Output ของ PLC มีกี่ชนิด

12 การดู

PLC มีเอาต์พุต 2 ประเภท:

  • เอาต์พุตดิจิทัล: ใช้สำหรับเปิดหรือปิดวงจร
  • เอาต์พุตแบบอะนาลอก: ใช้สำหรับส่งสัญญาณแบบต่อเนื่อง สามารถปรับได้ในช่วงของแรงดันหรือกระแสไฟฟ้า
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไขข้อสงสัย: เจาะลึกเรื่องเอาต์พุตของ PLC (Programmable Logic Controller)

Programmable Logic Controller หรือ PLC คือหัวใจสำคัญของระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่การควบคุมสายพานลำเลียงในโรงงานผลิต ไปจนถึงระบบจัดการแสงสว่างในอาคารขนาดใหญ่ ความสามารถในการประมวลผลและควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ อย่างแม่นยำ ทำให้ PLC กลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในยุคดิจิทัล

บทความนี้จะเจาะลึกถึงส่วนประกอบสำคัญของ PLC นั่นคือ เอาต์พุต (Output) โดยจะเน้นถึงชนิดของเอาต์พุตและความแตกต่างระหว่างแต่ละชนิด เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถทำความเข้าใจและเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม

เอาต์พุตของ PLC ทำหน้าที่อะไร?

ก่อนจะไปถึงชนิดของเอาต์พุต เรามาทำความเข้าใจบทบาทหน้าที่ของมันกันก่อนครับ เอาต์พุตของ PLC เปรียบเสมือนแขนขาของระบบควบคุม ทำหน้าที่ในการส่งสัญญาณไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์ภายนอก เพื่อให้เกิดการทำงานตามที่โปรแกรมกำหนดไว้ สัญญาณที่ส่งออกไปนี้อาจเป็นคำสั่งให้มอเตอร์หมุน, เปิดวาล์ว, แสดงข้อความบนหน้าจอ หรือแม้กระทั่งสั่งให้หุ่นยนต์เคลื่อนที่

เอาต์พุตของ PLC แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ:

  1. เอาต์พุตดิจิทัล (Digital Output):

    • ลักษณะการทำงาน: เอาต์พุตดิจิทัลทำงานในลักษณะ เปิด-ปิด (On-Off) หรือ 0-1 คล้ายกับสวิตช์ไฟที่สามารถเปิดหรือปิดวงจรได้เท่านั้น ไม่มีค่ากลางระหว่างสองสถานะนี้
    • การใช้งาน: เหมาะสำหรับควบคุมอุปกรณ์ที่ต้องการเพียงแค่สองสถานะ เช่น
      • เปิด/ปิดมอเตอร์: สั่งให้มอเตอร์เริ่มทำงานหรือหยุดทำงาน
      • เปิด/ปิดวาล์ว: สั่งให้วาล์วเปิดเพื่อปล่อยของเหลวหรือปิดเพื่อหยุดการไหล
      • เปิด/ปิดหลอดไฟ: สั่งให้หลอดไฟสว่างหรือดับ
      • สั่งการโซลินอยด์: ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ที่ใช้โซลินอยด์ เช่น วาล์วลม
    • ตัวอย่าง: รีเลย์ (Relay), ทรานซิสเตอร์ (Transistor), ไตรแอก (Triac)
  2. เอาต์พุตแบบอะนาลอก (Analog Output):

    • ลักษณะการทำงาน: เอาต์พุตอะนาลอกสามารถส่งสัญญาณแบบต่อเนื่อง ที่สามารถปรับเปลี่ยนค่าได้ในช่วงที่กำหนดไว้ ไม่ใช่แค่เพียงเปิดหรือปิดเท่านั้น สัญญาณที่ส่งออกไปมักอยู่ในรูปของแรงดันไฟฟ้า (Voltage) หรือกระแสไฟฟ้า (Current)
    • การใช้งาน: เหมาะสำหรับควบคุมอุปกรณ์ที่ต้องการความละเอียดในการควบคุม หรือต้องการปรับค่าอย่างต่อเนื่อง เช่น
      • ควบคุมความเร็วมอเตอร์: ปรับความเร็วมอเตอร์ให้ได้ตามต้องการ
      • ควบคุมอุณหภูมิ: ปรับอุณหภูมิในระบบทำความร้อนหรือทำความเย็น
      • ควบคุมการไหลของของเหลว: ปรับปริมาณของเหลวที่ไหลผ่านวาล์ว
      • ควบคุมความสว่างของหลอดไฟ: ปรับความสว่างของหลอดไฟให้ได้ตามระดับที่ต้องการ
    • ตัวอย่าง: โมดูลเอาต์พุตอะนาลอกที่แปลงสัญญาณดิจิทัลภายใน PLC เป็นสัญญาณอะนาลอก

ตารางสรุปความแตกต่างระหว่างเอาต์พุตดิจิทัลและอะนาลอก:

คุณสมบัติ เอาต์พุตดิจิทัล (Digital Output) เอาต์พุตอะนาลอก (Analog Output)
สถานะการทำงาน เปิด-ปิด (On-Off) ต่อเนื่อง, ปรับค่าได้
สัญญาณ 0 หรือ 1 แรงดันไฟฟ้า (Voltage) หรือ กระแสไฟฟ้า (Current)
ความละเอียด ต่ำ สูง
การใช้งานหลัก ควบคุมอุปกรณ์ที่ต้องการเพียงสองสถานะ ควบคุมอุปกรณ์ที่ต้องการความละเอียดในการปรับค่า

การเลือกใช้งานเอาต์พุตที่เหมาะสม:

การเลือกใช้เอาต์พุตที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับลักษณะของอุปกรณ์ที่ต้องการควบคุม และความต้องการของระบบควบคุมโดยรวม หากต้องการเพียงแค่เปิดหรือปิดอุปกรณ์ เอาต์พุตดิจิทัลก็เพียงพอ แต่หากต้องการควบคุมอุปกรณ์อย่างละเอียด หรือต้องการปรับค่าอย่างต่อเนื่อง เอาต์พุตอะนาลอกจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม:

  • แรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าที่เอาต์พุตของ PLC สามารถจ่ายได้เพียงพอต่อความต้องการของอุปกรณ์ภายนอก
  • การป้องกัน: พิจารณาถึงการป้องกันเอาต์พุตจากไฟฟ้าลัดวงจร หรือกระแสไฟฟ้าเกิน เพื่อป้องกันความเสียหายต่อ PLC
  • การรบกวนทางไฟฟ้า: ในสภาพแวดล้อมที่มีการรบกวนทางไฟฟ้าสูง ควรเลือกใช้เอาต์พุตที่มีการป้องกันสัญญาณรบกวน

สรุป:

การทำความเข้าใจชนิดของเอาต์พุต PLC และความแตกต่างระหว่างเอาต์พุตดิจิทัลและอะนาลอก เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการออกแบบและใช้งานระบบควบคุมอัตโนมัติอย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้ออกแบบที่เหมาะสม จะช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างแม่นยำ และตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างลงตัว หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจในเรื่องของ PLC และระบบอัตโนมัติครับ