดตหรือ Rollback ไดรเวอร์: หาก FPS ตกหลังจากอัปเดตไดรเวอร์ อาจลอง Rollback กลับไปใช้ไดรเวอร์เวอร์ชันก่อนหน้า
  • ติดตั้ง Windows ใหม่: หากลองแก้ไขทุกวิธีแล้วยังไม่ได้ผล การติดตั้ง Windows ใหม่อาจเป็นทางเลือกสุดท้าย

5. การตั้งค่าในเกม: VSync, Antialiasing, และอื่นๆ

การตั้งค่าบางอย่างในเกม เช่น VSync (Vertical Synchronization) หรือ Antialiasing อาจทำให้ FPS ตกได้หากฮาร์ดแวร์ของคุณไม่แรงพอ

แนวทางแก้ไข:

  • ปิด VSync: VSync ช่วยป้องกันภาพฉีก (Screen Tearing) แต่ก็อาจทำให้ FPS ตกได้ ลองปิด VSync แล้วดูว่า FPS ดีขึ้นหรือไม่
  • ปรับลด Antialiasing: Antialiasing ช่วยลดความขรุขระของภาพ แต่ก็ใช้ทรัพยากรมาก ลองปรับลดหรือปิด Antialiasing แล้วดูว่า FPS ดีขึ้นหรือไม่

บทสรุป:

การแก้ไขปัญหา FPS ตกต้องอาศัยการวิเคราะห์และแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ลองสำรวจสาเหตุต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นและลองใช้วิธีแก้ไขที่เหมาะสม หากทำตามขั้นตอนเหล่านี้แล้วยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ อาจจำเป็นต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งอื่นๆ เพื่อให้คุณสามารถกลับมาเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลและสนุกสนานอีกครั้ง!