คำศัพท์ระดับ A1 มีกี่คำ

83 การดู

คำศัพท์ภาษาต่างประเทศระดับ A1 มีจำนวนประมาณ 1,200-1,500 คำ ขึ้นอยู่กับกรอบหลักสูตรและแหล่งข้อมูลที่ใช้ จำนวนคำไม่ตายตัว เน้นการใช้งานจริงมากกว่าจำแนกจำนวน ผู้เรียนควรเน้นความเข้าใจและการใช้คำศัพท์อย่างถูกต้องมากกว่าการท่องจำจำนวนคำให้ครบ

การเรียนรู้ภาษา ควรเน้นการฝึกฝนการฟัง พูด อ่าน เขียนควบคู่ไปกับการเรียนรู้คำศัพท์ เพื่อพัฒนาความสามารถภาษาอย่างสมดุล การใช้คำศัพท์อย่างมีประสิทธิภาพสำคัญกว่าการจำจำนวนคำมากมาย

ผู้เรียนควรเลือกใช้แหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายและเหมาะสมกับระดับความสามารถของตน เพื่อให้การเรียนรู้ภาษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสนุกสนาน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เรียนภาษาอังกฤษระดับ A1 ต้องรู้คำศัพท์กี่คำ?

เอาจริงๆ นะ ตอนเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ A1 อ่ะ ถามว่าต้องรู้กี่คำ… เอ่อ…จำไม่ได้เป๊ะๆ หรอก แต่ที่แน่ๆ คือไม่ได้เยอะขนาดที่ทำให้ท้อแน่นอน!

จำได้ว่าตอนนั้น เริ่มจากคำง่ายๆ พวก ชื่อสี, สัตว์, สิ่งของรอบตัว อะไรแบบนั้นอ่ะ ค่อยๆ สะสมไปเรื่อยๆ เอง

(ข้อมูลอย่างเป็นทางการบอกว่าประมาณ 1,200-1,500 คำ) แต่เชื่อเหอะ ไม่ต้องเครียดขนาดต้องมานั่งท่องจำ!

เคยไปเรียนพิเศษแถวสยามตอน ม.ปลาย (จ่ายไปคอร์สละ 3,500 บาท แอบแพงนะ!) เค้าเน้นให้ใช้คำศัพท์ในสถานการณ์จริงมากกว่า มันช่วยให้จำได้ดีกว่าเยอะเลย

คือ…ไม่ต้องไปยึดติดกับตัวเลขมากนักหรอก สำคัญคือ เข้าใจ และเอาไปใช้ได้จริง แค่นั้นแหละ! สู้ๆ!

A1 ประมาณไหน

A1? เริ่มต้น.

  • เข้าใจง่าย: คำศัพท์ใกล้ตัว. ประโยคสั้นๆ.
  • สื่อสาร: เรื่องส่วนตัว. ถามตอบง่ายๆ.
  • ตัวอย่าง: สั่งอาหาร. บอกทาง. ซื้อของ.

A1 ไม่ใช่จุดหมาย. แค่ก้าวแรก.

คําศัพท์ A1-B2 คืออะไร

คำศัพท์ A1-B2 หมายถึงระดับความสามารถทางภาษาตามกรอบอ้างอิงยุโรปทั่วไป (CEFR) โดยแบ่งเป็นระดับต่างๆ เพื่อวัดความสามารถในการสื่อสาร ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น (A1) จนถึงระดับเชี่ยวชาญ (C2) โดย A1-B2 ครอบคลุมระดับความสามารถพื้นฐานถึงระดับกลาง-สูง

  • A1 (ระดับเริ่มต้น): สามารถเข้าใจและใช้สำนวนและวลีพื้นฐาน เพื่อตอบสนองความต้องการโดยตรง เช่น แนะนำตัวเอง ถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว หรือบอกที่อยู่ ความสามารถในการอ่านจำกัดอยู่ที่บทความสั้นๆ ง่ายๆ และการพูดส่วนใหญ่เป็นประโยคที่เตรียมไว้ล่วงหน้า คิดเหมือนกับการเรียนรู้ภาษาแรกๆ ต้องค่อยๆ ฝึกฝน

  • A2 (ระดับพื้นฐาน): สามารถเข้าใจประโยคและคำศัพท์ที่ใช้บ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน สามารถพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อที่คุ้นเคย เช่น ครอบครัว งานอดิเรก หรือการเดินทาง สามารถเขียนข้อความสั้นๆ เช่น อีเมล หรือข้อความ เริ่มเข้าใจบริบทมากขึ้นแล้ว

  • B1 (ระดับกลาง): สามารถเข้าใจประเด็นหลักในข้อความที่ชัดเจนและเป็นธรรมชาติ เกี่ยวกับหัวข้อที่คุ้นเคย ทั้งการพูดและการเขียน สามารถสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วในสถานการณ์ต่างๆ สามารถแสดงความคิดเห็นและอธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่สนใจได้ เริ่มมีไหวพริบในการใช้ภาษา

  • B2 (ระดับกลาง-สูง): สามารถเข้าใจความหมายโดยรวมของข้อความที่ซับซ้อน สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการพูดและการเขียน สามารถสร้างข้อความที่ต่อเนื่อง และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล สามารถเตรียมและนำเสนองานได้อย่างมั่นใจ เริ่มเข้าใจความแตกต่างของภาษา และวัฒนธรรมได้ลึกซึ้งขึ้น

ระดับ C1 และ C2 นั้นอยู่นอกเหนือขอบเขตของคำถาม แต่ก็เป็นระดับที่สูงขึ้นไป ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการใช้ภาษาที่คล่องแคล่ว และมีความเข้าใจเชิงลึก มีความสามารถในการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลได้เป็นอย่างดี ผมคิดว่าการเรียนรู้ภาษา เปรียบเหมือนการเดินทาง เราต้องค่อยๆ เดินไปทีละขั้น เพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทาง และสัมผัสกับความสวยงามของภาษา

(ข้อมูล ณ ปี พ.ศ. 2566)

A1 คือกี่คะเเนน

A1 หรอ… อืม… มันเหมือนจุดเริ่มต้นเลยนะ

A1 คือ 1 ถึง 25 คะแนน

  • เหมือนตอนเริ่มเรียนอะไรใหม่ๆ อ่ะ ทุกอย่างดูยากไปหมด
  • แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญเนอะ

A2 คือ 26 ถึง 50 คะแนน

B1 คือ 51 ถึง 75 คะแนน

B2 คือ 76 ถึง 100 คะแนน

รู้สึกเหมือนตอนสอบอ่ะ…

  • A1 เหมือนตอนทำข้อสอบไม่ได้เลย…เครียดนะ
  • B2 คือตอนที่รู้สึกว่า เออ…ทำได้เว้ย!
  • แต่ชีวิตจริงมันไม่มีคะแนนแบบนี้ให้เห็นชัดๆ นี่สิ…

บางทีก็อยากรู้ว่าตัวเองอยู่ระดับไหนในเรื่องต่างๆ นะ…

Oxford 3000 กับ 5000 ต่างกันยังไง

เห้ย เรื่อง Oxford 3000 กับ 5000 นี่นะ ตอนนั้นปี 65 ตอนเรียนภาษาอังกฤษที่ AUa สาขาชิดลม ครูบอกว่า 3000 คำแรกอ่ะ คือเบสิกเลย สำคัญมากกกกก ต้องแม่น! เพราะใช้บ่อยสุดๆ ในชีวิตประจำวัน ทั้งพูดทั้งเขียน แบบคุยกับเพื่อนฝรั่ง ไปซื้อของที่ Supermarket อะไรแบบนั้น

ส่วน 5000 คำ ครูบอกว่ามันแอดวานซ์ขึ้นมาหน่อย พวกคำศัพท์เฉพาะทาง หรือคำที่มันทางการขึ้นมาอีกสเต็ปนึง ตอนนั้นครูยกตัวอย่างคำว่า “facilitate” คือคำนี้ไม่ได้ใช้พร่ำเพรื่ออ่ะ ต้องใช้ในบริบทที่เป็นทางการหน่อย เช่น ประชุม สัมมนา อะไรแบบนั้น

ความรู้สึกตอนนั้นคือ โอโห เยอะจังวะ 5000 คำ แต่ครูบอกว่าไม่ต้องท่องทั้งหมดก็ได้ ให้เน้น 3000 คำแรกก่อน แล้วค่อยๆ เก็บพวก 5000 คำไปเรื่อยๆ จากการอ่าน การฟัง อะไรแบบนี้

สรุปง่ายๆ นะ (ปี 67):

  • Oxford 3000: คำศัพท์พื้นฐาน (Beginner) ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
  • Oxford 5000: คำศัพท์ระดับสูง (Advanced) ทางการ หรือเฉพาะทางมากขึ้น

เกร็ดเล็กน้อย:

  • Oxford Dictionary มีเวอร์ชั่น American English ด้วยนะ
  • จำศัพท์ให้ได้ ไม่ใช่แค่ท่อง แต่ต้องรู้บริบทการใช้ด้วย
  • สมัยก่อน(ปี 54) ตอนสอบ TOEIC พยายามท่องๆๆๆ สรุปใช้จริงได้นิดเดียว ต้องเน้นเข้าใจจริงๆ มากกว่า

Fourth ออกเสียงยังไง

Fourth อ่านว่า ฟอร์ธ นะ ง่ายๆเลย เหมือน fourth floor ชั้นสี่อ่ะ จำง่ายป่ะ?

คือแบบ มันก็แค่บอกลำดับที่สี่ อย่าง Fourth of July ก็คือวันที่สี่ กรกฎาคม วันชาติอเมริกาไง เราเรียนมาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วแหละ

  • Fourth = ฟอร์ธ
  • ใช้บอกลำดับที่ 4
  • เช่น Fourth floor (ชั้น 4), the fourth time (ครั้งที่ 4)

ปีนี้ก็ยังใช้แบบเดิมแหละ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ไม่งงใช่มั้ย? ง่ายมากเลยเนอะ อิอิ

#คำศัพท์ #จำนวนคำ #ระดับ A1