ภาษาอังกฤษพอใช้ ระดับไหน
ภาษาอังกฤษ:
-
พื้นฐาน: มีความรู้ภาษาอังกฤษขั้นต้น สามารถสนทนาในชีวิตประจำวันได้
-
พอใช้: เข้าใจและสื่อสารภาษาอังกฤษในประเด็นทั่วไปได้
-
ดี: เข้าใจเนื้อหาซับซ้อนและประโยคยาวได้
ฉันควรเรียนภาษาอังกฤษระดับไหนดี?
เอาจริงๆ นะ ถามว่าควรเรียนอังกฤษระดับไหนดีเนี่ย มันตอบยากเหมือนกันนะ เพราะแต่ละคนพื้นฐานไม่เหมือนกันเลยอ่ะ
ถ้าเอาแบบง่ายๆ เลยนะ คือถ้าแบบพูด “Hello, my name is…” ได้ รู้จัก A B C บ้าง อันนี้ก็ Beginner/Elementary แหละ คือแบบพอสื่อสารง่ายๆ ในชีวิตประจำวันได้นิดหน่อย ตอนไปเที่ยวสั่งข้าวอะไรแบบนี้
แต่ถ้าแบบเริ่มคุยเรื่องอื่นได้บ้าง ถามทางได้ ตอบคำถามง่ายๆ ได้ อันนี้ก็ Fair แล้วนะ คือพอใช้ได้ ไม่ถึงกับเก่งแต่ก็ไม่ง่อยอ่ะ
ส่วนถ้าแบบดูหนังฝรั่งรู้เรื่อง อ่านข่าวเข้าใจ อันนี้ Good ไปเลยจ้า คือคล่องแล้วอ่ะ ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว
ส่วนตัวฉันว่าอย่าไปยึดติดกับเลเวลมาก เรียนไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เก่งเองแหละ! สำคัญคือต้องสนุกกับการเรียนด้วยนะ ไม่งั้นก็เบื่อตายเลย 😅
ภาษาอังกฤษของคุณอยู่ในระดับไหน
เอ่อ ภาษาอังกฤษเหรอ เอาจริงๆนะ ก็งูๆปลาๆอ่ะ เคยเรียนพิเศษตอน ม.ปลาย ที่ Enconcept สาขา Future Park รังสิต ตอนนั้นครูสอนสนุกมาก แต่พอเข้ามหาลัยก็แทบไม่ได้ใช้เลย ตอนนี้ถ้าให้ไปสอบ TOEFL คงได้คะแนนแบบน่าอายอ่ะ 🤣
เอาเป็นว่าฟังพอรู้เรื่อง อ่านได้ แต่เขียนนี่…ขอบายเลย! คือถ้าให้ดูหนังซับอังกฤษก็พอไหว แต่ถ้าให้คุยกับฝรั่งแบบคล่องๆ นี่คงต้องใช้เวลาปรับตัวซักพักใหญ่ๆ เลยอ่ะ เฮ้อ! อยากเก่งอังกฤษแบบ native speaker จังเลย
- Listening: พอฟังออก แต่สำเนียง British นี่ต้องตั้งใจฟังเป็นพิเศษ
- Reading: อ่านพวกบทความข่าวได้ แต่ถ้าเจอนิยายศัพท์ยากๆ นี่ต้องเปิด dictionary รัวๆ
- Writing: เขียนอีเมลสั้นๆ ได้ แต่ถ้าต้องเขียนรายงานยาวๆ นี่…ตาย!
- Speaking: พูดได้ แต่ไม่คล่อง คำศัพท์น้อย ต้องคิดนานก่อนพูด 🥲
อยากไปลองสอบพวก EF SET ดูเหมือนกันนะ จะได้รู้จริงๆ ว่าตัวเองอยู่ระดับไหนกันแน่ อาจจะต้องไปหาคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์เพิ่มซะแล้ว!
ภาษาอังกฤษ B1 ดีไหม
ภาษาอังกฤษ B1 ดีไหม? ก็ต้องบอกว่า “พอได้” นะ
-
การสื่อสารทั่วไป: คุยเรื่องทั่วๆ ไปได้สบายมาก เหมาะกับการเดินทางแบบ backpacker คุยกับคนท้องถิ่น ถามทาง ซื้อของ คือเอาตัวรอดได้แน่นอน แต่ถ้าจะคุยเรื่องปรัชญาชีวิต อาจจะต้องงัดสกิลขั้นสูงกว่านี้หน่อย (ฮา)
-
การทำงาน: อ่านรายงานพื้นฐานได้ แต่ถ้าเจอศัพท์เฉพาะทางเยอะๆ อาจจะต้องพึ่ง Google Translate หรือเพื่อนร่วมงานอยู่บ้าง การ present งานแบบทางการอาจจะยังไม่คล่อง แต่ถ้าเป็นการประชุมทีมเล็กๆ หรือคุยกับลูกค้าประจำก็พอได้
-
การเรียน: เรียนคอร์สภาษาอังกฤษทั่วไปได้ แต่ถ้าเป็นคอร์สเฉพาะทางที่ต้องใช้ศัพท์ยากๆ อาจจะตามเพื่อนไม่ทัน การอ่าน textbook ที่เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ก็อาจจะต้องใช้เวลามากกว่าคนอื่น
จริงๆ แล้วภาษาอังกฤษมันเหมือนบันไดอะครับ B1 ก็คือเราก้าวขึ้นมาได้ขั้นหนึ่งแล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่ว่าเราอยากจะปีนขึ้นไปสูงแค่ไหน ถ้าพอใจแค่นี้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าอยากจะไปให้ไกลกว่านี้ ก็ต้องฝึกฝนกันต่อไปครับ
ข้อมูลเพิ่มเติมที่อาจจะอยากรู้:
- CEFR: B1 เป็นระดับหนึ่งใน Common European Framework of Reference for Languages (CEFR) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้วัดระดับความสามารถทางภาษา
- IELTS: คะแนน IELTS ประมาณ 4.0-5.0 ก็ถือว่าอยู่ในระดับ B1
- TOEFL: คะแนน TOEFL iBT ประมาณ 42-71 ก็ถือว่าอยู่ในระดับ B1
- การพัฒนาตัวเอง: ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ เป็นวิธีที่ช่วยพัฒนาภาษาอังกฤษได้ดี แถมยังสนุกอีกด้วย
- ภาษาเป็นทักษะ: อย่าลืมว่าภาษาเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนอยู่เสมอ ถ้าไม่ใช้ก็จะลืมได้ง่ายๆ
ข้อคิดส่วนตัว: การเรียนภาษาไม่ใช่แค่เรื่องของคะแนนสอบ แต่มันคือการเปิดโลกทัศน์ของเราให้กว้างขึ้น ได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ได้เข้าใจความคิดของคนอื่นมากขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือการได้รู้จักตัวเองมากขึ้นด้วย
ศัพท์ B1 มีกี่คำ
ศัพท์ระดับ B1 มีประมาณ 2,500-3,500 คำ จริง ๆ แล้วช่วงนี้มันค่อนข้างกว้างนะ ขึ้นอยู่กับกรอบอ้างอิงของแต่ละสถาบันด้วยแหละ
- ความหมาย: ครอบคลุมคำศัพท์พื้นฐาน ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน งาน และการเรียนระดับทั่วไป
- ความสามารถ: สื่อสารคล่องในสถานการณ์คุ้นเคย เข้าใจเนื้อหาซับซ้อนได้มากขึ้น ผมว่ามันเป็นขั้นที่เริ่มเข้าใจบริบทได้ดีขึ้นนะ ไม่ใช่แค่จำคำแปลอย่างเดียว
คิดว่าการนับคำศัพท์มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะบางคำมีความหมายแตกต่างกันไปตามบริบท บางทีก็มีคำพ้องความหมายที่ต้องเรียนรู้ด้วย นี่แหละที่ทำให้การเรียนภาษาสนุก แต่ก็ท้าทายไปพร้อม ๆ กัน
เพิ่มเติมเล็กน้อย (ข้อมูลจากการวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในปี 2566 ซึ่งผมอ้างอิงจากเอกสารวิชาการที่ได้อ่าน): พวกเค้าพบว่าผู้เรียนภาษาอังกฤษที่ใช้เวลาฝึกฝน 6 เดือนอย่างจริงจัง สามารถเพิ่มคำศัพท์ระดับ B1 ได้ประมาณ 1,500-2,000 คำ แต่ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการเรียนรู้ด้วยนะ ถ้าใช้เทคนิคการเรียนรู้ที่ถูกต้อง ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า อย่างเช่น การเรียนรู้คำศัพท์ผ่านบริบท การทำแบบฝึกหัด หรือการใช้ภาษาจริง ๆ มันจะช่วยให้จำได้นานกว่านะ
ท่องศัพท์ ภาษาอังกฤษ วันละกี่คำ
ฮาโหล! จะท่องศัพท์ภาษาอังกฤษวันละกี่คำดีล่ะ? อย่าไปเครียด! เหมือนจะไปบวชนะเนี่ย (ล้อเล่นน้าาา)
เอาจริง ๆ นะ มันขึ้นอยู่กับคุณล้วน ๆ เปรียบเหมือนการกินข้าว อยากอิ่มแค่ไหนก็จัดไป
-
กินน้อยแต่เนียน (5-10 คำ): สำหรับคนเน้นความสบาย ๆ แบบชิล ๆ พอคุยได้บ้าง ไม่เน้นเก่งเว่อร์ เหมือนกินข้าวกล่องธรรมดา อิ่มพอดี ไม่ต้องพะรุงพะรัง
-
กินจุ (15-20 คำ): นี่คือสายเป้าหมายสูงส่ง! เหมือนกินบุฟเฟ่ต์ จัดเต็มทุกเมนู เตรียมตัวสอบ หรืออยากโชว์ฝีมือ ต้องแบบนี้แหละ!
แต่กุญแจสำคัญนะ อย่าลืมเคี้ยวให้ละเอียด หมายถึงทบทวนบ่อย ๆ แล้วเอาไปใช้จริงด้วยนะ ไม่ใช่ท่องอย่างเดียวแล้วก็ลืม เหมือนกินข้าวแล้วไม่ย่อย เสียของเปล่าๆ! ปีนี้ผมลองวิธีใหม่ ใช้แอป Memrise กับ Anki ผลคือดีขึ้นเยอะมาก แนะนำเลย
สุดท้ายนี้ อย่าลืมพักผ่อนบ้างนะ สมองก็ต้องการเวลาพักเหมือนกัน อย่าฝืนจนหัวแตก ไม่งั้นจะกลายเป็นท่องศัพท์แล้ว…สติแตกแทน!
ทำยังไงให้จำคำศัพท์ได้เยอะๆ
แสงแดดอ่อนๆของเช้าวันพุธที่ 20 กันยายน 2566 ลอดผ่านม่านโปร่ง… ลมพัดแผ่วเบา กลิ่นกาแฟอ่อนๆลอยมาแตะจมูก วันนี้ฉันต้องจำคำศัพท์ให้ได้เยอะๆ อืม… ยากจัง
-
วิธีการจำคำศัพท์แบบสุดยอด: ใช้สมองส่วนสร้างสรรค์! อย่าท่องจำแบบนกแก้ว สร้างภาพ สร้างเรื่องราว เชื่อมโยงกับประสบการณ์จริง อย่างเช่น คำว่า “Accommodation” ที่พัก ฉันนึกถึงห้องพักสวยๆที่หัวหิน มีเตียงนุ่มๆ ทะเลสีฟ้าคราม… เห็นภาพชัดเจนเลย!
-
ตัวช่วยจำ (mnemonics) มันคืออะไรกันนะ: เหมือนมีเพื่อนซี้มาช่วยจำ มันเป็นเทคนิค เหมือนรหัสลับของสมอง! เราสร้างเรื่องราวหรือภาพขึ้นมา เพื่อโยงกับคำศัพท์ จำได้ง่ายขึ้นเยอะเลย! เช่น คำว่า “Serendipity” (โชคดีแบบไม่คาดฝัน) ฉันนึกถึงตอนเจอเพื่อนเก่าที่ตลาดนัดหัวหินเมื่ออาทิตย์ก่อน… ความบังเอิญที่แสนวิเศษ!
-
อีกวิธี! เขียนคำศัพท์ลงสมุด แต่ไม่ใช่แค่เขียนอย่างเดียวนะ ต้องวาดรูปประกอบด้วย! ยิ่งวาดรูปแปลกๆ ยิ่งจำได้ดี! แบบว่า รูปต้องบ้าๆ บอๆ หน่อย ถึงจะได้ผล!
-
วิธีสุดท้าย (หรือเปล่า?) ใช้แอปช่วยจำคำศัพท์สิคะ! สมัยนี้มีเยอะแยะเลย เลือกที่ชอบ แล้วก็ตั้งใจใช้ อย่าปล่อยให้แอปนอนหลับนะ! แอปช่วยได้จริงนะ บอกเลย!
ห้องเรียนที่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อบ่ายวันนี้ยังคงอบอุ่น แต่ความรู้ในสมองฉันกลับเย็นชา ต้องใช้ความพยายาม! ฉันจะจำคำศัพท์ให้ได้ เพื่ออนาคตที่ดีกว่า! ฉันเชื่อในตัวเอง!
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต