Web application คือ อะไร / ยกตัวอย่าง
Web Application คือเว็บไซต์รูปแบบพิเศษ เน้นฟังก์ชันใช้งานจริง เปรียบเสมือนโปรแกรมที่ทำงานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ต่างจากเว็บไซต์ทั่วไปที่เน้นแสดงข้อมูลเพียงอย่างเดียว
ตัวอย่าง Web Application:
- เครื่องมือออนไลน์: คิดเลข, จับเวลา, แปลภาษา
- โซเชียลมีเดีย: Facebook, Twitter, Instagram
- อีเมล: Gmail, Outlook
- ระบบจัดการเอกสารออนไลน์: Google Docs, Microsoft Office Online
- แพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์: Lazada, Shopee
- แอปพลิเคชันธนาคาร
Web Application ช่วยให้ผู้ใช้โต้ตอบ ใช้งานได้หลากหลาย ไม่จำกัดแค่การอ่านข้อมูล แต่สามารถสร้าง แก้ไข และแบ่งปันข้อมูลได้ด้วย
เว็บแอปพลิเคชันคืออะไร? มีตัวอย่างอะไรบ้างที่ใช้งานง่ายและเห็นภาพชัดเจน?
เว็บแอปพลิเคชันก็คือเว็บไซต์ที่เราใช้งานได้จริง ๆ นั่นแหละ ไม่ใช่แค่ดูเฉยๆ เหมือนเว็บข่าวทั่วไป. คิดง่ายๆ เหมือนแอปในมือถือแต่เปิดในเบราว์เซอร์.
ตอนเรียนมหาลัย ปี 3 เคยทำโปรเจ็คเว็บแอปพลิเคชันเล็กๆ เป็นเว็บจองห้องเรียน. เขียนด้วย PHP ยากมากตอนนั้น.
ตัวอย่างที่เห็นภาพชัดๆ เลยก็พวก Google Docs, Sheets, Slides. แก้ไขเอกสารออนไลน์ได้เลย. สะดวกมากตอนทำรายงานกลุ่ม. จำได้ตอนนั้นทำพรีเซนต์วิชาการตลาด นัดเพื่อนแก้ไฟล์พร้อมกันใน Google Slides. เสร็จเร็วกว่าเดิมเยอะ.
Facebook, Twitter, Instagram ก็ใช่. เราโพสต์รูป แชร์เรื่องราว คุยกับเพื่อน. มันคือการใช้งานจริงๆ ไม่ใช่แค่ดูข้อมูลเฉยๆ.
เว็บแอปฯ มีเยอะมาก บางทีเราใช้อยู่ทุกวันโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ. อย่างเว็บจองตั๋วหนัง, เว็บสั่งอาหารออนไลน์, เว็บเช็คพัสดุ. พวกนี้ล้วนเป็นเว็บแอปพลิเคชันทั้งนั้น.
แม้แต่เว็บธนาคารที่เราใช้โอนเงิน จ่ายบิล ก็เป็นเว็บแอปพลิเคชันเหมือนกัน. จำได้ว่าเคยโอนเงินค่าหอตอนตีสอง ผ่านแอปธนาคารในมือถือ เร็วมาก ไม่ต้องไปตู้ ATM. สะดวกสุดๆ.
Web application คืออะไร สรุป
เว็บแอปพลิเคชันเหรอ? อ๋อ ไอ้พวกที่ “เหมือน” เว็บไซต์แต่ฉลาดกว่าเยอะไง! คือมันไม่ใช่แค่โชว์ข้อมูลสวยๆนะ แต่มัน “ทำงาน” ให้เราได้ด้วย! เปรียบเหมือนร้านค้าที่เราเข้าไปซื้อของได้จริง ๆ ไม่ใช่แค่ดูของในตู้เฉยๆ
คิดดูดิ ตะกร้าสินค้าออนไลน์เนี่ย, ฟีดข่าวที่เราไถๆๆๆ ทั้งวัน, แชทคุยกับร้านค้าแบบเรียลไทม์ พวกนี้แหละ เว็บแอป! มันคือ ซอฟต์แวร์ที่วิ่งบนเบราว์เซอร์ (Chrome, Safari, Firefox อะไรพวกนั้น)
ทำไมธุรกิจถึงชอบนัก?
- เข้าถึงง่าย: ใครๆ ก็เข้าได้ ขอแค่มีเน็ต
- อัพเดตง่าย: แก้ไขทีเดียว ทุกคนเห็นหมด ไม่ต้องตามแก้ที่เครื่องใครเครื่องมัน
- ทำงานได้หลากหลาย: ซื้อขาย, จองโรงแรม, เรียนออนไลน์, สั่งอาหาร… โอ้ย สารพัด!
ฟีเจอร์เด่นๆ?
- ตะกร้าสินค้า: ขาดไม่ได้! ยิ่งใส่เยอะ ยิ่งหมดตัว (ฮา)
- ค้นหาและกรองสินค้า: ช่วยให้เราเจอของที่ “อยากได้” เร็วขึ้น (แต่จริงๆ อาจจะแค่ “อยากได้” เฉยๆ)
- แชทสด: ถามปุ๊บ ตอบปั๊บ…เหมือนมีพนักงานขายส่วนตัว
- ฟีดข่าวโซเชียล: ไถเพลินจนลืมทำงาน (อันนี้เรื่องจริง!)
แถมท้าย (แบบขำๆ แต่จริงจัง):
- เว็บแอปเหมือนแฟน…ตอนแรกๆ ก็ดี๊ดี ใช้ไปนานๆ อาจจะหน่วงๆ บ้าง ต้องคอยเคลียร์แคช ล้างข้อมูลกันไป (เกี่ยวไหมเนี่ย?)
- ถ้าเว็บแอปคือร้านค้าออนไลน์…Server คือโกดัง ถ้าโกดังล่ม ร้านก็เจ๊ง! (ดังนั้น Server ต้องดี!)
- พวกชอบทำเว็บแอปปลอมหลอกเอาข้อมูล…เปรียบเหมือนพวก “ตกทอง” ในโลกออนไลน์ ระวังกันด้วยนะทุกคน!
- สำคัญ: เว็บแอปปี 2567 ต่างจากเว็บแอปเมื่อก่อนเยอะมาก! เดี๋ยวนี้มันฉลาดขึ้นเยอะ ทำอะไรได้มากกว่าเดิมเยอะเลย! (เชื่อเถอะ!)
โปรแกรมใดสามารถใช้งานรูปแบบ Web Application ได้
เอ้าาาาา ถามแบบนี้ก็ได้หรออออ โปรแกรมที่เปิด Web Application ได้เนี่ยนะ? มันก็ Browser ไงจ๊ะพ่อแม่พี่น้องงงง เหมือนถามว่าจะกินข้าวต้องใช้อะไร ก็ช้อนส้อมสิจ๊ะะะะะะ!!!
- Google Chrome: ตัวฮิตตลอดกาล ใครๆ ก็ใช้ เร็ว แรง ทะลุนรก แต่แอบกินแรมเยอะไปนิด เครื่องอืดระวังเน้ออออออ
- Firefox: รุ่นเดอะ แต่ยังเก๋า ปรับแต่งได้เยอะ เหมาะกับสายโปรแกรมเมอร์ หรือใครชอบปรับนั่นแต่งนี่ ให้เข้ากับตัวเองงงงง
- Microsoft Edge: ลูกเมียน้อย เอ้ยยย ลูกเมียหลวงของ Microsoft มากับ Windows เลย เดี๋ยวนี้ก็เร็วขึ้นเยอะนะ แต่บางทีก็แอบงอแง
- Safari: อันนี้สำหรับสาวก Apple เท่านั้นนนนน ใครใช้ Android อย่าฝันนนนนนนนนน เข้ากันไม่ได้หรอกกกกกก เหมือนน้ำกับน้ำมันนนนนน
เมื่อก่อนผมนี่ใช้ Chrome อย่างเดียวเลย กินแรมเป็นว่าเล่น เครื่องค้างบ่อยมากกกกก ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้ Edge ละ เร็วปรื๋อออออ แถมประหยัดแรมกว่าด้วย เครื่องผมมันแก่แล้ววววว ต้องถนอมหน่อยยยยยย 55555+ (ข้อมูลปี 2024 นะจ๊ะะะะ ไม่ใช่ปีมะโว้)
Web Application ใช้อะไรเขียน
อื้อหือ…ถามยากจัง สมัยนี้มันเยอะแยะไปหมดเนอะ เอาแบบที่ฉันเจอมาตรงๆ เลยนะ
ตอนทำโปรเจคจบปี 66 ที่มหาลัยเชียงใหม่ ฉันกับเพื่อนใช้ JavaScript เยอะมาก โค้ดมันเยอะจนหัวจะแตก จำได้ว่าตอนนั้นนั่งเขียนอยู่ที่ห้องสมุดกลาง ดึกดื่นมาก ไฟสลัวๆ อากาศเย็นๆ แต่โค้ดมันไม่ยอมทำงาน BUG กระจาย เครียดสุดๆ แทบจะร้องไห้ จนกระทั่งเพื่อนที่เก่งกว่ามาช่วย ถึงได้เสร็จทันส่ง เป็น Web App เกี่ยวกับการจองห้องพักในมหาลัยนะ ใช้ React ด้วย มันช่วยทำให้ UI สวยขึ้นเยอะเลย
ส่วน Python ฉันเคยใช้เขียน Backend ตอนทำเว็บขายของออนไลน์เล่นๆ ช่วงปิดเทอมใหญ่ปี 65 เป็นเว็บเล็กๆ แค่พอใช้เอง ไม่ค่อยมีคนใช้หรอก ก็ใช้ Django Framework เขียนไม่ยากเท่าไหร่ แต่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรเหมือนกัน ตอนนั้นนั่งเขียนอยู่ที่บ้าน เปิดแอร์เย็นๆ ฟังเพลงไปด้วย สบายๆ กว่าตอนทำโปรเจคจบเยอะเลย
- โปรเจคจบปี 66 (มช.): JavaScript (React), Backend ฉันจำรายละเอียดไม่ได้แล้ว ขอโทษนะ
- เว็บขายของออนไลน์ ปี 65: Python (Django)
จริงๆ แล้วภาษาอื่นๆ ที่ถามมาน่ะ ฉันก็พอรู้บ้าง แต่ยังไม่เคยได้ลงมือใช้จริงจัง อย่าง Golang เคยลองอ่าน Docs ดู แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ Swift กับ Kotlin ก็พอเห็นผ่านๆ ตา แต่ยังไม่เคยลองใช้เลย Java นี่เคยเรียนตอนปี 1 แต่ลืมหมดแล้ว ฮ่าๆๆ เก่าไปหน่อย ตอนนี้รู้สึก JavaScript มันใช้งานง่ายกว่าเยอะเลยนะ สำหรับ Web App อ่ะ
Website และ Web Application เหมือนกันอย่างไร
โอเค เอาแบบบ้านๆ เลยนะ เว็บไซต์กับเว็บแอปฯน่ะเหรอ มันก็เหมือนบ้านกับคอนโดอ่ะ บ้านก็คือเว็บไซต์ เข้าไปดูได้ เดินเล่นได้ แต่ทำอะไรมากไม่ได้ เน้นโชว์ของ
แต่คอนโดดิ เว็บแอปฯ ไง มีระบบจัดการ มีฟังก์ชันนู่นนี่นั่นให้เล่นเยอะแยะ มีปฏิสัมพันธ์กับเราได้มากกว่า เช่นพวก Shopee Lazada ที่เรากดซื้อของได้จริงจัง ไม่ใช่แค่เข้าไปดูรูปเฉยๆ แล้วก็จบ
- เว็บไซต์: เน้นแสดงข้อมูล (HTML, CSS, JS)
- เว็บแอปฯ: เน้นการทำงาน (HTML, CSS, JS + Backend + Database)
- ปีนี้ (2024) พวกเว็บแอปฯ ยิ่งมาแรง เพราะคนอยากทำอะไรที่มัน interactive มากขึ้น
- ตอนปี 65 ตอนนั้นทำเว็บ portfolio ให้เพื่อนที่เป็นช่างภาพ ก็ใช้แค่ HTML CSS JavaScript ธรรมดาเลย ง่ายดี จบเร็ว
- แต่พอมาปีนี้ (2024) จะทำเว็บขายของให้แม่ ต้องใช้ React ต้องต่อ API ต้องจัดการฐานข้อมูล วุ่นวายกว่าเยอะ แต่ก็สนุกดี
- คือถ้าจะให้สรุปง่ายๆ เว็บไซต์เหมือนอ่านหนังสือ เว็บแอปฯเหมือนเล่นเกมส์ จบนะ! 😆
เว็บไซต์กับเว็บแอพพลิเคชั่นต่างกันยังไง?
เอางี้ เว็บไซต์เนี่ย มันเหมือนร้านโชว์ของ เดินดูได้ จับๆ ลองๆ บ้างก็ได้ แต่ซื้อกลับบ้านไม่ได้ ส่วนเว็บแอพ มันเหมือนเซเว่น อยากได้อะไรหยิบได้เลย จ่ายตังค์ แล้วก็กลับบ้านได้ เข้าใจ๊!
- เว็บไซต์ นึกภาพร้านขายเสื้อผ้า ดูได้ ลองได้ แต่ซื้อไม่ได้ ต้องไปซื้อที่ร้านจริงอีกที เหมือนกัน เว็บไซต์โชว์ข้อมูลเฉยๆ อยากซื้อของ ต้องไปซื้อที่อื่น หรือโทรสั่งเอา โบราณมากแม่!
- เว็บแอพ มันทันสมัยกว่า เหมือนแอพในโทรศัพท์นั่นแหละ แต่เปิดในเว็บเบราว์เซอร์ สั่งซื้อของได้เลย จ่ายตังค์ปุ๊บ ของมาส่งปั๊บ สบายกว่าเยอะ เหมือนตอนผมสั่งชานมไข่มุกมากิน กดสั่งผ่านเว็บแอพ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ได้กินแล้ว ฟิน!
- เคยเข้าเว็บ xxx มั้ย นั่นแหละเว็บไซต์ แสดงข้อมูลเฉยๆ แต่ถ้าเข้าแอพธนาคาร โอนเงินได้ จ่ายบิลได้ นั่นแหละเว็บแอพ ต่างกันลิบลับ! เหมือนเอาเต่าไปแข่งกับรถสปอร์ต ใครจะชนะคิดดู
- ผมสั่งพิซซ่าผ่านเว็บแอพเมื่อวาน โคตรเร็ว เลือกหน้า ใส่ท็อปปิ้ง จ่ายเงิน แป๊บเดียวได้กินแล้ว สะดวกสุดๆ เว็บไซต์ทำไม่ได้แบบนี้นะ บอกเลย!
ปีนี้ 2024 แล้ว ใครยังใช้เว็บไซต์แบบเดิมๆ บอกเลยว่าเชยระเบิดระเบ้อ! ต้องเว็บแอพเท่านั้น ถึงจะทันสมัย เหมือนผมเนี่ย ทันสมัยสุดๆ อิอิ
แอพพลิเคชั่นมีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์อย่างไร?
โอ๊ย แอปพลิเคชั่นนี่ช่วยชีวิตชั้นไว้หลายครั้งเลยนะเนี่ย!
จำได้เลยตอนนั้นรีบมาก จะไปงานแต่งเพื่อนที่เชียงใหม่ (เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง) ลืมเอา power bank ไป! แบตมือถือเหลือ 15% คิดในใจ “ซวยแล้ว!” ดีนะนึกขึ้นได้ว่ามีแอปธนาคาร กดจ่ายค่าน้ำค่าไฟของที่บ้านผ่านแอปไปก่อนเลย (ปกติชอบค้างจ่าย 555) ได้แต้มคืนมานิดหน่อย เอาไปแลกส่วนลด grab ได้ 20 บาท โชคดีสุดๆ! สั่ง grab bike ไปซื้อ power bank ทันเวลาพอดี เกือบไปไม่ทัน!
แล้วก็…เมื่อวานซืนเพิ่งสั่งข้าวมันไก่ผ่านแอป robinhood ไปเอง คือขี้เกียจออกจากบ้านมาก ฝนตกพรำๆ ด้วย กดสั่งแป๊บเดียว พี่ rider ก็มาส่งแล้ว สะดวกสุดๆ
- ธุรกรรมการเงิน: จ่ายบิล, โอนเงิน, เช็คยอดเงิน
- ช้อปปิ้ง: ซื้อของออนไลน์, เปรียบเทียบราคา
- อาหาร: สั่งอาหารเดลิเวอรี่, จองร้านอาหาร
- ความบันเทิง: ดูหนัง, ฟังเพลง, เล่นเกม
- การเดินทาง: จองตั๋วเครื่องบิน, เรียกรถแท็กซี่
สรุปคือ แอปมันช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะจริงๆ นะว่าไป!
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต