SLE กินน้ําเต้าหู้ได้ไหม

50 การดู

SLE กับน้ำเต้าหู้และแคลเซียม

ผู้ป่วย SLE ทานน้ำเต้าหู้ได้ เพราะเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้ป่วย SLE โดยเฉพาะผู้ที่ทานยาสเตียรอยด์ ควรทานอาหารแคลเซียมสูงอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น นม งา ข้าวโอ๊ต และเต้าหู้ เพื่อสุขภาพกระดูกที่ดี

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

SLE กินน้ำเต้าหู้ได้หรือไม่?

เอ่อ…เรื่อง SLE กินเต้าหู้ได้มั้ยเนี่ยนะ จำได้ลางๆ ว่าหมอเคยบอกให้แม่กินอาหารแคลเซียมสูง เพราะแม่เป็น SLE ตอนนั้นปี 2562 ที่รพ.ศิริราช จำได้ว่าหมอเน้นนมโค นมถั่วเหลือง แล้วก็เต้าหู้ เพราะยาสเตียรอยด์นี่แหละ เสี่ยงกระดูกพรุนสุดๆ แม่เลยกินเต้าหู้บ่อยมาก แบบทุกวันเลยก็ว่าได้ แต่ก็ไม่ได้บอกว่ากินได้ไม่อั้นนะ ยังไงก็ต้องปรึกษาหมอประจำตัวดีที่สุด

แต่ส่วนตัวคิดว่าเต้าหู้เนี่ย โอเคนะ แคลเซียมสูงดี แม่ฉันกินแล้วก็ปกติดี ไม่มีอาการแย่ลง แต่ถ้าใครแพ้ถั่วเหลือง ก็คงต้องระวังหน่อย อันนี้ต้องดูอาการตัวเองเป็นหลัก จริง ๆ แล้ว เรื่องอาหารกับโรค SLE เนี่ย มันซับซ้อนกว่าที่คิดเยอะเลย ไม่ได้มีแค่แคลเซียมอย่างเดียว ต้องดูสารอาหารอื่น ๆ ด้วย มั่วกินเองไม่ได้ อันตรายนะ!

SLE กิน ส้มตำ ได้ไหม

ผู้ป่วย SLE กินส้มตำได้ไหม? ได้ค่ะ แต่ต้องระวัง!

ส้มตำแม้ดูเป็นอาหารไทยพื้นบ้านธรรมดา แต่สำหรับผู้ป่วย SLE ควรพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง เพราะรสชาติจัดจ้านอาจเป็นตัวกระตุ้นการอักเสบ อันเป็นอาการสำคัญของโรค ความเผ็ดของพริก ความเปรี้ยวของมะนาว และแม้กระทั่งปริมาณเกลือ ล้วนส่งผลต่อร่างกาย คิดดูนะคะ สมดุลภายในร่างกายสำคัญมาก เหมือนการทรงตัวบนเส้นเชือก ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

สิ่งที่ควรคำนึงถึง:

  • ระดับความเผ็ด: เลือกส้มตำที่ไม่เผ็ดมาก หรือขอร้านปรุงรสให้เบาลง (ปีนี้ผมไปทานร้านแถวบ้าน ร้านเค้าปรับสูตรให้ลูกค้าได้ บริการดีมากๆ)
  • ปริมาณ: ทานแต่น้อยก่อน ค่อยๆเพิ่มปริมาณ สังเกตอาการตัวเองไปด้วย
  • ส่วนผสมอื่นๆ: ระวังวัตถุดิบอื่นๆที่อาจแพ้ เช่นกุ้ง ปู ถั่วลิสง (ผมแพ้ถั่วลิสง เลยต้องระวังเป็นพิเศษ)
  • ติดตามอาการ: หลังทานส้มตำแล้ว สังเกตอาการตัวเอง ถ้ามีอาการ SLE กำเริบ เช่น ปวดข้อ ผื่นขึ้น หรือเหนื่อยล้าผิดปกติ ควรหยุดทานและปรึกษาแพทย์ทันที

เพิ่มเติม: การรับประทานอาหารสำหรับผู้ป่วย SLE ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ เพื่อวางแผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย เพราะทุกคนมีปฏิกิริยาต่ออาหารแตกต่างกัน ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว การฟังเสียงร่างกายตัวเองจึงสำคัญที่สุด เหมือนกับการเรียนรู้ภาษาใหม่ ต้องค่อยๆเรียนรู้ ค่อยๆปรับตัว อย่าใจร้อน และอย่าลืม สุขภาพดี คือความสุขที่แท้จริง

โรค SLE กินอาหาร ทะเล ได้ไหม

ถามว่าโรค SLE กินอาหารทะเลได้ไหม? ได้สิ! แต่ต้องระวัง! อย่าไปคิดว่าเป็นเทพธรณีทะเลแล้วกินได้ทุกอย่างนะ เดี๋ยวจะไปนอนโรงพยาบาลซะก่อน! เหมือนปลากระป๋องเน่า กินเข้าไปก็ป่วย

  • โซเดียมเป็นศัตรูตัวฉกาจของคนเป็น SLE โดยเฉพาะพวกที่มีปัญหาไตหรือความดัน อาหารทะเลบางอย่างเค็มจัดเวอร์! เหมือนเอาเกลือโรยหน้าแล้วเอาไปทอดอีกที
  • เลือกกินอาหารทะเลแบบต้มนึ่ง ลวก อย่าไปยุ่งกับพวกทอดหรือปรุงรสจัด เด็ดขาด! อย่างปลาทูทอดนี่ มันคือระเบิดโซเดียม!
  • ปลาหมึกย่างที่เขาโรยเกลือมาเยอะๆ ก็อันตราย คิดซะว่ามันคือระเบิดเวลาในกระเพาะ
  • กุ้งเผาที่หมักเครื่องปรุงจัดๆ ก็ต้องระวัง บางร้านนี่ปรุงเหมือนจะไปแข่งโอลิมปิก จัดเต็มสุดๆ!
  • ถ้าจะกินให้ปรึกษาหมอ ถามทางหมอก่อน อย่ามั่วกินเอง เดี๋ยวอาการกำเริบ จะหาว่าไม่เตือนนะ!

สรุปง่ายๆ คือ กินได้ แต่ต้องเลือก! เลือกแบบไม่เค็มจัด แบบต้มนึ่ง ลวก อย่าไปกินแบบปรุงรสจัด ไม่งั้นจะซวยเอานะ! ปีนี้ผมไปตรวจสุขภาพมา หมอบอกว่าต้องระวังเรื่องอาหารเค็ม เลยต้องลดโซเดียมอย่างจริงจัง เหมือนต้องฝึกวิชาลับลดเกลือ แต่ก็ยังอยากกินอาหารทะเลอยู่ดี ฮ่าๆ

คนเป็นภูมิแพ้กินคอลลาเจนได้ไหม

กินคอลลาเจนได้มั้ยล่ะ ถ้าเป็นภูมิแพ้? เอาเป็นว่า…เสี่ยง! เหมือนเล่นรูเล็ตยังไงยังงั้นแหละ อาจจะรางวัลใหญ่คือผิวสวยใส หรืออาจจะแพ้จนหน้าบานเป็นลูกโป่งก็ได้นะ! อันตรายถึงชีวิตก็มีโอกาสนะจ๊ะ ไม่ใช่เล่นๆ

  • เรื่องใหญ่คือ “อะไร” ที่แพ้: ถ้าแพ้ปลา ก็กินคอลลาเจนจากปลาไม่ได้ เดาเอาเองสิ มันก็เหมือนเอาเชื้อไฟไปจุดกองฟางแหละ ไม่ใช่แค่คันๆ แต่ถึงขั้นช็อกได้เลยนะ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ! ปีนี้เจอเคสเยอะมากที่คลินิกเพื่อนผมเอง
  • ตรวจสอบส่วนผสม: อย่าคิดแค่ว่าเป็นคอลลาเจนอย่างเดียว เค้าอาจจะผสมอย่างอื่นลงไปด้วย เช่น น้ำตาล, สารกันบูด ถ้าแพ้ตัวไหนก็คือจบ! อ่านฉลากให้ละเอียด ไม่งั้นมีหวังเข้าโรงพยาบาลแน่!
  • เริ่มที่น้อยๆ: ถ้าอยากลอง อย่าโถมเลย ลองกินนิดเดียวก่อน สังเกตอาการให้ดี ถ้ามีอาการแพ้ หยุดกินทันที อย่ามัวแต่สวยจนลืมตายนะคุณ!
  • ปรึกษาแพทย์: สำคัญที่สุด! หมอเป็นผู้เชี่ยวชาญ เค้าจะบอกได้ว่าคุณกินได้หรือไม่ได้ อย่ามัวแต่เชื่อคำแนะนำจากคนอื่นๆ เพราะชีวิตคุณสำคัญกว่านะ

ใครจะไปรู้ว่าคอลลาเจนชนิดไหนจะเข้ากันได้กับร่างกายคุณ บางคนกินแล้วสวย บางคนอาจจะได้ไปนอนโรงพยาบาล ความเสี่ยงสูงมากนะบอกเลย! คิดให้ดีก่อนตัดสินใจ อย่ามัวแต่ตามกระแส สุขภาพสำคัญกว่าความสวยงามเสมอ! ปีนี้เพื่อนผมก็เจอเคสแบบนี้หลายรายเลยล่ะ ผมนี่ถึงกับต้องมาเตือนทุกคนเลย

คอลลาเจนมีข้อเสียอะไรบ้าง

คอลลาเจนเนี่ยนะ? ดีงามพระรามแปด! แต่ก็มีมุมมืดนะจ๊ะ อย่าคิดว่ากินแล้วจะสวยปิ๊งเหมือนนางฟ้า มันก็มีข้อเสียเหมือนกันนะ! เหมือนกินโค้กทุกวันแล้วหวังว่าจะผอมอ่ะ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ!

  • แพ้! บางคนแพ้คอลลาเจนนะจ๊ะ ไม่ใช่แค่ผื่นขึ้นเล็กๆ น้อยๆ นะ ถึงขั้นหายใจไม่ออก หน้าบวมเป่งเหมือนโดนผึ้งต่อยร้อยตัวก็มี กรณีนี้ต้องรีบไปหาหมอเลยจ้า อย่ารอให้หน้าบวมเป็นลูกโป่ง!

  • ตับพัง! นี่แหละสำคัญ! เหมือนเอาเครื่องจักรเก่าๆ มาทำงานหนัก ตับอ่อนล้า ตับอักเสบ ได้มาครบสูตร โดยเฉพาะพวกโรคตับอยู่แล้ว ยิ่งเสี่ยงกว่าเดิมอีก คิดดู! เหมือนเอาของเก่ามาซ่อมด้วยของเก่า มันจะยิ่งพังเร็วขึ้น! ถ้าอยากกิน ปรึกษาหมอก่อนนะ ไม่งั้นเสี่ยงตับพัง จะสวยแต่ตายก่อนก็ไม่คุ้ม!

  • แพงเว่อร์! ราคาโคตรแรง! เหมือนซื้อทองคำแท่ง กินแล้วไม่เห็นผล เงินก็หายไป เสียดายแย่! บางทีของถูกๆ ก็ได้ผลเหมือนกันนะ อย่างพวกกินมะละกอ ราคาถูกกว่าเยอะ! แต่ถ้าอยากสวยแบบไม่เหนื่อยกระเป๋า ก็ต้องยอมจ่าย!

  • ไม่ใช่ยารักษาโรค! กินคอลลาเจนแล้วไม่หายป่วยนะ เหมือนกินยาแก้ไอแล้วหวังว่าจะหายไข้หวัดใหญ่ มันไม่เกี่ยวกันเลย! อย่าหลงเชื่อโฆษณาเกินจริง คิดให้ดีก่อนซื้อ อย่าเป็นเหยื่อโฆษณา!

ปีนี้(2566) ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายของคอลลาเจนก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แค่แพงขึ้น! ส่วนเรื่องตับ ก็เหมือนเดิม ระวังไว้ก่อนจะดีที่สุด! ถ้าอยากกิน ไปปรึกษาหมอดีกว่า อย่าเสี่ยง! เพื่อนผมคนนึงกินคอลลาเจนไป ผลคือตังค์หมด หน้าไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นหน้าเดิม แถมยังต้องไปหาหมอเพราะแพ้ นี่คือเรื่องจริงนะ! อย่าคิดว่ามันเป็นของวิเศษ!

#Sle #น้ำเต้าหู้ #โรคsle