ท้องเสียขนาดไหนถึงต้องไปหาหมอ

ท้องเสียแบบไหน? ถึงต้องรีบพบคุณหมอ อย่าปล่อยไว้อาจอันตรายกว่าที่คิด

อาการท้องเสีย เป็นอาการที่หลายคนคุ้นเคยและมักเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเป็นพิษ การติดเชื้อไวรัส หรือแม้แต่ความเครียด แต่ในขณะที่อาการท้องเสียบางครั้งสามารถหายได้เองภายใน 1-2 วัน อาการท้องเสียบางประเภทก็เป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่า และจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างเร่งด่วน

ทำไมอาการท้องเสียถึงน่ากังวล?

สิ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับอาการท้องเสียไม่ใช่แค่ความไม่สบายตัวและความถี่ในการเข้าห้องน้ำเท่านั้น แต่คือการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกายอย่างรวดเร็ว หากร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินไป อาจนำไปสู่อาการขาดน้ำ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว

สัญญาณอันตราย! ท้องเสียแบบไหนต้องรีบไปโรงพยาบาล?

ถึงแม้ว่าอาการท้องเสียส่วนใหญ่จะหายได้เอง แต่ก็มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกว่าคุณควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด:

• ท้องเสียอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง: หากคุณถ่ายเหลวมากกว่า 6 ครั้งต่อวัน และเป็นเช่นนี้ติดต่อกันนานกว่า 24 ชั่วโมง ถือว่าอาการท้องเสียรุนแรงและอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำอย่างรวดเร็ว
• มีไข้สูง: ไข้สูง (มากกว่า 38 องศาเซลเซียส) ร่วมกับอาการท้องเสีย อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสที่รุนแรง
• ปวดท้องอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง: อาการปวดท้องที่ร้าวลาม หรือปวดบิดอย่างรุนแรง อาจบ่งบอกถึงการอักเสบของลำไส้ หรือปัญหาอื่น ๆ ในช่องท้อง
• อุจจาระมีเลือดปน หรือมีมูกเลือด: การมีเลือดปนในอุจจาระเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ หรือการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด
• อาการอ่อนเพลียอย่างมาก: อาการอ่อนเพลียที่รุนแรงจนไม่สามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ อาจเป็นผลมาจากการขาดน้ำและเกลือแร่
• ท้องเสียเรื้อรัง: หากอาการท้องเสียยังคงอยู่เกิน 2 สัปดาห์ (ท้องเสียเรื้อรัง) ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
• มีอาการของการขาดน้ำ: เช่น ปากแห้ง คอแห้ง ปัสสาวะสีเข้ม ปัสสาวะน้อย เวียนศีรษะ หรือหน้ามืด

อย่าชะล่าใจ! รีบปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง

การละเลยอาการท้องเสียที่รุนแรง หรือมีสัญญาณเตือน อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ เช่น ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง ไตวาย หรือการติดเชื้อในกระแสเลือด การได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องจากแพทย์เท่านั้นที่จะช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่ตรงจุดและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

คำแนะนำเพิ่มเติม:

• ดื่มน้ำให้เพียงพอ: จิบน้ำบ่อยๆ เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไปจากอาการท้องเสีย เลือกดื่มน้ำเปล่า น้ำเกลือแร่ หรือน้ำซุปใส
• หลีกเลี่ยงอาหารที่ย่อยยาก: งดอาหารรสจัด อาหารมัน อาหารที่มีกากใยสูง และผลิตภัณฑ์จากนม
• พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

อาการท้องเสียไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย หากคุณมีอาการที่น่าสงสัย หรือไม่แน่ใจ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีของคุณ