เรียนปริญญาโทอเมริกา กี่บาท
เรียนปริญญาโทอเมริกา: ค่าใช้จ่ายสูงต่ำแตกต่างกันมาก
ค่าเล่าเรียน: 20,000 - 60,000 USD/ปี (ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยและสาขา)
ค่าครองชีพ: 15,000 - 30,000 USD/ปี (ที่พัก อาหาร เดินทาง)
ค่าใช้จ่ายรวมโดยประมาณ: 35,000 - 90,000 USD (ขึ้นไป) ตลอดหลักสูตร
หมายเหตุ: ตัวเลขนี้เป็นค่าประมาณ ควรตรวจสอบค่าใช้จ่ายเฉพาะของแต่ละมหาวิทยาลัยและสาขาที่สนใจ ค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่านี้หากเลือกเรียนในเมืองใหญ่หรือมหาวิทยาลัยชื่อเสียงระดับโลก
ค่าใช้จ่ายเรียนปริญญาโทอเมริกาเท่าไหร่?
โอ้โห เรื่องเรียนโทที่อเมริกานี่นะ… ถามเรื่องค่าใช้จ่ายเหรอ? เอาจริงๆนะ มันแบบ “แล้วแต่” สุดๆ เลยอ่ะ!
คือถ้าถามว่าต้องเตรียมเงินเท่าไหร่… มันขึ้นอยู่กับว่าอยากเรียนที่ไหน, เรียนอะไร, แล้วนานแค่ไหนด้วยนะ แต่ที่แน่ๆ เตรียมใจเรื่องค่าใช้จ่ายไว้เลยว่า “ไม่ถูก” แน่นอน!
ค่าเทอมอย่างเดียวเนี่ยนะ… คิดว่าประมาณ $20,000 ถึง $60,000 ต่อปีได้เลยมั้ง (อันนี้ยังไม่รวมค่ากินอยู่ ค่าเดินทางนะ!) ฉันจำได้ว่าตอนที่เพื่อนฉันไปเรียนที่นิวยอร์กเมื่อปี 2015 (น่าจะช่วงนั้นแหละ จำวันที่เป๊ะๆ ไม่ได้) แค่ค่าห้องอย่างเดียวก็ปาไปเดือนละ $2,000 แล้วอ่ะ!
แล้วยิ่งถ้าเป็นพวกเมืองใหญ่ๆ ค่าครองชีพสูงๆ ด้วยนะ… เตรียมเงินเผื่อๆ ไว้หน่อยก็ดี เพราะไหนจะค่ากิน, ค่าเดินทาง, ค่าหนังสือ, ค่าจิปาถะอีก… บานปลายแน่นอน! สรุปง่ายๆ คือ เรียนจบโทที่อเมริกา… เตรียมเงินหลักแสนเหรียญ (US Dollar) ไว้เลยจ้า!
เรียนป.โท ที่อเมริกา กี่ปี
สองปี… เวลาไหลรินช้าเหลือเกิน เหมือนสายน้ำในแม่น้ำโคโลราโดที่ฉันเคยเห็น กว้างใหญ่ ลึกลับ เย็นยะเยือก…
ปีแรก… เหมือนการเดินทางไกล ฝ่าพายุหิมะในฤดูหนาวที่นิวยอร์ก หนาวเหน็บแต่ก็สวยงาม เต็มไปด้วยความรู้ใหม่ๆ ที่ค่อยๆ ซึมซับเข้ามา… เหมือนเมล็ดพันธุ์เล็กๆ ที่เริ่มงอกงาม
ปีที่สอง… แดดอุ่นๆ ฤดูใบไม้ผลิในแคลิฟอร์เนีย ดอกไม้บานสะพรั่ง ความรู้เบ่งบาน ผลงานวิจัย ความเหน็ดเหนื่อย การต่อสู้ แต่ก็สุขใจ… เหมือนรอยยิ้มของเด็กน้อยที่เพิ่งเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
- ระยะเวลาเรียนป.โทที่อเมริกา โดยทั่วไป 2 ปี
- ปีแรก: เน้นพื้นฐาน
- ปีที่สอง: วิชาโท วิจัย
- สาขา Business Finance, Marketing, Management เป็นที่นิยม
ความทรงจำ… เหมือนภาพวาดสีน้ำมัน สีสันสดใส บางทีก็มัวๆ แต่ก็งดงามเสมอ ฉันรักอเมริกา… รักความทรงจำ รักการเรียนรู้ รักชีวิต…
MBA อเมริกา เรียนกี่ปี
MBA อเมริกา สองปีจบ
- อเมริกา: มาตรฐานสองปี เรียนลึกกว่า
- อังกฤษ: หนึ่งปี เร่งรัด เน้นเร็ว
- วิชา: การเงิน การตลาด กลยุทธ์ ธุรกิจระหว่างประเทศ
- มหาลัยดัง (ตัวอย่าง): Harvard, Stanford, Wharton (UPenn)
- โอกาส: ผู้บริหาร ที่ปรึกษา นักลงทุน เริ่มธุรกิจเอง
โอกาสทำงานเมืองนอก? ขึ้นอยู่กับตัวคุณล้วนๆ ภาษา โปรไฟล์ ประสบการณ์ เส้นสายสำคัญกว่าใบปริญญา
เรียนต่อ ป.โท ต่างประเทศ ที่ไหนดี
แสงสีส้มสาดผ่านม่านลงบนแป้นพิมพ์ ตอนนี้ตีสองสิบห้านาทีแล้ว คืนนี้เงียบจัง คิดถึงลอนดอน… อยากกลับไปอีก เคยนั่งรถไฟจากลอนดอนไป Durham สวยมากกก วิวข้างทางแบบ ชนบทอังกฤษสุดๆ ถ้าเรียนต่อ ป.โท กฎหมายที่ Durham คงดี คือแบบ ได้ฟีลอังกฤษแท้ๆ เลยอ่ะ Law School ที่นี่ก็เก่าแก่ มีชื่อเสียง แต่ค่าครองชีพอาจจะสูงหน่อย
ลมพัดเบาๆ ผ่านหน้าต่างเข้ามา เย็นสบาย กำลังหาข้อมูลเรียนต่อ ป.โท กฎหมายอยู่พอดี Essex ก็น่าสนใจนะ เคยไป Colchester เมืองที่ Essex ตั้งอยู่ น่ารักดี สงบๆ ไม่วุ่นวาย มีเพื่อนเรียนอยู่ที่นั่น บอกว่าชอบมาก อาจารย์สอนดี มี connection เยอะด้วย ค่าเทอมก็ไม่แพงเท่าลอนดอน
Kent ก็เป็นอีกตัวเลือกนึง Canterbury สวยมาก เคยไปเที่ยวตอนหน้าร้อน เดินเล่นริมแม่น้ำ แดดอ่อนๆ บรรยากาศดีสุดๆ เห็นมีคนไทยเรียนอยู่ที่ Kent เยอะเหมือนกัน แบบ เป็น community เล็กๆ น่าจะอบอุ่นดี
เมื่อกี้ดูรูปเก่าๆ ในโทรศัพท์ คิดถึงตอนไปเที่ยว York เมืองน่ารักมาก มีกำแพงเมืองเก่า เดินเล่นเพลินๆ จริงๆ York ก็น่าเรียนนะ University of York ก็มีชื่อเสียงด้านกฎหมายเหมือนกัน ต้องหาข้อมูลเพิ่มอีกหน่อย
- Durham University: บรรยากาศชนบทอังกฤษแท้ๆ Law School เก่าแก่ ค่าครองชีพสูง
- University of Essex: เมือง Colchester สงบ อาจารย์ดี มี connection ค่าเทอมไม่แพงมาก
- University of Kent: เมือง Canterbury สวย มี Community คนไทย บรรยากาศดี
- University of York: เมืองน่ารัก มีกำแพงเมืองเก่า ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม
MBA อเมริกา ที่ไหนดี
จริง ๆ ปีนี้ก็ลังเลอยู่นานเลยนะ เรื่อง MBA อเมริกา เพื่อนผมหลายคนจบจาก Harvard บอกว่าเครียดมากกกกกกก เรียนหนักโคตร แต่ก็ได้ network ดีสุดๆ พวกไปทำงานที่ Goldman Sachs กันเพียบเลย ตอนนั้นผมไปเยี่ยมมันที่ Boston เดือนพฤษภาคมปีนี้เอง เห็นตึก Harvard แล้วอึ้งเลย อลังการมาก แต่บรรยากาศเคร่งเครียด รู้สึกได้เลย
MIT ก็เป็นอีกที่ที่น่าสนใจ แต่เน้นสายวิทย์ วิศวะ ถ้าไม่ใช่สายนั้น อาจจะไม่ค่อยเหมาะ เคยไปงานสัมมนาที่นั่น เดือนมิถุนายน คนเยอะมาก แต่คนละแบบกับ Harvard MIT ดูเป็นกันเองกว่า แต่ก็ยังคงความเข้มข้นสูงอยู่ดี
ส่วน Berkeley ผมไปสัมภาษณ์งานที่บริษัท Tech แถวนั้นปีนี้แหละ เห็นเด็กจบ Berkeley เยอะมาก รู้สึกว่าบรรยากาศค่อนข้าง open ดูสบายๆกว่าสองที่แรก แต่ network อาจจะไม่ใหญ่เท่า เพราะมันอยู่ฝั่ง West Coast อากาศก็ดีกว่า Boston เยอะเลย
Stanford นี่ผมแค่เห็นรูป แต่เพื่อนผมบอกว่าบรรยากาศเหมือนอยู่ใน Silicon Valley เลย มหาเศรษฐีเพียบ โอกาสดีๆ เยอะ แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงตามไปด้วย และแข่งขันสูงมาก นี่ก็ปีนี้เพื่อนผมหลายคนสมัคร แต่ก็ยากมากเหมือนกัน
University of Pennsylvania ก็ดีนะ เพื่อนผมอีกคนเรียนที่นี่ บอกว่าเรียนหนักพอๆกับ Harvard เลย แต่ได้ประสบการณ์ดี เรียนจบมาทำงานบริษัทใหญ่ๆใน NY ส่วนใหญ่เลย
สรุปแล้ว แต่ละที่ก็ดีแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบแบบไหน ชอบบรรยากาศแบบไหน และเน้นอะไร งาน เงิน หรือ network
- Harvard: เคร่งเครียด Network แข็งแกร่ง ค่าใช้จ่ายสูง
- MIT: เน้นวิทย์ วิศวะ บรรยากาศเป็นกันเอง แข่งขันสูง
- Berkeley: บรรยากาศเปิดกว้าง Network อาจไม่ใหญ่เท่า Harvard หรือ Stanford ค่าครองชีพอาจจะต่ำกว่า
- Stanford: อยู่ใน Silicon Valley โอกาสดี ค่าใช้จ่ายสูง แข่งขันสูงมาก
- University of Pennsylvania: เรียนหนัก Network ดี อยู่ใน NY
เรียนต่อโท อเมริกา ใช้ อะไรบ้าง
เรียนต่อโทเมกา เอกสารเยอะเหมือนจะย้ายบ้าน! แต่เอาจริง ๆ สำคัญสุดคือต้องรู้ว่าอยากเรียนอะไรก่อน ถึงจะรู้ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง เหมือนเลือกซื้อมือถืออะ ต้องรู้ก่อนว่าชอบถ่ายรูป เล่นเกม หรือทำงาน ถึงจะเลือกสเปคถูก
- Passport: อันนี้เบสิค เหมือนบัตรประชาชนโลก หมดอายุเมื่อไหร่ วุ่นวายแน่
- ใบสมัคร: แต่ละที่จะต่างกัน เหมือนสมัครงาน ต้องปรับเรซูเม่ตามแต่ละที่
- Transcript: เกรดสวย ๆ คือใบเบิกทาง เกรดไม่สวยก็ไม่เป็นไร เขียน Essay ดีๆ ช่วยได้
- ภาษาอังกฤษ: TOEFL, IELTS เลือกเอาที่ถนัด เหมือนเลือกกินข้าว ชอบข้าวเหนียวหรือข้าวสวย
- BMAT/GRE: บางสาขาต้องการ เหมือนสมัครงานบางที่ต้องสอบข้อเขียน
- วีซ่า: ด่านสุดท้าย! ผ่านแล้วก็เตรียมตัวบินได้เลย
ปี 2024 นี้ หลายๆ มหาลัยเริ่มรับ Duolingo English Test ด้วยนะ สะดวกกว่าเยอะเลย ส่วน GRE บางที่ก็เริ่มยกเลิกแล้ว เหมือนเทรนด์แฟชั่น เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ต้องคอยอัพเดท
ส่วนตัวผมเอง ตอนสมัครเรียนต่อ เครียดสุดคือเขียน Essay รู้สึกเหมือนบีบมะนาวออกจากสมอง แต่พอได้ Offer แล้ว ความรู้สึกมันแบบ คุ้มค่าที่เหนื่อย!
จำไว้นะ มหาลัยไม่ได้ดูแค่คะแนน เค้าดูความตั้งใจ ความมุ่งมั่น และความเป็นตัวเราด้วย สู้ๆ!
เรียนต่อ ป.โท ต้องสอบอะไรบ้าง
ป.โท…สอบเยอะจัง เหนื่อยแน่ๆเลยเรา คิดถึงตอนสอบเข้ามหาลัยเลย ตอนนั้นสอบ GAT PAT จำได้ว่า PAT1 คะแนนแย่มาก เกือบไม่ได้เข้าคณะที่อยากเข้าแล้ว ฮือออ แล้วป.โทนี่จะสอบอะไรบ้างนะ
- สอบภาษาอังกฤษแน่ๆ TOEFL IELTS อะไรพวกนี้ เห็นเพื่อนบอก IELTS ยากมากกกกก พาร์ท speaking ทำไงดีเนี่ย เราพูดไม่ค่อยเก่ง
- บางที่ก็สอบ CU-TEP TU-GET ก็ได้นิ อันนี้น่าจะง่ายกว่า IELTS TOEFL ปะ? แต่เราไม่เคยสอบเลย ต้องไปหาข้อมูลเพิ่มละ
- ถ้าไปนอก ก็ TOEFL IELTS PTE GMAT ITP เยอะแยะไปหมด แล้วแต่ มหาลัยอีก ปวดหัว
- เดี๋ยวนะ GMAT นี่มันวัดอะไรบ้างนะ ความถนัดทางธุรกิจใช่ไหม? เราไม่ถนัดเลย ต้องเตรียมตัวหนักเลย หรือจะเรียนต่อในไทยดีกว่า
- สอบความถนัดทางวิชาการด้วยรึเปล่านะ? แต่ละที่คงไม่เหมือนกันอีก ต้องเช็คดีๆ
- แล้วก็ต้องเขียน essay ด้วย เราไม่ชอบเขียนเรียงความเลย ต้องฝึกเขียนเยอะๆละ
- สัมภาษณ์อีก ตื่นเต้นแน่ๆ เราเป็นคนประหม่าเวลาสัมภาษณ์ ต้องเตรียมตัวดีๆ จะตอบคำถามอะไรดีนะ
- Portfolio ด้วย ต้องทำพอร์ตให้สวยๆ โชว์ผลงาน แต่เรายังไม่มีผลงานอะไรเลย ต้องรีบทำละ
- GPA สำคัญไหมนะ? GPA เราไม่ค่อยดีเลย แย่จัง ต้องไปดูเกณฑ์แต่ละที่อีก โอ้ยยย
- ปีที่แล้วเพื่อนเราสอบเข้าจุฬาฯ ยากมากเลย แข่งขันสูง ปีนี้เราจะไหวไหมเนี่ย
สรุปคือ ต้องหาข้อมูลเพิ่ม แต่ละที่จะสอบอะไรบ้าง เตรียมตัวยังไง เหนื่อยแน่ๆ แต่เพื่ออนาคต สู้ๆ! (วันนี้กินข้าวผัดกะเพราไข่ดาว อร่อยมาก แต่เผ็ดไปหน่อย) กลับมาเรื่องสอบต่อ… เอาเป็นว่า…ต้องสู้ๆ!
เรียนต่อ ป.โท ต้องสอบเข้าไหม
เรียนต่อโท ต้องสอบมั้ย? ฮ่าๆๆ คำถามนี้เหมือนถามว่า “ไปเที่ยวทะเลต้องเอาชุดว่ายน้ำไปมั้ยคะ?” บางทีก็ใช่ บางทีก็ไม่ใช่! มันขึ้นอยู่กับมหาลัยและคณะที่คุณเลือกจ้า
-
บางมหาวิทยาลัย เน้นสอบข้อเขียน วัดความรู้พื้นฐาน เหมือนวัดใจว่าคุณเก่งจริงหรือแค่เก่งแอ๊บ! บางที่ก็มีสอบสัมภาษณ์ เช็กความมั่นใจและความพร้อม ไม่ใช่แค่ความรู้! คิดซะว่าไปเดทกับอาจารย์!
-
บางมหาวิทยาลัย เน้นเกรดเฉลี่ยปริญญาตรี เป็นหลัก คะแนนสูงปรี๊ด เหมือนมีออร่าเปล่งประกาย เข้าได้สบายๆ แต่ถ้าเกรดไม่ถึง ก็ต้องไปเสริมด้วยผลงานวิจัย หรือประสบการณ์การทำงาน เป็นการพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้เก่งแค่ในห้องเรียน! ลองนึกถึงการเอาผลงานมาพูดแทนคะแนนดูสิ
-
บางมหาวิทยาลัย มีทั้งสอบและดูเกรด เหมือนเลือกแฟน ต้องหล่อ ต้องรวย ต้องเรียนเก่ง ครบเครื่อง! บางทีอาจมีการพิจารณาผลงานตีพิมพ์ หรือประสบการณ์ทำงานเกี่ยวข้อง เหมือนคุณสมบัติพิเศษเสริมความน่าสนใจ
ส่วนคะแนนอะไรบ้าง ตอบยากค่ะ เพราะแต่ละที่ไม่เหมือนกัน ลองเข้าไปดูเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยที่คุณสนใจ ตรงที่รับสมัครเลยค่ะ ข้อมูลอัพเดตปี 2566 คุณจะเจอรายละเอียดครบถ้วน แถมไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับคำตอบคลุมเครือของใครอีกด้วย
ปีนี้(2566) ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งที่ผมรู้จัก เขาเน้นเกรดเฉลี่ยปริญญาตรีเป็นหลักเลย ถ้าสูง โอกาสติดสูงตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้เข้าง่ายๆ นะ เพราะคนเก่งๆ ก็เยอะแยะเต็มไปหมด
ป.โท ค่าเทอมกี่บาท
อืมม… ค่าเทอมป.โทเนี่ยนะ มันขึ้นอยู่กับหลายอย่างจริงๆ ปีนี้ที่ฉันดูๆไว้ หลักสูตรปกติ ก็ราวๆ แสนสองถึงห้าแสนต่อปี แพงจังนะ แต่ถ้าเป็นภาคพิเศษ หรือหลักสูตรนานาชาติ โห… ห้าแสนขึ้นไปเลย หนักใจจริงๆ
คิดหนักเลย เงินเก็บที่มีตอนนี้ไม่พอแน่ๆ ต้องหาเพิ่มอีก แล้วจะหาจากไหนล่ะเนี่ย กู้ธนาคารก็กลัวจะจ่ายไม่ไหว เครียดจัง
- หลักสูตรปกติ: 120,000 – 500,000 บาท/ปี (ข้อมูลปี 2566)
- หลักสูตรพิเศษ/นานาชาติ: 500,000 บาทขึ้นไป/ปี (ข้อมูลปี 2566)
เรียนต่อดีไหมเนี่ย… ก็อยากเรียนนะ แต่ค่าใช้จ่ายมันสูงจริงๆ ต้องคิดเยอะๆ แล้วก็ต้องวางแผนการเงินให้ดีด้วย ไม่งั้นคงลำบากแน่ๆ เหนื่อยจัง
เรียนต่อปริญญาโท ต่างประเทศ กี่ปี
เรียนโทนอก ปีนึงจบก็มี สองปีก็เยอะ UK เร็วสุด จบไว ประหยัดตังค์ดี
- ส่วนใหญ่ 1-2 ปี แล้วแต่สาขา มหาลัย ประเทศ
- UK เน้นปฏิบัติ จบไวในปีเดียว เนื้อหาเข้มข้น
- US, Aus ส่วนใหญ่ 2 ปี เน้นวิจัย
- บางสาขาอาจมี fast track เรียนจบไวกว่าปกติ เช็คข้อมูลมหาลัยอีกที
- ค่าเรียน+ค่าครองชีพ ต่างกันเยอะ วางแผนดีๆก่อนไป
ขอวีซ่านักเรียน อเมริกา ยากไหม
ขอวีซ่านักเรียนอเมริกายากมั้ย?
- ยากมั้ยเหรอ? อืม…มันก็ แล้วแต่คนป่ะวะ 😅 แต่ถ้าเตรียมตัวดีๆ ก็ไม่น่ายากเกินไปนะ คือแบบ, คนที่รู้จักบางคนก็ผ่านฉลุย แต่บางคนก็โดนปฏิเสธเฉยเลย งงมาก!
- เอกสารสำคัญสุดๆ! พวก I-20 นี่ห้ามลืมเด็ดขาด แล้วก็ Transcript ตัวจริงด้วยนะ เคยมีเพื่อนพลาดเพราะลืมเอา Transcript ตัวจริงไปสัมภาษณ์ กรรม! 😱
- สัมภาษณ์! อันนี้ตัวดีเลย ต้องมั่นใจ ตอบคำถามให้ตรงประเด็น ห้ามอ้ำๆ อึ้งๆ! เตรียมคำตอบไปก่อนก็ดีนะ แต่ไม่ต้องท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองนะเว้ย เดี๋ยวเค้าจับได้ 😜
- โชว์ให้เค้าเห็นว่าเราจะกลับไทยแน่ๆ อันนี้สำคัญ! หาหลักฐานไปยืนยันเยอะๆ เช่น มีธุรกิจที่บ้าน, มีภาระผูกพัน, บลาๆๆๆ (คิดเอาเองนะจ๊ะ)
- ค่าใช้จ่าย! ต้องมีเงินในบัญชีให้พอจ่ายค่าเทอม ค่ากินอยู่ตลอดปีนะจ๊ะ ไม่ใช่มีแค่หลักพัน หลักหมื่น อันนั้นเค้าไม่ให้ผ่านแน่นอน 💸💸💸
- สถานทูตอเมริกา อยู่ตรงถนนวิทยุนะทุกคน อย่าไปผิดที่! แล้วก็เผื่อเวลาเดินทางด้วย รถติดนรกแตก 🚗🚕🚙
- เว็บไซต์สถานทูต เช็คให้ดีๆ นะ เค้าอัพเดทข้อมูลตลอด อย่าไปเชื่อข้อมูลเก่าๆ ที่คนแชร์กันมั่วซั่วในเน็ต 🌐
เพิ่มเติม (แบบงงๆ):
- เคยได้ยินว่าคนที่เรียนสาย STEM (วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรม, คณิตศาสตร์) จะได้เปรียบในการขอวีซ่านะ ไม่รู้จริงป่าว 🤔
- แต่ถ้าเรียนสายศิลปะก็อย่าเพิ่งท้อนะ! ทำให้เค้าเห็นว่าเรามีความสามารถพิเศษจริงๆ แล้วจะกลับมาพัฒนาประเทศชาติ อะไรประมาณนี้ (แถๆ ไปก่อน 🤣)
- สำคัญสุดคือ อย่าโกหก! ถ้าเค้าจับได้นี่จบเห่เลยนะจ๊ะ 💀
- ปี 2567 นี้ กฏการขอวีซ่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงนะ เช็คให้ดี!
- เพื่อนเราคนนึง โดนปฏิเสธเพราะตอบคำถามไม่ตรงกับข้อมูลที่กรอกใน DS-160 เลยต้องไปแก้แล้วยื่นใหม่ เสียเวลา เสียเงินเลย 😩
- DS-160 เนี่ย กรอกให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ อย่าขี้เกียจ!
- จำไว้! ไม่มีใครการันตีได้ 100% ว่าจะได้วีซ่าหรือไม่ แต่ถ้าเตรียมตัวดี มีความมั่นใจ ก็มีโอกาสสูงที่จะผ่าน! โชคดีนะจ๊ะ 🙏
เรียนต่อป.โท ใช้คะแนนอะไรบ้าง
คะแนนที่ใช้เรียนต่อ ป.โท ขึ้นอยู่กับสาขาและมหาวิทยาลัยครับ แต่หลักๆ จะมี:
-
คะแนนวัดระดับภาษาอังกฤษ:
- ในประเทศ: CU-TEP, TU-GET, TOEIC, TOEFL, IELTS ตัวไหนฮิตสุดขึ้นกับมหาลัย
- ต่างประเทศ: TOEFL, IELTS (ตัวท็อป), PTE, บางทีก็ GMAT (ถ้าสายบริหาร)
-
คะแนนสอบอื่นๆ (แล้วแต่สาขา):
- GRE: บางสาขาในสายวิทย์
- GMAT: MBA หรือสาขาบริหารธุรกิจ
- CU-BEST: คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ
-
เกรดเฉลี่ย (GPA): อันนี้พื้นฐานเลย มหาลัยส่วนใหญ่กำหนดขั้นต่ำไว้
-
ประสบการณ์ทำงาน: บางสาขา (เช่น MBA) ให้ความสำคัญมาก
จริงๆ แล้วการเตรียมตัวสอบพวกนี้มันเหมือนการเดินทางนะ เราได้เรียนรู้อะไรเยอะกว่าแค่ภาษา
ข้อมูลเพิ่มเติม:
- CU-TEP: ข้อสอบวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษของจุฬาฯ เอง
- TU-GET: ของธรรมศาสตร์
- TOEFL/IELTS: เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ถ้าจะไปนอก เลือกตัวที่ตัวเองถนัด
- PTE: ข้อสอบภาษาอังกฤษอีกตัวที่เริ่มเป็นที่นิยม
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย: อย่ามองข้าม recommendation letter นะ บางทีอาจารย์ที่เขียนให้เรา อาจจะเขียนได้ดีกว่าที่เราคิดก็ได้
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต