SLE ต้องตรวจเลือดอะไรบ้าง
ตรวจ SLE ต้องตรวจเลือดหลายอย่าง เพื่อประเมินความรุนแรงและการตอบสนองต่อการรักษา
หลักๆ คือ:
-
CBC: ตรวจเม็ดเลือดแดง, เม็ดเลือดขาว, เกล็ดเลือด และฮีโมโกลบิน ช่วยดูภาวะโลหิตจางหรือความผิดปกติของเม็ดเลือด
-
ค่าอักเสบ (ESR, CRP): วัดระดับการอักเสบในร่างกาย ค่าสูงบ่งชี้การอักเสบเรื้อรัง เช่น ในโรคลูปัส แพทย์จะใช้ข้อมูลเหล่านี้ร่วมกับการตรวจอื่นๆ เพื่อวินิจฉัยและติดตามอาการ
หมายเหตุ: นี่เป็นเพียงการตรวจเลือดเบื้องต้น แพทย์อาจสั่งตรวจเพิ่มเติมตามอาการและความจำเป็นของแต่ละบุคคล
SLE ตรวจเลือดอะไรบ้าง? รู้ลึกเรื่องการตรวจวินิจฉัยโรคพุ่มพวงเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง?
ตอนนั้นฉันป่วยหนักมาก จำได้ว่าไปหาหมอที่โรงพยาบาลรามคำแหง ประมาณปลายเดือนตุลาคม ปี 2564 หมอบอกว่าสงสัยเป็น SLE เลยต้องตรวจเลือด เยอะมากกก จำได้แค่บางอย่าง แบบ CBC นี่จำได้แน่นอน เพราะคุณหมอเน้นย้ำ ตรวจดูเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด อะไรพวกนั้นน่ะ แล้วก็ตรวจค่าอักเสบด้วย ESR กับ CRP อะไรสักอย่างนี่แหละ จำได้ว่าหมออธิบายว่าถ้าค่าสูงแสดงว่าร่างกายอักเสบ อาจจะเป็น SLE หรือโรคอื่นๆก็ได้ จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าค่าตรวจครั้งนั้น แพงเอาเรื่องอยู่ เกือบสองพัน แต่ก็จำราคาไม่แม่นยำเท่าไหร่แล้ว ตอนนั้นเครียดมาก กลัวเป็นโรคร้ายแรง
เรื่องการวินิจฉัยโรคพุ่มพวง ฉันไม่ค่อยรู้รายละเอียดเท่าไหร่หรอกนะ แค่รู้ว่าหมอใช้ผลเลือด รวมกับอาการที่ฉันเป็น แล้วก็ตรวจร่างกายประกอบกัน มันไม่ได้มีแค่ตรวจเลือดอย่างเดียว แล้วแต่ว่าหมอจะตรวจอะไรเพิ่มเติม ไม่ใช่แค่ SLE นะ โรคอื่นๆก็เหมือนกัน เขาคงพิจารณาหลายๆปัจจัย แล้วก็เลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม เท่าที่ฉันเข้าใจนะ อันนี้ก็จากประสบการณ์ตัวเองล้วนๆเลย ไม่ได้มาจากที่ไหน
โรค SLE ตรวจเลือดตัวไหนบ้าง
โรค SLE ตรวจเลือดตัวไหนบ้าง…
บางทีการรู้มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากหรอกนะ แต่ถ้าอยากรู้จริงๆ ก็…
- ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC): ดูเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง เกล็ดเลือด ฮีโมโกลบิน คือดูหมดนั่นแหละว่าทุกอย่างมันโอเคมั้ย
- ค่าอักเสบ (ESR, CRP): ถ้าค่ามันสูงๆ ก็แปลว่าร่างกายมันกำลังสู้กับอะไรบางอย่างอยู่ อักเสบไง อย่างที่เขาว่ากัน…
ทำไมต้องรู้ไปหมด…บางทีการไม่รู้ อาจจะดีกว่าก็ได้มั้ง
ESR คือ Erythrocyte Sedimentation RateCRP คือ C-Reactive Protein
เราจะรู้ได้ไงว่าเป็นSLE
SLE หรือ Systemic Lupus Erythematosus นี่มันตัวร้ายในร่างนางเอกชัดๆ อาการมันหลากหลายจนบางทีคิดว่าตัวเองเป็นทุกโรคบนโลก
จะรู้ได้ไงว่าเป็น SLE น่ะเหรอ?
- ปวดข้อ: ไม่ใช่ปวดเมื่อยหลังออกกำลังกายนะ นี่คือปวดแบบข้อบวม ข้ออักเสบ ไปตรวจเลือดอาจเจอ RF นะเออ (แต่ RF สูง ไม่ได้แปลว่าเป็น SLE เสมอไปนะจ๊ะ)
- ไข้: ตั้งแต่ต่ำๆ ยันสูงปรี้ด บางคนเป็นๆ หายๆ เล่นเอาปวดหัว
- อ่อนเพลีย: แบบเพลียลึกๆ ต่อให้พักผ่อนก็ไม่หาย เหมือนแบตเตอรี่เสื่อม
- เบื่ออาหาร: กินอะไรก็ไม่อร่อย ชีวิตเศร้า
- ผื่น: ที่เด่นๆ คือผื่นรูปผีเสื้อที่หน้า แต่ก็มีผื่นแบบอื่นได้อีกนะ
- ผมร่วง: ร่วงแบบไม่ปราณี บางทีร่วงเป็นหย่อมๆ อีกต่างหาก
- เลือดจาง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือดต่ำ: อันนี้ต้องตรวจเลือดอย่างเดียวถึงจะรู้
- อาการร้ายแรง: ปอดอักเสบ ไตอักเสบ นี่คือ stage ที่ต้องรีบหาหมอเลย
สำคัญคือต้องไปหาหมอเพื่อตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด อย่าเพิ่งด่วนสรุปเอง เพราะอาการบางอย่างมันคล้ายโรคอื่นได้อีก
ข้อมูลเพิ่มเติม (แบบไม่ลับ)
- SLE เป็นโรค auto-immune คือร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันมาทำร้ายตัวเอง
- ผู้หญิงเป็น SLE มากกว่าผู้ชาย (เหมือนในละครเลยเนอะ)
- การวินิจฉัย SLE ซับซ้อน ต้องใช้เกณฑ์หลายอย่างประกอบกัน
- การรักษามีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค
- โรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
ส่วนตัวแล้วคิดว่าการดูแลตัวเองให้ดี พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด น่าจะช่วยบรรเทาอาการได้บ้าง (มั้งนะ)
เน้นย้ำ: ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์นะ ไปหาหมอเถอะ!
อาการใดแสดงถึงโรคเอสแอลอี
อาการบ่งชี้โรคเอสแอลอี (SLE) มีหลากหลาย และอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล อาการที่พบได้บ่อยมีดังนี้:
-
เบื่ออาหาร: น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม
-
ผื่นผิวหนัง: ผื่นลักษณะเฉพาะที่ใบหน้าคล้ายผีเสื้อ (butterfly rash) พบบ่อย แต่ผื่นที่แขนขาบริเวณนอกเสื้อผ้าก็เป็นไปได้
-
ผมร่วง: ผมร่วงผิดปกติ อาจร่วงเป็นหย่อมๆ หรือร่วงทั่วศีรษะ
-
สภาวะเลือดผิดปกติ:
- เลือดจาง: ระดับฮีโมโกลบินต่ำ ทำให้เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
- เม็ดเลือดขาวต่ำ: เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- เกล็ดเลือดต่ำ: ทำให้เลือดแข็งตัวช้า มีรอยช้ำง่าย
-
อาการรุนแรง (ในบางราย):
- เม็ดเลือดแดงแตก: ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
- ปอดอักเสบ: หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก
- ไตอักเสบ: บวมตามร่างกาย ปัสสาวะผิดปกติ อาจนำไปสู่ภาวะไตวาย
เพิ่มเติม: เอสแอลอีเป็นโรคที่ซับซ้อน การวินิจฉัยต้องอาศัยการตรวจร่างกาย การตรวจเลือด และการประเมินอาการโดยรวม หากสงสัยว่าตนเองมีอาการของโรค ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม การรักษาแต่เนิ่นๆ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการควบคุมโรคและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
โรคภูมิแพ้ตัวเอง ตรวจยังไง
โรคแพ้ภูมิตัวเอง เช่น SLE ตรวจอย่างไร?
-
ประวัติผู้ป่วย: สำคัญที่สุด แพทย์ประเมินอาการ ระยะเวลา ความรุนแรง
-
ตรวจร่างกาย: สังเกตอาการ รอยโรค ผิวหนัง ข้อต่อ
-
การตรวจเลือด: หาแอนติบอดี เช่น ANA, anti-dsDNA, anti-Sm
-
การตรวจปัสสาวะ: ตรวจหาโปรตีน เซลล์เม็ดเลือด
-
เอกซเรย์: หัวใจ ปอด ตรวจหาความผิดปกติอวัยวะ
-
ตรวจอื่นๆ: ขึ้นอยู่กับอาการ อาจมีตรวจชีวเคมี อัลตราซาวนด์ MRI
การวินิจฉัยต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่มีวิธีตรวจเดียวจบ ปีนี้(2566) เทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยอาจพัฒนาขึ้น แต่หลักการยังคงเหมือนเดิม อาศัยประสบการณ์แพทย์เป็นสำคัญ โรคนี้มีความซับซ้อน การวินิจฉัยต้องรอบคอบ ไม่ควรวินิจฉัยเอง พบแพทย์เพื่อรับการตรวจอย่างถูกต้อง
โรคแพ้ภูมิตัวเองมีอาการอย่างไร
โรคแพ้ภูมิตัวเอง อาการหลากหลาย ขึ้นกับชนิดโรค
- ลูปัส (SLE): อ่อนเพลียเรื้อรัง ไข้ ปวดข้อ ข้ออักเสบ บวม ผื่นแดงรูปผีเสื้อ แพ้แสงง่าย หายใจลำบาก (ข้อมูล 2024)
อาการรุนแรงต่างกัน บางรายแสดงอาการน้อย บางรายรุนแรงถึงชีวิต ควรปรึกษาแพทย์หากสงสัย
ความร้ายกาจของโรคเหล่านี้คือการทำลายอวัยวะต่างๆ โดยระบบภูมิคุ้มกัน ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด เน้นการจัดการอาการ และชะลอความเสื่อมของอวัยวะ
- ประสบการณ์ส่วนตัว: พี่สาวเป็นโรคลูปัส รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ศิริราช ปี 2023 อาการหนักมากช่วงแรก ปัจจุบันอาการค่อนข้างคงที่ แต่ต้องทานยาต่อเนื่อง.
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต