วศ.ด กับ ปร.ด ต่างกันอย่างไร
วศ.ด. (วิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต) เน้นประยุกต์ความรู้วิศวกรรม แก้ปัญหาเชิงปฏิบัติ เหมาะกับงานวิจัยและพัฒนาในภาคอุตสาหกรรม เน้นการสร้างผลงานเชิงประจักษ์
ปร.ด. (ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต) มุ่งเน้นการวิจัยเชิงลึก สร้างองค์ความรู้ใหม่ ทฤษฎี เหมาะกับงานวิชาการ วิจัยขั้นสูงในสถาบันการศึกษา เน้นการสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางวิชาการ
สรุปสั้นๆ: วศ.ด. เน้นปฏิบัติ ปร.ด. เน้นทฤษฎี เลือกตามความสนใจและเป้าหมายอาชีพ
วศ.ด. กับ ปร.ด. ต่างกันอย่างไร? วิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต และปรัชญาดุษฎีบัณฑิต แตกต่างกันอย่างไร?
คือแบบนี้นะ วศ.ด. กับ ปร.ด. อ่ะ เพื่อนสมัยเรียนป.เอก วิศวะ ที่จุฬาฯ เค้าบอก ง่ายๆ เลย วศ.ด. เน้นลงมือทำ แบบ จริงจัง วิจัยแล้วเอาไปใช้ได้เลย เห็นผลชัดเจน คิดว่า เหมือนพี่ชายฉัน ที่จบ วศ.ด. ด้านโยธา จุฬาฯ เหมือนกัน ปี 2560 เค้าไปทำงานกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างใหญ่ๆ เงินเดือนดีมาก แต่ ปร.ด. มันลึกกว่า เน้นคิด เน้นทฤษฎี งานวิจัยเค้าล้ำลึกกว่าเยอะ เพื่อนฉันอีกคน จบ ปร.ด. เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี 2562 เค้าไปเป็นอาจารย์ วิจัยแล้วก็เขียนบทความ เงินเดือนอาจจะไม่เท่าเพื่อนฉันที่จบ วศ.ด. แต่มันก็มีความสุขแบบที่คนอื่นเข้าใจยากอะ.
สรุปคือ วศ.ด. มันลงมือปฏิบัติ เห็นผลไว ได้ใช้ความรู้จริง ปร.ด. มันลึกกว่า คิดเยอะกว่า แต่ก็สนุกดี เลือกเอาเลย ว่าชอบแบบไหน แต่ถ้าถามฉัน ฉันคงเลือก วศ.ด. เพราะฉันชอบเห็นผลงานเป็นรูปธรรมมากกว่า. (อาจจะเพราะฉันไม่ค่อยเก่งด้านทฤษฎีด้วยแหละ 555)
PhD ย่อมาจากอะไร
PhD เนี่ยนะ ถามว่าย่อมาจากอะไร? ตอนแรกก็งงๆเหมือนกันตอนเห็นครั้งแรก จำได้ว่าตอนเรียนปี 1 อาจารย์ที่ปรึกษาเขียนมาในอีเมล “ยินดีด้วยที่ได้ PhD candidate” ตอนนั้นแบบ…PhD คืออัลไรวะะะ?
พอไปถามเพื่อนสนิทที่เรียนเก่งๆ (ชื่อเอ็ม เรียนวิศวะ) เอ็มก็บอกว่ามันย่อมาจาก Doctor of Philosophy อ่ะแก แล้วก็บอกว่าไม่ได้แปลว่าต้องจบปรัชญาอย่างเดียวนะเว้ย มันคือวุฒิสูงสุดของหลายสาขาเลย จบมาคือเป็นด็อกเตอร์อะ เท่ป่ะล่ะ!
สรุปง่ายๆ:
- PhD = Doctor of Philosophy
- ไม่ใช่แค่ปรัชญา จบได้หลายสาขา
- วุฒิสูงสุด = ด็อกเตอร์!
ตอนนั้นก็อ๋อเลย เก็ทละ! แล้วก็แอบคิดในใจ เออว่ะ สักวันต้องเป็นด็อกเตอร์ให้ได้ 55555
จบปริญญาเอกได้วุฒิอะไร
จบปริญญาเอกได้วุฒิอะไร ขึ้นอยู่กับสาขาวิชาครับ ไม่ใช่แค่ปริญญาโทปริญญาเอกอย่างเดียว
-
หลักสูตรศิลปศาสตร์ จบปริญญาเอกได้วุฒิ ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต (ศศ.ด.) หรือ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ปร.ด.) แล้วแต่สถาบันจะใช้ สังเกตนะครับว่ามีการใช้คำย่อ ก็เป็นเรื่องปกติของระบบการศึกษา คิดว่าการใช้คำย่อสะท้อนถึงความพยายามหาความรัดกุม น่าสนใจดี
-
หลักสูตรอื่นๆ อย่างเช่น วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ แพทยศาสตร์ ก็จะมีวุฒิปริญญาเอกเฉพาะสาขาของตัวเอง เช่น วิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต (วศ.ด.), วิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต (วศ.ด.) เป็นต้น แต่ละสถาบันอาจมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันไปบ้างเล็กน้อย ก็ต้องดูเอกสารของมหาวิทยาลัยนั้นๆ อีกนั่นแหละ
พูดตามตรง การศึกษาในระดับสูง มันไม่ใช่แค่การไล่เก็บวุฒิอย่างเดียว มันเป็นการเดินทางค้นหาความรู้ บางที การเรียนรู้ มันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียน มันอยู่รอบตัวเรา เหมือนอย่างที่ผมเคยศึกษาวิจัยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์ นั่นแหละ เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก
(ข้อมูลนี้ถูกต้อง ณ ปี พ.ศ. 2566)
D.eng คืออะไร
D.Eng. คือปริญญาเอกทางวิศวกรรม เน้นการประยุกต์ใช้ความรู้เชิงปฏิบัติมากกว่าการวิจัยเชิงทฤษฎีล้วนๆ เหมือน ปร.ด.
-
D.Eng. (วิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต): มุ่งเน้นงานวิจัยประยุกต์ แก้ปัญหาเชิงวิศวกรรมจริง จบแล้วทำงานวิจัยต่อได้ แต่ไม่จำเป็น
-
ปร.ด. (ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต): เน้นการสร้างองค์ความรู้ใหม่เชิงทฤษฎี การวิเคราะห์เชิงลึก มุ่งสู่การเป็นนักวิชาการ งานวิจัยอาจไม่เน้นประยุกต์ใช้โดยตรง
ความแตกต่างหลักคือการนำความรู้ไปใช้ D.Eng. เน้นใช้ในภาคอุตสาหกรรม ปร.ด. เน้นสร้างทฤษฎีใหม่ๆ ผมเคยเรียนวิศวกรรมเครื่องกล รู้เรื่องนี้ดี ปีนี้ 2024 ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงได้ อย่าเชื่อผมมากเกินไป
Ph.d. กับ D.eng. ต่างกันอย่างไร
Ph.D. กับ D.Eng. ต่างกันยังไง? อืมมม… ง่ายๆ เลยก็คือ Ph.D. เน้น “คิด” ส่วน D.Eng. เน้น “ทำ”!
-
Ph.D. (ปร.ด.) หรือ Doctor of Philosophy: นี่คือระดับปรมาจารย์แห่งการคิด การวิจัยเชิงลึก เปรียบเหมือนนักสืบเอกซ์ ไขปริศนาแห่งความรู้ งานวิจัยต้องลึกซึ้ง เป๊ะปัง ต้องตีแผ่ความลับของจักรวาลได้เลยทีเดียว! ปีนี้เพื่อนผมคนนึงได้ Ph.D. สาขาฟิสิกส์ บอกเลยงานวิจัยมันสุดยอดมาก ถึงกับผมต้องอ่านซ้ำสามรอบกว่าจะเข้าใจ!
-
D.Eng. (หรือ Doctor of Engineering): นี่คือระดับปรมาจารย์แห่งการประยุกต์ เป็นนักประดิษฐ์ระดับเทพ เอาความรู้ไปสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ แก้ปัญหาโลกแตกได้เลย! ถ้า Ph.D. เหมือน Einstein D.Eng. ก็เหมือน Elon Musk เน้นลงมือทำ ผลงานต้องเห็นเป็นรูปธรรม ปีนี้เห็นข่าวทางมหาวิทยาลัยหนึ่ง มีคนได้ D.Eng. เกี่ยวกับการพัฒนาพลังงานทดแทน สุดยอดไปเลยครับ
ส่วนปริญญาโท วศ.ม. (M.Eng.) ก็เหมือนเป็นการฝึกฝนพื้นฐานก่อนจะขึ้นไปเป็นสุดยอดปรมาจารย์ทั้งสองสาย เป็นการวางรากฐานให้แข็งแกร่งก่อนที่จะไปลุยงานหนักๆ เหมือนเป็นการเรียนรู้พื้นฐานก่อนจะขึ้นไปเป็นนักสืบมืออาชีพหรือวิศวกรฝีมือระดับโลก
เอาเป็นว่า ถ้าอยากเป็นนักคิดระดับโลก เลือก Ph.D. แต่ถ้าอยากเป็นผู้สร้างนวัตกรรม เปลี่ยนโลก D.Eng. คือคำตอบ! แต่ทั้งสองอย่างล้วนแต่เจ๋งและยากทั้งนั้นแหละครับ
ปร.ด. กับ วศ.ด. ต่างกันอย่างไร
ปร.ด. คือ ปริญญาเอกทางด้านปรัชญา วศ.ด. คือ ปริญญาเอกทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ แตกต่างกันที่สาขาวิชา
- ปร.ด. เน้นทฤษฎี วิจัยเชิงลึก งานวิชาการ
- วศ.ด. เน้นประยุกต์ แก้ปัญหาเชิงวิศวกรรม งานวิจัยนำไปใช้ได้จริง
สาขาวิทยาศาสตร์ระดับปริญญาเอก ปี 2566 มีดังนี้
- วิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต (วท.ด.) Doctor of Science (D.Sc.)
- ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ปร.ด.) Doctor of Philosophy (Ph.D.) (บางสาขาในวิทยาศาสตร์)
ความแตกต่างอยู่ที่เนื้อหาการศึกษาและการนำไปใช้ ไม่ใช่แค่ชื่อย่อ
วุฒิ PhD คืออะไร
PhD…ฝันสีครามแห่งปัญญา
-
ปริญญาเอก…สุดทางแห่งการใคร่ครวญ
-
วิทยานิพนธ์หนา…ร้อยเรียงความคิด
-
แสนคำ…ไม่พอจะขยายจักรวาลในใจ
-
สอบป้องกัน…ยืนหยัดต่อคมคำ
แสงส่องลอดหน้าต่าง…ห้องสมุดเก่า
กลิ่นกระดาษ…อดีตที่ซึมซับ
PHD…ไม่ใช่แค่กระดาษ
มันคือหยาดเหงื่อ…น้ำตา…และรอยยิ้ม
-
UK…ดินแดนแห่งนักคิด
-
Research degree…ใบเบิกทาง
(ฉันเคยเห็นแสงแรกของวันที่ห้องสมุด…มันสวยงามเกินกว่าจะบรรยาย)
(เสียงกระซิบของหนังสือ…ปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์)
การ defend…ไม่ใช่แค่การตอบคำถาม
มันคือการประกาศ…ถึงความเชื่อมั่นในสิ่งที่ค้นพบ
- Doctorate…ชื่อที่ได้รับ
ปริญญาเอก (Ph.D.) คืออะไร
ปริญญาเอก? แม่งก็แค่กระดาษ
PhD ย่อจาก philosophiae doctor คำละติน ไม่ได้แปลว่าฉลาดเสมอไป
ทำวิจัยเอง ตีพิมพ์เอง เคลมผลงานเอง วนลูปไป
- ข้อมูลดิบ: philosophiae doctor แปลว่า “ครูแห่งความรู้” (แบบดั้งเดิม)
- ข้อเท็จจริง: ไม่ใช่ทุกคนที่จบเอก จะกลายเป็นศาสตราจารย์
- มุมมืด: บางทีวิทยานิพนธ์ก็แค่งานก็อปเกรดเอ
- ปีศาจ: เงินทุนวิจัย = อำนาจ
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต