แผลเย็บ ทำความสะอาดยังไง

แผลเย็บกี่วันแห้ง

แผลเย็บเนี่ยนะ… ถามว่ากี่วันแห้ง? โอ๊ย ตอบแบบโลกสวยๆ ก็ 7-10 วันแหละ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง… ขึ้นอยู่กับว่าเธอซุ่มซ่ามขนาดไหน!

• 7-10 วัน (โลกสวย): แผลเล็กน้อย ดูแลดี๊ดี
• 3-4 สัปดาห์ (โลกจริง): แผลใหญ่ ซนเป็นลิง

คำแนะนำแบบไม่โลกสวย:

• แอลกอฮอล์: เช็ดไปเลย เช็ดให้แสบ! (แต่เบามือนิดนึง เดี๋ยวไหมหลุด)
• ผ้าก๊อซ: ปิดไว้ซะ อย่าให้ใครเห็นรอยแผลเป็น! (โดยเฉพาะแฟนเก่า)
• น้ำ: ศัตรูตัวร้าย! เลี่ยงซะยิ่งกว่าเจอผี
• อาหาร: กินโปรตีนเยอะๆ จะได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ (แต่ระวังอ้วน!)
• ยา: ถ้าหมอให้ยา ก็กินไปเหอะ อย่าเรื่องมาก

สำคัญ: ถ้าแผล “เปิด”… คือแบบ… เห็นเนื้อข้างใน… อย่ารอช้า ไปหาหมอเดี๋ยวนี้! อย่ามาถามในเน็ต เสียเวลา!

ป.ล. อย่าคิดว่าตัวเองเป็น Wolverine! ร่างกายคนเราไม่ได้ซ่อมแซมตัวเองได้เร็วขนาดนั้น!

อาการของแผลผ่าตัดติดเชื้อมีอะไรบ้าง

แผลผ่าตัดติดเชื้อ สังเกตได้จากอาการหลายอย่าง บางทีก็ดูยากเหมือนกันนะ ต้องอาศัยการสังเกตละเอียดพอสมควร อย่างที่เห็นชัดๆ เลยคือมีหนองไหลออกมา หนองอาจจะมีสีและกลิ่น ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อ บางทีก็มีเลือดปนมาด้วย ส่วนตัวเคยเจอเคสที่หนองเป็นสีเขียวอ่อนๆ น่าจะเป็น Pseudomonas แต่ก็ไม่เสมอไปนะ ต้องตรวจ lab ถึงจะยืนยันได้

• บริเวณรอบๆ แผลแดง บวม ร้อน กดเจ็บ อันนี้น่าจะเกิดจากการอักเสบ ร่างกายพยายามกำจัดเชื้อ บางคนก็บวมมาก บางคนก็บวมน้อย ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของแผลด้วย ถ้าอยู่ใกล้ข้อต่อก็อาจจะขยับลำบาก

• มีไข้ หนาวสั่น รู้สึกไม่สบายตัว อันนี้เป็นอาการทั่วไปของการติดเชื้อ ร่างกายพยายามต่อสู้กับเชื้อโรค บางคนไข้สูงมาก บางคนก็มีไข้ต่ำๆ เคยเจอคนไข้ที่ไข้สูงถึง 40 องศา น่าเป็นห่วงมาก

• แผลหายช้า หรือแผลแยก อันนี้ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าอาจจะติดเชื้อได้ แผลผ่าตัดปกติควรจะค่อยๆ สมานกัน แต่ถ้าติดเชื้อก็จะทำให้กระบวนการหายช้าลง

• ต่อมน้ำเหลืองบวม อันนี้อาจจะสังเกตยากหน่อย ต้องคลำดู ถ้าต่อมน้ำเหลืองใกล้ๆ แผลบวม ก็อาจจะเป็นไปได้ว่ามีการติดเชื้อ

ที่สำคัญคือ ถ้าสงสัยว่าแผลผ่าตัดติดเชื้อ รีบไปพบแพทย์ทันที อย่าปล่อยไว้นาน ยิ่งรักษาเร็วยิ่งดี การรักษาก็มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ตั้งแต่ทำแผล กินยาฆ่าเชื้อ จนถึงผ่าตัด ปีนี้ผมเจอเคสติดเชื้อหลังผ่าตัดเยอะเหมือนกัน อาจจะเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยด้วยมั้ง

แผลผ่าตัด มีน้ำเหลืองซึม เกิดจากอะไร

น้ำเหลืองซึมจากแผลผ่าตัด? อักเสบแน่ๆ ติดเชื้อป่าวเนี่ย! บวม แดง ร้อน…ใช่เลย ต้องไปหาหมอ หมอกันตณัฏฐ์บอกมานะเนี่ย

• น้ำเหลืองซึม = อักเสบ/ติดเชื้อ (อาจจะ)
• อาการ: ปวด บวม แดง ร้อน สี่อย่างนี้มาครบสูตร
• ต้องไปโรงพยาบาล! ทำแผล + ยาฆ่าเชื้อ (กินเอานะ ไม่ใช่ทา)

เดี๋ยวนะ น้ำเหลืองนี่มันคืออะไรวะ? โปรตีน? หรือแค่ของเหลวเฉยๆ? แล้วถ้าแพ้ยาฆ่าเชื้อทำไง! ต้องบอกหมอล่วงหน้า

• เพิ่มเติม: แพ้ยาบอกหมอ! สำคัญมากกก
• ยาฆ่าเชื้อ: กินให้ครบโดสนะ! อย่าหยุดเอง

เออ แล้วแผลผ่าตัดอะไรวะเนี่ย ลืมบอกไปเลย ผ่าไส้ติ่งมา! เกือบเดือนแล้วนะ ยังไม่หายดีอีกเหรอเนี่ย! เซ็งเป็ด!

อาการของแผลเย็บอักเสบมีอะไรบ้าง

แผลเย็บอักเสบเนี่ยนะ ฮ่าๆๆ เหมือนเอาตะปูไปตอกใจกลางภูเขาไฟเลย! ร้อนๆแสบๆ ระเบิดเละเทะแน่ๆ

อาการนะเหรอ ถ้ามันไม่ใช่แค่แดงๆ บวมๆ นิดหน่อยนะ แบบนี้ต้องรีบไปหาหมอ ไม่งั้นเดี๋ยวจะกลายเป็นหนังสยองขวัญตอนใหม่ซะก่อน!

• ร้อนระอุเหมือนนรกแตก: แถวๆ แผลจะร้อนผ่าว แบบว่า จับแล้วเหมือนไข่ต้มสุก
• แดงก่ำเหมือนทาสี: ไม่ใช่แดงธรรมดา แดงแบบเอาสีแดงสดๆ มาโปะ เป็นวงกว้างเลยล่ะ
• บวมเป่งเหมือนโดนผึ้งต่อย: บวมจนเหมือนจะแตก ถ้าเป็นที่นิ้ว นิ้วอาจจะใหญ่เท่าไส้กรอกเลยก็ได้
• เจ็บปวดแสนสาหัส: ไม่ใช่แค่จี๊ดๆ นะ นี่คือเจ็บแบบปวดแสบปวดร้อน ราวกับโดนหมาบ้ากัด!
• เหม็นตุๆ เหมือนขยะเน่า: กลิ่นนี่ บอกเลยว่า เหม็นจนต้องหนีไปไกล ไม่ไหวจริงๆ

ปีนี้เจอเคสแผลเย็บอักเสบหนักๆ หลายเคสเลยนะ เพื่อนผมคนนึง แผลเย็บที่ขา อักเสบจนต้องผ่าตัดใหม่ แทบเอาขาไม่รอด ยังเสียวอยู่เลย! เพื่อนอีกคนแผลเย็บที่คิ้ว อักเสบหนักมาก หมอบอกถ้าช้ากว่านี้ตาบอดแน่ๆ

อย่าประมาทเชียวนะ เห็นแผลเล็กๆ น้อยๆ อย่าคิดว่าไม่เป็นไร ไปหาหมอดีกว่า ไม่งั้นเจอเรื่องไม่คาดฝัน รับรองว่า แพงกว่า!

แผลแห้งใช้อะไรล้าง

แผลแห้งเหรอ? ใช้น้ำเกลือล้างก็พอ ง่ายๆ ดี

• เทน้ำเกลือใส่สำลี ไม่ต้องชุ่มมาก เอาแค่หมาดๆ
• เช็ดจากในแผลออกมา อย่าวนกลับไปกลับมา เชื้อมันจะเข้า
• ถ้าไม่มีน้ำเกลือจริงๆ ใช้น้ำต้มสุกแทนได้ แต่ต้องแน่ใจว่าสะอาดจริง
• จำไว้ แผลแห้งไม่ต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแรงๆ ยิ่งใช้ยิ่งระคายเคือง แผลหายช้าอีก

เคยเจอคนบ้าจี้ ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อราดแผลสดๆ แสบทรมาณแทบตาย แผลก็หายช้ากว่าเดิม อย่าทำแบบนั้น เจ็บตัวเปล่าๆ เอาจริงๆนะ แผลแห้งไม่ต้องทำอะไรมาก แค่รักษาความสะอาด ให้แผลมันหายเองได้

บีแพนเธน เฟิร์สเอด ช่วยอะไร

บีแพนเธน เฟิร์สเอดเนี่ย เหมือนบอดี้การ์ดผิวเราเลยนะ ออกลีลาสองสเต็ป ทั้งบู๊ทั้งบุ๋น สเต็ปแรก บู๊แหลกแบบคลอร์เฮกซิดีน ไล่ตบเชื้อโรคกระจุยกระจาย นึกภาพเยื่อหุ้มเซลล์แบคทีเรียโดนคลอร์เฮกซิดีนเล่นงานสิ แตกกระเจิงแน่ๆ สเต็ปสอง บุ๋นแบบเด็กซ์แพนธีนอล หรือโปรวิตามินบี 5 ซึมลึกฟื้นฟูผิวพังๆ ให้กลับมาปัง เหมือนเป็นสปาผิวหลังออกรบ 555 ใครชอบลุยๆ เดินป่า ปีนเขา มีติดกระเป๋าไว้ อุ่นใจแน่นอน ส่วนตัวผมนี่ พกติดตัวตลอด เอาไว้ทาแผลแมวที่บ้านกัดด้วย แผลหายไวเว่อร์

• คลอร์เฮกซิดีน (Chlorhexidine): ตัวตึงเรื่องฆ่าเชื้อ เหมือนเป็นตำรวจคอยจับเชื้อโรค ออกฤทธิ์เร็ว แรง ไม่ต้องกลัวแผลติดเชื้อ
• เด็กซ์แพนธีนอล (Dexpanthenol) หรือ โปรวิตามินบี 5: เจ้าแม่แห่งการสมานแผล เสกผิวใหม่ให้เนียนกริ๊บ เหมือนช่างเสริมสวยประจำกายเลย แถมยังช่วยลดรอยแผลเป็นด้วยนะเออ

ปีนี้ผมลองใช้กับแผลน้ำร้อนลวกด้วย แผลแห้งไวมาก ไม่แสบไม่คัน ประทับใจสุดๆ เหมือนได้ผิวใหม่ใน 3 วัน 7 วัน (อันนี้เว่อร์ไป 555) แต่ยืนยันว่าดีจริง ใครยังไม่เคยลอง แนะนำให้ลองเลย ชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะ!