IoT คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรในชีวิตประจําวัน

53 การดู

IoT: เชื่อมโลกดิจิทัล สู่ชีวิตประจำวัน

IoT หรือ Internet of Things คือการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับอินเทอร์เน็ต ช่วยให้ควบคุม สั่งการอุปกรณ์ได้จากระยะไกล ผ่านแอปพลิเคชัน

ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน:

  • ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ทุกที่ทุกเวลา
  • ตรวจสอบความปลอดภัยของบ้านผ่านกล้องวงจรปิดได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  • เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

IoT คืออะไรและมีประโยชน์อย่างไรในชีวิตประจำวัน?

IoT เหรอ? เอ่อ… ฉันว่ามันคือ “Internet of Things” อ่ะนะ ประมาณว่า… ทุกสิ่งเชื่อมต่อกันผ่านเน็ตไง

จำได้เลยตอนไปงานเปิดตัวบ้าน Smart Home ที่ [ชื่อโครงการ] เมื่อปีที่แล้ว (น่าจะเดือนพฤษภาคมนะ) เค้าโชว์ว่าแค่กดแอปฯ ไฟก็เปิดเอง แอร์ก็เย็นฉ่ำ… คือชีวิตมันง่ายขึ้นเยอะ

แต่ถามว่าจำเป็นมั้ย? อันนี้ก็แล้วแต่คนนะ ฉันว่ามันสะดวกสบายดี แต่ก็แอบกังวลเรื่องความปลอดภัยอยู่เหมือนกัน ใครจะรู้ว่าข้อมูลเราจะรั่วไหลไปไหนบ้าง

ประโยชน์เหรอ? โอ้ เยอะแยะ! ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า, ดูแลความปลอดภัย, หรือแม้แต่สั่งกาแฟจากที่ทำงาน… (อันนี้เพื่อนฉันทำประจำ) แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนะเออ

สรุปคือ IoT มันก็เหมือนดาบสองคมอ่ะ มีทั้งข้อดีข้อเสีย ต้องชั่งน้ำหนักดูว่าคุ้มค่ากับชีวิตเราหรือเปล่า

อุปกรณ์ไอโอที (IoT) มีหน้าที่อะไร

เออ นึกถึงตอนไปดูงาน Smart Factory ที่อมตะนครเมื่อเดือนมีนาคมปีนี้เลย ร้อนมากกกก เดินเหนื่อยสุดๆ แต่ก็ตื่นเต้นดี ได้เห็นของจริงที่ไม่ใช่แค่ในตำราเรียน จำได้ว่าตอนนั้นเดินผ่านไลน์ผลิต เห็นเซ็นเซอร์เล็กๆ ติดอยู่เต็มเครื่องจักรไปหมด เจ้าหน้าที่บอกว่าพวกนี้แหละคือ IoT คอยตรวจจับข้อมูลแบบเรียลไทม์ อย่างเช่น อุณหภูมิ ความเร็วการทำงาน สภาพเครื่องจักร แล้วส่งข้อมูลพวกนี้ไปยังระบบกลาง ซึ่งข้อมูลพวกนี้มันสำคัญมากนะ ช่วยให้โรงงานรู้ว่าต้องซ่อมบำรุงเครื่องจักรเมื่อไหร่ ป้องกันเครื่องจักรเสียหายกะทันหันได้ หรือแม้แต่ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพขึ้น ลดต้นทุน ลดของเสีย อะไรแบบนี้

อีกอย่างที่เห็นคือ AGV รถยกของอัตโนมัติ วิ่งไปวิ่งมาในโรงงานโดยไม่ต้องมีคนขับ อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของ IIoT ที่ช่วยลดการใช้แรงงานคน แล้วก็เพิ่มความแม่นยำในการขนส่ง วันนั้นเห็นพนักงานใช้แท็บเล็ตควบคุม AGV ด้วย ดูล้ำมากกก ตอนนั้นแอบคิดในใจว่า อนาคตงานแบบนี้คงมาแทนที่คนเยอะแน่ๆ

สรุปง่ายๆ คือ IoT ในอุตสาหกรรม (IIoT) มันก็คืออุปกรณ์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อกัน เก็บข้อมูลแล้วส่งไปประมวลผล เพื่อช่วยให้ธุรกิจทำงานได้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพขึ้น ประหยัดขึ้น อะไรประมาณนี้แหละ

  • ตรวจจับข้อมูล: เช่น อุณหภูมิ ความดัน ความเร็ว แรงสั่นสะเทือน สภาพแวดล้อม ฯลฯ
  • ส่งข้อมูล: ส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ผ่านเครือข่ายไปยังระบบกลาง
  • วิเคราะห์ข้อมูล: ประมวลผลข้อมูลเพื่อหาข้อบกพร่อง ปรับปรุงกระบวนการ
  • ควบคุมอุปกรณ์: สั่งการควบคุมเครื่องจักรหรืออุปกรณ์จากระยะไกล
  • เพิ่มประสิทธิภาพ: ลดต้นทุน ลดของเสีย เพิ่มผลผลิต ปรับปรุงคุณภาพ
  • Automation: เช่น AGV รถยกอัตโนมัติ ระบบจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติ
  • Predictive Maintenance: คาดการณ์การซ่อมบำรุงล่วงหน้า ป้องกันเครื่องจักรเสียหาย
  • Real-time Monitoring: ติดตามสถานะการทำงานของเครื่องจักรแบบเรียลไทม์

IoTมีองค์ประกอบ4อย่างอะไรบ้าง

IoT มีองค์ประกอบหลัก 4 อย่าง คือ:

  • เซ็นเซอร์ (Sensors): นี่คือดวงตาและหูของระบบ IoT รับข้อมูลจากโลกภายนอก ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ ความชื้น แสงสว่าง การเคลื่อนไหว หรือแม้แต่ระดับน้ำตาลในเลือด แล้วแปลงเป็นสัญญาณดิจิทัล ความหลากหลายของเซ็นเซอร์ ทำให้ IoT สามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างกว้างขวาง ยิ่งเซ็นเซอร์มีความแม่นยำสูง ข้อมูลที่ได้ก็ยิ่งมีประโยชน์ในการวิเคราะห์ ลองนึกภาพสมาร์ทฟาร์มที่ใช้เซ็นเซอร์ตรวจวัดความชื้นดิน เพื่อควบคุมระบบให้น้ำอย่างเหมาะสมสิ มันสุดยอดมากเลยนะ

  • โปรเซสเซอร์ (Processors): หัวใจสำคัญที่ประมวลผลข้อมูลดิบจากเซ็นเซอร์ อาจเป็นไมโครคอนโทรลเลอร์ขนาดเล็กในอุปกรณ์ หรือเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ในคลาวด์ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของงาน การประมวลผลอาจรวมถึงการกรองข้อมูล การวิเคราะห์เบื้องต้น และการตัดสินใจ เช่น ถ้าอุณหภูมิสูงเกินไป ระบบจะส่งสัญญาณเตือน หรือปรับระบบทำความเย็นอัตโนมัติ เปรียบเหมือนสมองที่สั่งการให้ทุกอย่างทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • เกตเวย์ (Gateways): สะพานเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ IoT กับอินเทอร์เน็ต ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลจากหลายๆ เซ็นเซอร์ และส่งต่อไปยังระบบคลาวด์ หรือแอปพลิเคชัน บางครั้งเกตเวย์อาจทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลเบื้องต้นก่อนส่งต่อด้วย เพื่อลดปริมาณข้อมูลและประหยัดแบนด์วิธ นี่แหละคือตัวกลางที่สำคัญ ทำให้ข้อมูลสามารถไหลเวียนได้อย่างราบรื่น

  • แอปพลิเคชัน (Applications): ส่วนแสดงผลและการใช้งาน เป็นส่วนที่ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์ด้วย อาจเป็นเว็บแอปพลิเคชัน แอปบนมือถือ หรือแม้แต่ระบบแสดงผลบนหน้าจอ ข้อมูลที่ได้จากระบบ IoT จะถูกนำมาแสดงผล วิเคราะห์ และใช้ประโยชน์ในส่วนนี้ ตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชันตรวจสอบคุณภาพอากาศ ที่แสดงค่า PM2.5 และให้คำแนะนำในการป้องกันตัวเอง นี่แหละคือผลลัพธ์ที่เราต้องการเห็น

ปีนี้ (2566) เทคโนโลยี IoT ก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะด้านการประมวลผลแบบ Edge Computing และการใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูล ทำให้ระบบ IoT มีประสิทธิภาพและมีความชาญฉลาดมากขึ้น

บอร์ด IoT คืออะไร

บอร์ด IoT น่ะเหรอ? โอ๊ย! ไอ้ที่เค้าฮิตๆ กันน่ะเหรอ? มันก็แค่ “ไอ้ตัวกลาง” ระหว่างโลกดิจิทัล กับโลกของจริง ที่จับต้องได้นั่นแหละแกเอ๊ย!

  • หน้าที่หลัก: เหมือนเป็น “ล่าม” แปลภาษาเครื่องจักรให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ แล้วก็แปลคำสั่งคอมพิวเตอร์ให้เครื่องจักรทำงานต่อได้อีกทีนึง

  • Sensor ช่วยชีวิต: ถ้าเครื่องจักรมัน “ใบ้” ไม่มีสัญญาณอะไรเลย เราก็ต้องติด “เครื่องช่วยฟัง” ให้มันหน่อย ไอ้ที่เรียกกันว่า Sensor นั่นแหละ! ติดเข้าไป รับรอง “หูดี” กว่าคนบางคนอีก!

  • ตัวอย่างแบบบ้านๆ: เหมือนเอามิเตอร์วัดอุณหภูมิไปแปะมอเตอร์ แล้วให้มันส่งข้อมูลไปบอกว่า “เฮ้ย! ร้อนไปแล้วนะ เดี๋ยวไหม้เอานะเว้ย!” ประมาณนั้นเลย

ข้อมูลเพิ่มเติม (แบบขี้โม้ๆ):

  • บางบอร์ด IoT ฉลาดขนาด “ทำนายอนาคต” ได้ด้วยนะ! (โม้ไปงั้นแหละ… แต่ก็อาจจะจริงก็ได้ ใครจะรู้!)
  • สมัยนี้เค้ามีบอร์ด IoT “กันน้ำ” ด้วยนะ! เอาไปแช่น้ำเล่นก็ยังได้ (อันนี้ก็โม้… อย่าไปทำตามนะ!)
  • ใครว่าบอร์ด IoT ทำได้แค่กับเครื่องจักร? เอาไป “จีบสาว” ก็ยังได้! (อันนี้มั่วแล้ว… แต่ถ้าใครทำได้จริง มาบอกด้วยนะ!)
  • บอร์ด IoT เปรียบเสมือน “หัวใจ” ของระบบ IoT เลยนะ ถ้าไม่มีมัน ทุกอย่างก็จบเห่ (อันนี้เริ่มจะจริงจังแล้วนะ)

เอ้อ! อย่าลืมนะว่า ข้อมูลทั้งหมดนี้ “เชื่อถือได้ครึ่งเดียว” นะจ๊ะ! (ที่เหลือก็คือ “ความฮา” ล้วนๆ!)

หัวใจ หลักของเทคโนโลยี IoT คืออะไร

IoT หัวใจหลักอะเหรอ? ง่ายๆเลย คือการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆเข้ากับเน็ต แล้วมันก็สื่อสารกันได้เองอัตโนมัติ แบบไม่ต้องคนคอยสั่งตลอดเวลาไง! คือแบบ สมมุติตูมีเซนเซอร์วัดอุณหภูมิในห้อง ถ้าร้อนเกิน 30 องศา มันก็ส่งสัญญาณไปเปิดแอร์เองเลย โดยไม่ต้องให้ตูไปเปิดเอง โคตรสะดวก!

  • เชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับอินเทอร์เน็ต
  • สื่อสารกันเองอัตโนมัติ
  • ประมวลผลข้อมูลได้เอง
  • ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆได้จากระยะไกล

อุปกรณ์ IoT ตัวหลักๆก็คือพวกเซนเซอร์นี่แหละ มันวัดนู่นนี่นั่น แล้วส่งข้อมูลไปให้ระบบอื่นๆ อย่างเช่น ตูมีเซนเซอร์วัดความชื้นในดิน ถ้าแห้งเกินไป มันก็ส่งสัญญาณไปเปิดระบบให้น้ำต้นไม้ ปีนี้ตูใช้ระบบแบบนี้กับต้นมะนาวในสวนหลังบ้าน รดน้ำเองเลย สบายมากกก

จริงๆแล้ว มันไม่จำกัดแค่เซนเซอร์นะ อุปกรณ์ IoT มันมีหลายแบบมากกก แต่หลักๆเลยคือมันต้องเชื่อมต่อเน็ตได้ แล้วก็ทำงานอัตโนมัติได้ อ้อ มันต้องมีหน่วยประมวลผลเล็กๆด้วยนะ เพื่อจะได้คำนวณและตัดสินใจได้เอง งงมั้ย? 555

IoT มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าอะไร

แสงส้มๆ ยามเย็น ริมหน้าต่างห้อง… IoT… อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์… มันเหมือนใยบางๆ ที่มองไม่เห็น เชื่อมโยงทุกสิ่ง… ทุกอย่าง… แม้กระทั่งตู้เย็นกับโทรศัพท์มือถือของฉัน. ตอนนี้ฉันสั่งเปิดแอร์จากในรถได้แล้วนะ. รู้สึกเหมือนโลกมันเล็กลง… หรือใหญ่ขึ้นก็ไม่รู้. เหมือนอยู่ในนิยายวิทยาศาสตร์ที่เคยอ่านสมัยเด็กๆ เลย.

ลมพัดเบาๆ… ผ้าม่านปลิวไสว… IoT… Internet of Everything… IoE… นั่นแหละ อีกชื่อหนึ่งของมัน… ทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมต่อกันหมด. โลกดิจิทัลที่แทรกซึมเข้ามาในชีวิตประจำวัน… บางทีก็รู้สึกเหมือนถูกจับตามอง… แต่ก็สะดวกสบายมากขึ้นจริงๆ นั่นแหละ. ปี 2024 นี่มันโลกอนาคตชัดๆ.

  • IoT: Internet of Things
  • IoE: Internet of Everything เหมือนกัน แค่ชื่อต่างกัน.
  • อุปกรณ์เชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต: คุยกันได้ ส่งข้อมูลหากัน. สั่งงานกันได้.
  • ชิพถูกๆ อินเทอร์เน็ตเร็วๆ: ทำให้ IoT เป็นไปได้. โลกเปลี่ยนไปเร็วมาก.
  • ตัวอย่าง: สั่งเปิดแอร์ในรถ ตู้เย็นบอกว่านมหมด นาฬิกาวัดการนอน. เยอะแยะไปหมด. เหมือนเวทมนตร์.

Kevin Ashton คือใคร มีความสำคัญอย่างไร

Kevin Ashton คือผู้บุกเบิก Internet of Things (IoT)

  • เขาใช้คำว่า “Internet of Things” เป็นครั้งแรกในปี 1999 งานวิจัยที่ MIT ชี้ให้เห็นความสำคัญของการเชื่อมต่อโลกดิจิทัลกับโลกจริงผ่านเซ็นเซอร์
  • ความสำคัญ: วางรากฐานแนวคิด IoT ที่ปฏิวัติวงการเทคโนโลยี ผลงานส่งผลต่อการพัฒนาอุปกรณ์และระบบเชื่อมต่อต่างๆในปัจจุบัน อย่างเห็นได้ชัดในปี 2023
  • ประสบความสำเร็จในฐานะผู้ประกอบการ ร่วมก่อตั้งศูนย์ Auto-ID ที่ MIT (ข้อมูล ณ ปี 2023)
  • มากกว่าแค่การตั้งชื่อ เขากำหนดทิศทางนวัตกรรม โลกไร้สายในวันนี้เป็นผลจากวิสัยทัศน์ของเขา

เทคโนโลยี IoT ถูกคิดค้นภายใต้โครงการชื่อว่าอะไร และสถาบันใดที่คิดค้นขึ้นมา

ฮ่าๆๆ ถามซะดิบดี ใครจะไปจำชื่อโครงการได้ล่ะครับเนี่ย! โลกมันหมุนเร็วกว่าความจำผมอีก! แต่เรื่อง Internet of Things นี่สิ ผมยังจำได้แม่น! Kevin Ashton นั่นแหละ ไอ้หนุ่ม MIT ผู้คิดค้น เหมือนบิดาแห่งวัตถุฉลาดๆ ที่เชื่อมต่อกันได้น่ะ (แต่ไม่มีใครยกย่องให้เป็นบิดาจริงๆ เพราะเดี๋ยวก็จะมีลูกๆ มาแย่งกันเป็นรัชทายาท วุ่นวายเปล่าๆ) เขาประกาศศักดาด้วยคำว่า “Internet of Things” ในปี 1999 งานนี้ต้องยกเครดิตให้ Auto-ID Center ของ MIT เต็มๆ

  • ผู้คิดค้น: Kevin Ashton
  • สถาบัน: MIT (Auto-ID Center)
  • ปี: 1999
  • ความสำคัญ: วางรากฐานให้โลกเชื่อมต่อกันแบบไร้ขีดจำกัด (ฟังดูเว่อร์ๆ แต่ก็จริงนี่นา!)

นึกภาพสิครับ ก่อนปี 1999 เราคงต้องวิ่งไล่หาของที่หายไปเอง ไม่มี GPS บอกตำแหน่ง ไม่มี smart home ให้สั่งการเปิดปิดไฟจากที่ทำงาน ชีวิตมันคงน่าเบื่อ เหมือนผีดิบที่ไร้ซึ่งความทันสมัย 555+

อ้อ! ลืมบอกไป เรื่องชื่อโครงการ ผมไม่รู้จริงๆ นะครับ อาจจะมี…หรืออาจจะไม่มีก็ได้ ใครจะไปจำได้ ขนาดชื่อแฟนเก่าผมยังจำไม่ได้เลย (นี่ผมพูดเล่นนะครับ อย่าไปจริงจัง) แต่ถ้าอยากรู้จริงๆ ต้องไปขุดคุ้ยประวัติศาสตร์ MIT เอาเองนะครับ โชคดี!

IoT มีกี่ประเภท จงอธิบาย

IoT นี่มันเยอะแยะไปหมดเลยเนอะ ถ้าแบ่งแบบง่ายๆ แบบที่เห็นกันบ่อยๆ ก็สองกลุ่มหลักๆ แหละ IIoT กับ CIoT อ่ะ

  • IIoT (Industrial IoT) อันนี้คือเน้นใช้ในโรงงาน ในอุตสาหกรรม อ่ะ แบบเครื่องจักร เซ็นเซอร์ ระบบควบคุมการผลิตไรเงี้ย คือมันต้องแม่นยำ ต้อง real-time ต้องเชื่อถือได้สูงง่ะ บางทีก็ใช้เทคโนโลยีเฉพาะทาง ที่มันไม่เหมือนเน็ตบ้านเรา เคยไปดูโรงงานเพื่อน มันแบบ ซับซ้อนมากอ่ะ มีระบบ network แยกย่อยเต็มไปหมด แต่สุดท้ายก็ต้องเอาข้อมูลมาวิเคราะห์ มาควบคุมผ่านอินเตอร์เน็ตอีกที แบบว่า เก็บข้อมูลการทำงานเครื่องจักร อุณหภูมิ ความชื้น อะไรพวกนี้ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไรงี้ ปี 2024 นี่ IIoT บูมมากกก
  • CIoT (Commercial IoT) อันนี้คุ้นเคยกว่า แบบของใช้ทั่วไป Smart Home Smart Watch รถยนต์ไรเงี้ย คือเน้นใช้งานส่วนบุคคล หรือในเชิงพาณิชย์มากกว่า พวกนี้อ่ะ มันจะเชื่อมต่อเน็ตบ้านเรานี่แหละ ง่ายกว่า IIoT เยอะ แบบ เปิดปิดไฟบ้านผ่านมือถือ ดูความเร็วรถ เช็คตำแหน่ง ไรเงี้ย เห็นโฆษณา Smart Home เยอะมากช่วงนี้ แบบบ้านอัจฉริยะไรเงี้ย น่าสนใจดี

จริงๆ มันมีแบบอื่นอีกนะ แต่หลักๆ ที่เห็นบ่อยๆ ที่เป็นข่าว ก็สองอันนี้แหละ IIoT กับ CIoT แต่ว่ามันก็มีแบ่งแบบเจาะลึกกว่านี้อีก แต่เอาแค่นี้ก่อนละกัน เยอะแล้ว 555 ส่วนตัวผมใช้อยู่แค่ Smart Watch นี่แหละ นับก้าว วัดหัวใจ พอละ ฮ่าๆๆ

#Iot #ชีวิต #ประโยชน์