ค่าลิขสิทธิ์ ยื่นแบบไหน

3 การดู

ข้อมูลแนะนำใหม่:

หากคุณได้รับค่าลิขสิทธิ์, ค่าสิทธิบัตร หรือเงินได้อื่นๆ ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้, ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.2 แทนคุณภายใน 7 วันนับจากวันสิ้นเดือนที่จ่ายเงินได้ดังกล่าว ตรวจสอบเอกสารการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) เพื่อยืนยันข้อมูลและนำไปใช้ในการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีของคุณ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ค่าลิขสิทธิ์ที่ได้รับ…ยื่นแบบไหนให้ถูกต้องครบถ้วน? (พร้อมเคล็ดลับที่ไม่ค่อยมีใครบอก!)

หลายคนอาจตื่นเต้นเมื่อได้รับค่าลิขสิทธิ์ ค่าสิทธิบัตร หรือเงินได้อื่นๆ จากการสร้างสรรค์ผลงาน แต่สิ่งที่ตามมาคือความกังวลใจว่าจะต้องยื่นภาษีอย่างไรให้ถูกต้องตามกฎหมาย บทความนี้จะคลายความสงสัยนั้น พร้อมเจาะลึกในรายละเอียดที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน!

เข้าใจเรื่องค่าลิขสิทธิ์และภาระภาษีเบื้องต้น

ค่าลิขสิทธิ์จัดเป็น “เงินได้ประเภทที่ 8” ตามประมวลรัษฎากร ซึ่งหมายความว่าเป็นเงินได้จากการประกอบวิชาชีพอิสระอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในเงินได้ประเภทอื่นๆ (เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง หรือดอกเบี้ย) เมื่อได้รับเงินได้ประเภทนี้ สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือ:

  • ภาษีหัก ณ ที่จ่าย: โดยปกติแล้ว ผู้จ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์จะหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ก่อนจ่ายเงินให้คุณ ซึ่งอัตราภาษีจะขึ้นอยู่กับประเภทของเงินได้และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง
  • ภ.ง.ด.2 (หน้าที่ของผู้จ่าย): ผู้จ่ายเงิน (เช่น สำนักพิมพ์ บริษัทเพลง หรือหน่วยงานที่ใช้สิทธิในผลงานของคุณ) มีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.2 เพื่อนำส่งภาษีที่หักไว้จากคุณให้กับกรมสรรพากรภายใน 7 วันนับจากวันสิ้นเดือนที่จ่ายเงินให้คุณ (ข้อมูลนี้สำคัญและหลายคนอาจไม่ทราบ!)
  • ภ.ง.ด.90/91 (หน้าที่ของคุณ): คุณมีหน้าที่ต้องนำเงินได้จากค่าลิขสิทธิ์ที่ได้รับ มารวมคำนวณในการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี (ภ.ง.ด.90 สำหรับผู้มีเงินได้จากแหล่งอื่นด้วย และ ภ.ง.ด.91 สำหรับผู้มีเงินได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียว)

ขั้นตอนการยื่นภาษีค่าลิขสิทธิ์อย่างละเอียด

  1. รวบรวมเอกสาร:

    • หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ): เอกสารนี้สำคัญมาก! เพราะเป็นหลักฐานแสดงว่าคุณถูกหักภาษีไปแล้วเท่าไหร่ หากไม่มีเอกสารนี้ คุณอาจต้องเสียภาษีซ้ำซ้อน
    • เอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง: เช่น สัญญาการอนุญาตให้ใช้สิทธิ (License Agreement) หรือเอกสารแสดงรายได้อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับค่าลิขสิทธิ์
  2. ตรวจสอบข้อมูลใน 50 ทวิ:

    • ตรวจสอบชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี และรายละเอียดของเงินได้ที่ได้รับให้ถูกต้อง หากพบความผิดพลาด ให้รีบติดต่อผู้จ่ายเงินเพื่อแก้ไข
    • ตรวจสอบว่าประเภทเงินได้ที่ระบุใน 50 ทวิ ถูกต้องหรือไม่ เช่น “ค่าลิขสิทธิ์” “ค่าสิทธิบัตร” หรือ “ค่าแห่งกู๊ดวิลล์”
  3. เลือกวิธีการยื่นภาษี:

    • ยื่นออนไลน์: สะดวก รวดเร็ว และสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร (rd.go.th)
    • ยื่นด้วยกระดาษ: สามารถดาวน์โหลดแบบ ภ.ง.ด.90/91 จากเว็บไซต์กรมสรรพากร กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน และยื่นที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่
  4. กรอกแบบฟอร์มให้ถูกต้อง:

    • ในแบบ ภ.ง.ด.90/91 ให้ระบุเงินได้จากค่าลิขสิทธิ์ในช่อง “เงินได้ประเภทที่ 8”
    • คำนวณภาษีที่ต้องชำระ โดยนำเงินได้จากค่าลิขสิทธิ์รวมกับเงินได้ประเภทอื่นๆ (ถ้ามี) หักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่างๆ ที่คุณมีสิทธิ์
    • นำภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย (จาก 50 ทวิ) มาหักออกจากภาษีที่ต้องชำระ หากภาษีที่ถูกหักไว้เกินกว่าภาษีที่ต้องชำระ คุณจะได้รับเงินคืน

เคล็ดลับที่ไม่ค่อยมีใครบอก!

  • ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์ผลงาน: อย่าลืมนำค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์ผลงานมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้ เช่น ค่าอุปกรณ์ ค่าเดินทาง ค่าอบรม หรือค่าจ้างผู้ช่วย (ต้องมีหลักฐานประกอบ เช่น ใบเสร็จรับเงิน)
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากคุณไม่แน่ใจในขั้นตอนใด หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับภาษีค่าลิขสิทธิ์ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้อง
  • วางแผนภาษีล่วงหน้า: การวางแผนภาษีตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณประหยัดภาษีได้อย่างถูกกฎหมาย และหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง

สรุป

การยื่นภาษีค่าลิขสิทธิ์ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด หากคุณทำความเข้าใจขั้นตอนและรายละเอียดต่างๆ อย่างถูกต้องครบถ้วน และอย่าลืมใช้ประโยชน์จากค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่างๆ ที่คุณมีสิทธิ์ เพื่อให้การยื่นภาษีเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับคุณ!