อาชีพอะไรในอนาคต จะมีความรุ่งเรือง ก้าวหน้า
อนาคตสดใส 7 อาชีพมาแรง!
-
งานขาย: ยอดขายพุ่ง! ต้องการบุคลากรเชี่ยวชาญดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เน้นความเข้าใจลูกค้าและการปิดการขาย
-
ไอที: โลกดิจิทัลบูม! โปรแกรมเมอร์, นักวิเคราะห์ข้อมูล, ผู้เชี่ยวชาญไซเบอร์ซีเคียวริตี้ เป็นที่ต้องการสูง
-
วิศวกร: เทคโนโลยีล้ำสมัย! วิศวกรหุ่นยนต์, วิศวกรพลังงาน, วิศวกรด้านความยั่งยืน มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ
-
บัญชี-การเงิน: การบริหารจัดการทางการเงินมีความจำเป็น ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน มีความต้องการเพิ่มขึ้น
-
ขนส่ง-โลจิสติกส์: อีคอมเมิร์ซขยายตัว! ผู้จัดการซัพพลายเชน, ผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่ง มีความสำคัญต่อธุรกิจ
-
กายภาพบำบัด: สังคมผู้สูงอายุ ความต้องการผู้เชี่ยวชาญดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
-
แพทย์-สุขภาพ: การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ แพทย์เฉพาะทาง, พยาบาล, นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมาก
อาชีพเหล่านี้มีความก้าวหน้าและมั่นคง การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องจะยิ่งเพิ่มโอกาสความสำเร็จ
อาชีพไหนในอนาคตที่น่าจับตา? งานอะไรมาแรง ทำเงินดี และมีโอกาสก้าวหน้าในยุคดิจิทัล?
เอ่อ…ถามว่าอาชีพไหนในอนาคตน่าจับตา? ยากนะที่จะฟันธง! แต่เอาจริงๆ ป่ะ ฉันว่าพวกสายไอทีนี่แหละมาแรงแน่นอน คือโลกมันดิจิทัลขึ้นทุกวันๆ อ่ะ พวกโปรแกรมเมอร์ นักวิเคราะห์ข้อมูล หรือแม้แต่พวกที่ทำเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์นี่แหละ ตัวเต็งเลย
ฉันเคยคุยกับเพื่อน (ชื่อเอ) ที่ทำอยู่บริษัทด้าน Data Science แห่งหนึ่ง (แถวสีลม, น่าจะช่วงต้นปีที่แล้ว) เขาบอกว่าตำแหน่ง Data Scientist นี่คือขาดตลาดสุดๆ เงินเดือนก็ไม่ต้องพูดถึงนะ…อิจฉา!
แล้วก็…พวกงานที่เกี่ยวกับสุขภาพก็สำคัญนะ นักกายภาพบำบัดอะไรพวกนี้ คนแก่เยอะขึ้นเรื่อยๆ ไง แล้วคนรุ่นใหม่ก็ใส่ใจสุขภาพมากขึ้นด้วยมั้ง อันนี้คิดเอาเองนะ 555
แต่ถ้าให้เลือกจริงๆ เหรอ? ฉันว่าอะไรที่มัน “เฉพาะทาง” และ “แก้ปัญหา” ได้ จะรุ่งแน่ๆ ไม่ว่าจะสายไหนก็ตาม…ว่าแต่เราจะเก่งอะไรดีล่ะทีนี้? 😂
เรียนสายอาชีพอะไรหางานง่าย?
ตอนนั้นปี 66 ฉันเรียนสายอาชีวะ สาขาคอมพิวเตอร์ จบมาหางานง่ายมาก เพื่อนๆเรียนสายอื่น อย่างพวกช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า ก็หางานง่ายเหมือนกันนะ แต่รายได้อาจจะไม่เท่า ตอนนั้นฉันสมัครงานที่บริษัทไอทีแห่งหนึ่งแถวบางนา ได้งานเลย เพราะตอนเรียนฝึกงานที่นั่นด้วย สบายเลย ไม่ต้องเหนื่อยหางาน แต่เพื่อนฉันเรียนบริหาร หาอยู่นานเลย กว่าจะได้งาน งานแรกมันได้เงินเดือนน้อยกว่าฉันด้วยนะ แอบดีใจเล็กๆ
-
สายอาชีพที่หางานง่ายปี 66 ที่ฉันสังเกตคือ คอมพิวเตอร์ ช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า
-
แต่ถ้าอยากได้เงินดีๆ เรียนสายวิศวะ หรือสายไอที ก็ดีนะ แต่เรียนหนักหน่อย ฉันเห็นพี่ที่ทำงาน จบวิศวะ เงินเดือนเยอะกว่าฉันมาก แต่ก็เหนื่อยมากเหมือนกัน เขาบอกว่างานหนักแต่คุ้มค่า
-
สายอื่นๆก็มีโอกาสหางานนะ แต่บางสายอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย แล้วแต่จังหวะและโอกาสด้วย อย่างเพื่อนฉันเรียนบริหาร หางานยากกว่าเพื่อนฉันที่เรียนช่างเยอะเลย
-
ตอนเรียน ฉันพยายามเรียนให้เก่ง แล้วก็ฝึกงาน เพื่อที่จะหางานง่ายๆ นี่แหละ เคล็ดลับ และอีกอย่าง ต้องเลือกสายงานที่เราชอบด้วยนะ จะได้ไม่เบื่อ ทำงานไปนานๆ
ส่วนตัวฉันว่าถ้าอยากได้งานง่ายๆ และเงินดี สายไอที ตอนนี้ยังไปได้สวยอยู่ เพื่อนฉันหลายคน จบมาทำงานบริษัทใหญ่ๆ เงินเดือนดี แต่ต้องขยัน และเรียนรู้ตลอดเวลา นะ เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไวมาก
เรียนสาขาไหนจบมาไม่ตกงาน?
เอาล่ะ มาดูกันว่าเรียนอะไรแล้วรุ่ง (แบบไม่โลกสวย) ในยุคนี้
3 คณะที่เรียนแล้ว (น่าจะ) ไม่ตกงาน แถมมีอนาคต:
-
คณะโลจิสติกส์และเทคโนโลยีการบิน: ไม่ใช่แค่ขับเครื่องบินนะเพื่อน แต่เป็นเรื่องของการจัดการระบบหลังบ้านทั้งหมด ตั้งแต่คลังสินค้าอัจฉริยะ ยันซอฟต์แวร์บริหารจัดการการขนส่ง ตอนนี้อีคอมเมิร์ซบูมขนาดนี้ ถามจริง ใครไม่ต้องการคนจัดการโลจิสติกส์? (แถมยังได้ฟีลไฮโซเบาๆ เวลาบอกว่าทำงานด้านการบิน)
- ลู่ทาง: Data Analyst ด้าน Supply Chain, ผู้จัดการคลังสินค้า, ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายการบิน
- เกร็ดเล็กน้อย: สายนี้ต้องพร้อมเรียนรู้ตลอดเวลา เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมาก ถ้าหยุดนิ่ง = ตกกระป๋อง
-
คณะศิลปศาสตร์: อย่าเพิ่งเบ้ปาก! ไม่ใช่แค่เรียนภาษาแล้วไปเป็นครูสอนภาษาอย่างเดียว คนที่เข้าใจ “คน” จริงๆ ต่างหากที่หายาก ลองคิดดูสิ AI เก่งแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องมีคนมาตีความสิ่งที่ AI ทำอยู่ดี ทักษะการสื่อสาร การวิเคราะห์ การคิดเชิงวิพากษ์ พวกนี้ AI แทนไม่ได้
- ลู่ทาง: นักวิเคราะห์นโยบาย, นักสื่อสารองค์กร, นักพัฒนาเนื้อหา, ผู้เชี่ยวชาญด้าน UX/UI (ใช่แล้ว ศิลปศาสตร์ก็ทำได้!)
- ปรัชญาเล็กๆ: บางที “ทักษะอ่อน” นี่แหละคือ “ทักษะแข็ง” ที่สุดในยุคดิจิทัล
-
คณะเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม: ไม่ต้องอธิบายเยอะเนอะ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าอนาคต แต่ไม่ใช่แค่เขียนโปรแกรมเก่งนะ ต้อง “คิด” ให้เป็นด้วย คิดว่าจะเอาเทคโนโลยีไปแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง แล้วจะ “สร้าง” อะไรใหม่ๆ ได้บ้าง
- ลู่ทาง: นักพัฒนาแอปพลิเคชัน, นักวิเคราะห์ข้อมูล, ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI, ผู้ประกอบการ Startup (แต่ต้องมีไอเดียที่ “ว้าว” จริงๆ นะ)
- ความเห็นส่วนตัว: คนที่เรียนสายนี้ต้องไม่กลัวความล้มเหลว เพราะนวัตกรรมส่วนใหญ่มันก็มาจากความผิดพลาดทั้งนั้น
ข้อมูลเพิ่มเติม (แบบไม่วิชาการ):
- สำคัญ: เลือกเรียนในสิ่งที่ “ชอบ” จริงๆ ไม่ใช่แค่เห็นว่าคนอื่นเรียนแล้วรวย เพราะถ้าไม่ชอบ ยังไงก็ไปไม่รอด
- อีกอย่าง: ทักษะที่สำคัญที่สุดคือ “การเรียนรู้ตลอดชีวิต” โลกมันเปลี่ยนเร็วมาก อย่าหยุดพัฒนาตัวเอง
- และสุดท้าย: Connection is key! สร้างเครือข่ายกับเพื่อน อาจารย์ รุ่นพี่ เอาไว้เยอะๆ มันช่วยได้จริงๆ นะ
เพิ่มเติมสำหรับปี 2567:
- โลจิสติกส์: เน้นเรื่อง Green Logistics มากขึ้น การจัดการ Supply Chain ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกำลังมาแรง
- ศิลปศาสตร์: ทักษะด้านภาษาที่สาม (เช่น จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น) จะเป็นที่ต้องการมากขึ้น
- เทคโนโลยีดิจิทัล: Cybersecurity สำคัญกว่าที่คิด เพราะข้อมูลรั่วที บริษัทเจ๊งได้เลย
เรียนคณะอะไรดี หางานง่าย?
เลือกคณะอะไรดี หางานง่าย? คำถามนี้ไม่มีคำตอบตายตัว ขึ้นอยู่กับความสนใจและทักษะส่วนบุคคล แต่โดยทั่วไป คณะที่มักมีโอกาสหางานง่ายและรายได้ดี (ข้อมูล ณ ปี 2566) มีดังนี้:
-
วิศวกรรมศาสตร์: ไม่ว่าจะเป็นสาขาไฟฟ้า, เครื่องกล, คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ตลาดแรงงานยังต้องการอยู่เสมอ โดยเฉพาะด้านซอฟต์แวร์ และเทคโนโลยีต่างๆ ที่กำลังบูม
-
แพทย์ศาสตร์: อาชีพที่มั่นคง รายได้ดี แต่ต้องเรียนหนัก และใช้เวลานาน ความต้องการบุคลากรทางการแพทย์ยังคงสูง
-
บริหารธุรกิจ: เป็นคณะที่เปิดกว้าง สามารถทำงานได้หลากหลายอุตสาหกรรม แต่ความก้าวหน้าขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความสามารถ ต้องรู้จักสร้างเครือข่าย
-
บัญชี: มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ระบบการเงินมีความซับซ้อนมากขึ้น ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ
แต่…การเลือกคณะที่ “หางานง่าย” อาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอไป บางที การเลือกเรียนในสิ่งที่เรารัก และมีความสามารถ อาจนำไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนกว่า เพราะความสุขในการทำงาน ก็เป็นส่วนสำคัญของชีวิต ไม่ใช่เหรอ? นี่คือความคิดเห็นส่วนตัว จากประสบการณ์การทำงานในวงการวิชาการ
ข้อมูลเพิ่มเติม: แน่นอนว่า รายได้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่คณะที่เรียน อย่างเช่น ทักษะ ประสบการณ์ และสถานที่ทำงาน เป็นต้น ตัวอย่างเช่น วิศวกรซอฟต์แวร์ในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ อาจมีรายได้สูงกว่า วิศวกรโยธาในบริษัทขนาดเล็ก อย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่แพทย์เฉพาะทาง ก็มีรายได้สูงกว่าแพทย์ทั่วไปเช่นกัน ผมเคยเห็นข้อมูลเปรียบเทียบเงินเดือนวิศวกรในปี 2565 มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ซึ่งเป็นแนวโน้มที่น่าจับตามอง
เรียนสายอะไรได้เงินเยอะ?
เรียนอะไรได้เงินเยอะ? ถามงี้แม่งก็ต้องหมอ วิศวะ บัญชี ฟัน เภสัช ป่ะวะ
วิทย์-คณิตดีไหม? ถ้าไม่โง่เลขก็เรียนดิ จะถามทำเหี้ยไร
- แพทย์: ชั่วโมงบินสูง เงินดี ชิบหายยาก
- วิศวะ: โคตรหลากหลาย แต่ต้องเก่งจริง ไม่งั้นตกงานแดก
- บัญชี: ตัวเลขไม่โกหก แต่คนโกหกได้ เตรียมรับมือความซวย
- ทันตะ: หมอฟันรวยจริง แต่ต้องใจเย็น เจอคนปากเหม็นทุกวัน
- เภสัช: ขายยาแม่งก็รวย แต่ต้องมีความรู้ ไม่ใช่สักแต่ว่าขาย
ปล. ปีนี้เศรษฐกิจแบบนี้ เรียนเหี้ยไรก็เหนื่อยทั้งนั้นแหละ ถ้าไม่รวยจริงตั้งแต่เกิดอะนะ
จบสายไหนเงินเดือนดี?
จบอะไรเงินเดือนดี? ปีนี้คงหนีไม่พ้นกลุ่มนี้:
-
วิศวกรรมซอฟต์แวร์: ความต้องการสูง ตลาดยังต้องการอีกเยอะ
-
วิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science): ข้อมูลคืออำนาจ เงินก็เช่นกัน
-
การเงินและ Fintech: เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกการเงิน โอกาสทอง
-
แพทย์เฉพาะทาง/สุขภาพจิต: สังคมสูงวัย ความต้องการสูงตามไปด้วย
-
ตำแหน่งบริหาร Data-Driven/Digital Transformation: ยุคนี้ใครไม่ใช้ข้อมูล ก็ตกยุค
สำคัญกว่าสาขาคือความสามารถ ทักษะเฉพาะตัวสำคัญกว่าใบปริญญา ที่จริงแล้ว มันเป็นแค่ใบเบิกทาง
เพิ่มเติม (ข้อมูลส่วนตัว): เคยเจอเพื่อนเรียนวิศวะไฟฟ้า เงินเดือนดีกว่าเพื่อนเรียนแพทย์ แต่เพื่อนแพทย์มีคุณภาพชีวิตดีกว่า มันขึ้นอยู่กับความสุขของแต่ละคนมากกว่าเงินเดือน
อาชีพอะไรไม่ตกงาน?
เฮ้อ… คิดหนักจัง กลางคืนแบบนี้ งานที่ไม่ตกงานง่ายๆเนี่ยนะ…
จริงๆแล้ว มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกนะ แต่ถ้าให้พูดตามที่เห็นๆมา ปีนี้ก็…
-
สายงานขาย: ขายของออนไลน์นี่แหละ เห็นเพื่อนเปิดร้านเอง ปีนี้ก็ยังพอไปได้ แต่เหนื่อยมากนะ ต้องแข่งขันสูงมาก ไม่ใช่แค่ขายเก่ง ต้องทำการตลาดด้วย ดูแลลูกค้าหลังการขายอีก แทบไม่มีเวลาพักเลย
-
ขนส่งและคลังสินค้า: อันนี้ก็พอไปได้นะ เห็นข่าวรับสมัครตลอด แต่หนักงาน เพื่อนผมคนนึงทำอยู่ บอกว่าเหนื่อยสุดๆ แต่ก็มีงานทำตลอด เงินดีด้วยแหละ แต่สุขภาพต้องแลก
-
ไอที: นี่แหละที่ดูมั่นคง แต่ต้องเก่งจริงๆนะ ไม่ใช่แค่จบมาแล้วจะได้งานเลย ต้องอัพเดตตัวเองตลอดเวลา เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนผมที่จบมาทำงานได้ แต่ต้องทำงานหนัก โอทีบ่อยมาก ไม่งั้นก็ตกงานได้เหมือนกัน
-
วิศวกร: เพื่อนผมอีกคนเป็นวิศวะ ปีนี้งานก็ยังมีอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้งานนะ ต้องมีความรู้ความสามารถ และบริษัทก็เลือกเยอะ แข่งขันสูงเหมือนกัน
-
ช่างเทคนิค: งานซ่อมนี่แหละ เห็นช่างแอร์ ช่างไฟ งานเยอะตลอด แต่ก็เหนื่อยนะ ต้องรับงานเอง หาลูกค้าเอง
-
บัญชี/การเงิน/ธุรการ: พวกนี้ก็พอมีงานนะ แต่ต้องละเอียดรอบคอบ แม่ผมทำงานบัญชีมาหลายปี บอกว่างานเยอะ เครียด แต่ก็มั่นคง แต่ต้องเรียนรู้โปรแกรมบัญชีใหม่ๆตลอด
สรุปแล้ว ไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆแหละ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสามารถ ความขยัน และโอกาส เหนื่อยทุกอาชีพแหละ แต่ถ้าเราตั้งใจ ก็มีทางรอดเสมอ คิดมากไปก็ปวดหัวเปล่าๆ นอนดีกว่า… พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต