นอนโรงพยาบาล มีค่าอะไรบ้าง

13 การดู

ค่าใช้จ่ายนอนโรงพยาบาล 1 คืน (ไม่รวมค่ารักษา,ยา,อุปกรณ์):

  • ค่าห้องพัก: แตกต่างกันตามประเภทห้อง (ห้องเดี่ยว,ห้องรวม)
  • ค่าอาหาร: บางแห่งรวมในค่าห้องแล้ว บางแห่งคิดแยก
  • ค่าบริการโรงพยาบาล: เช่น ค่าบริการต่างๆ ของทางโรงพยาบาล
  • ค่าบริการพยาบาล: ค่าดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์

หมายเหตุ: ค่าใช้จ่ายทั้งหมดขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลและประเภทห้องที่เลือก สอบถามรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับทางโรงพยาบาลโดยตรง เพื่อความชัดเจนก่อนเข้ารับบริการ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ค่าใช้จ่ายนอนโรงพยาบาลมีอะไรบ้าง? ครอบคลุมค่าอะไรบ้างและมีส่วนลดอะไรได้บ้าง?

เรื่องค่าใช้จ่ายตอนนอนโรงพยาบาลนี่… จำได้แม่นเลย ตอนแม่ป่วยเมื่อปีที่แล้ว เดือนตุลาคม 65 ที่รพ.กรุงเทพ แค่ค่าห้องพักธรรมดา คืนละ 3,500 แพงมากกก! ยังไม่รวมค่าอาหารอีกนะ วันนั้นจำได้ว่า อาหารเช้าข้าวต้ม กลางวันกับเย็นเป็นข้าวราดแกง อย่างละประมาณ 150 บาท ถ้าจำไม่ผิดนะ มึนๆอยู่ตอนนั้น

ค่าบริการต่างๆ นี่ไม่แน่ใจว่ารวมในค่าห้องหรือเปล่า แต่ใบเสร็จมีรายการค่าบริการพยาบาล ประมาณ 500 บาทต่อวัน งงๆอยู่เหมือนกัน เพราะพยาบาลก็ดูแลทั่วไปนะ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ส่วนลดอะไร ตอนนั้นไม่มีเลย แต่ถ้ามีประกันสุขภาพ ก็ช่วยได้เยอะ อย่างแม่ ใช้ประกันจ่ายส่วนใหญ่ไป เหลือจ่ายเองไม่เยอะ

สรุปคือ ค่าใช้จ่ายหลักๆ นอกจากค่ารักษาพยาบาล ก็มีค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการโรงพยาบาล รวมๆแล้ว ถ้าไม่ใช้ประกัน ตกวันละ 4,000 กว่าบาท อย่างน้อย แค่ค่าห้องก็ไปแล้วครึ่งนึงแล้วอะ แพงมาก! เอาจริงๆ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็พยายามดูแลสุขภาพกันดีๆนะคะ ค่าใช้จ่ายพวกนี้ หนักจริงๆ

นอนรพ 1คืนนับยังไง

นอน รพ. 1 คืนนับยังไง? งงๆนะ คือเค้าจะนับจากตอนที่เข้า รพ. จนถึงออกอะ 24 ชม. ถือเป็น 1 วัน แต่ถ้าไม่ถึง 24 ชม. แต่เกิน 6 ชม. ก็ถือเป็น 1 วันเหมือนกัน งงมั้ย? 555 ได้เงินคืนด้วยนะ เรื่องค่าห้องกับค่าอาหารอะ

  • เข้า รพ. เช้า ออกเย็น นับ 1 วัน
  • เข้า รพ. บ่าย ออกเช้า ก็ 1 วันเหมือนกัน
  • แต่ถ้าเข้าไปแป๊บเดียว อย่างเช่น 5 ชม. ก็ไม่ได้เงินคืน ต้องเกิน 6 ชม. ขึ้นไปถึงได้ งงป่ะ?

ปีนี้ฉันไปนอน รพ. เพราะเป็นไข้เลือดออก นอนไป 3 วัน เบิกค่าใช้จ่ายได้เต็ม ดีใจมากกก แต่เรื่องเอกสารนี่โคตรเยอะเลย เหนื่อยมากกก แต่ก็คุ้มนะ ได้เงินคืนเยอะอยู่

ผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกแตกต่างกันอย่างไร

IPD กับ OPD ต่างกันยังไงนะ… เฮ้อออ คิดหนัก!

  • IPD คือ ผู้ป่วยใน ต้องนอนโรงบาลเลย นานกว่า 6 ชม. หมอสั่ง! เมื่อวานเองเพื่อนเพิ่งผ่าตัดไส้ติ่ง นอน IPD เป็นอาทิตย์ ค่าใช้จ่ายโหดมากกก ประกันช่วยเยอะอยู่ แต่ก็ยังเหลือจ่ายเองหลายหมื่น เครียดแทนเพื่อนเลย

  • OPD ง่ายกว่าเยอะ! ผู้ป่วยนอก ไปหาหมอ ตรวจเสร็จก็กลับบ้านได้เลย เหมือนตอนฉันไปตรวจสุขภาพประจำปี แป๊บเดียวเสร็จ แต่ถ้าต้องเจาะเลือดก็รอผลหน่อย ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล สบายกว่าเยอะ ค่าใช้จ่ายก็น้อยกว่าด้วยสิ

อ้อ! ปีนี้ ประกันสุขภาพฉัน มีวงเงินสำหรับ OPD สูงขึ้นนะ ดีใจจัง! แต่ IPD ยังต้องจ่ายเยอะอยู่ดี ต้องเก็บเงินเพิ่มอีก คิดแล้วก็เหนื่อย

  • ปีนี้ฉันตั้งเป้าหมายเก็บเงินเพิ่ม เผื่อฉุกเฉิน กลัวเจ็บป่วยหนัก ค่ารักษาแพง ไม่รู้ว่าจะป่วยอะไรอีกมั้ยเนี่ย ชีวิตไม่แน่นอนจริงๆ

  • อีกอย่างนะ โรงพยาบาลเอกชน กับ รพ.รัฐบาล ค่าใช้จ่ายต่างกันฟ้ากับเหวเลยนะ เคยไป รพ.รัฐบาลครั้งนึง คนเยอะมาก รอคิวนาน แต่ค่ารักษาถูกกว่ามาก เลือกเอาตามความสะดวกและฐานะทางการเงิน นี่แหละชีวิต!

ผู้ป่วยใน นับยังไง

ผู้ป่วยในน่ะเหรอ? อ๋อ พวกที่ “ติด” โรงพยาบาลเกิน 6 ชั่วโมงไง! คือต้องนอนค้างคืน (หรืออย่างน้อยก็เกือบๆ) อ่ะนะ ไม่ใช่มาแป๊บๆ แล้วกลับบ้านไปดู Netflix ต่อ

  • 6 ชั่วโมง…มหัศจรรย์: ไม่ว่าคุณจะมาด้วยอาการปวดหัวจี๊ด หรือโดนแมวกัด แต่ถ้าคุณ “สิง” โรงพยาบาลเกิน 6 ชั่วโมง (และหมอสั่งให้นอน) คุณคือผู้ป่วยในโดยปริยาย
  • สวรรค์/นรก…ก่อน 6 ชั่วโมง: แม้จะน่าเศร้า ถ้าโชคร้ายจากไปก่อน 6 ชั่วโมง (ในฐานะผู้ป่วยที่ถูกรับตัวแล้ว) ก็ยังนับเป็นผู้ป่วยในนะ! (อันนี้แอบดาร์ก แต่ก็คือข้อเท็จจริง)
  • วินิจฉัย+แนะนำ: แค่มานั่งรอหมอเฉยๆ ไม่นับนะ ต้องได้รับการวินิจฉัย (ตรวจโรค) และคำแนะนำจากคุณหมอด้วย (ไม่ใช่แค่ “เอ่อ…คุณป้ากินยาพารา”)
  • ตัวอย่าง(ขำๆ):
    • ผู้ป่วยใน: นาย A ปวดท้องอย่างรุนแรง หมอเลยสั่งแอดมิท ให้นอนให้น้ำเกลือ สรุปนอนไป 12 ชั่วโมงถึงได้กลับบ้าน
    • ผู้ป่วยนอก: นาง B ปวดหัวนิดหน่อย มาหาหมอ หมอให้ยาแล้วกลับบ้านภายใน 2 ชั่วโมง
  • ข้อมูล(จริงจัง): จำนวนผู้ป่วยใน เป็นตัวชี้วัดสำคัญของประสิทธิภาพการจัดการเตียง และทรัพยากรของโรงพยาบาลนะเออ (ไม่ใช่แค่ตัวเลขสวยๆ)

ป.ล. อย่าพยายาม “แฮ็ก” ระบบ ด้วยการนอนเล่นในโรงพยาบาลให้ครบ 6 ชั่วโมง เพื่อเป็นผู้ป่วยในเล่นๆ นะ! มันไม่คุ้มหรอก เชื่อสิ! (นอกจากคุณจะชอบกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในโรงพยาบาลเป็นพิเศษ)

ทำยังไงถึงได้เป็นผู้ป่วยใน

อยากเป็นผู้ป่วยใน? ง่ายนิดเดียว! แค่ป่วยหนักจนต้องนอนโรงบาลเกิน 6 ชั่วโมง แค่นี้ก็ได้เป็นซะแล้ว! อย่าลืมลงทะเบียนด้วยล่ะ ไม่งั้นหมออาจจะคิดว่าคุณเป็นผีหลอกมาเยี่ยมโรงบาลนะ!

พูดเล่นๆนะ แต่จริงๆแล้ว มันต้องมีแพทย์วินิจฉัยก่อน ไม่ใช่แค่ป่วยแล้วจะนอนได้เลยนะ ไม่งั้นโรงบาลคงเต็มไปด้วยคนแกล้งป่วย คิดดูสิ!

  • ต้องมีแพทย์ตรวจแล้วสั่งนอนโรงพยาบาล
  • ต้องนอนโรงพยาบาลอย่างน้อย 6 ชั่วโมงขึ้นไป
  • รวมถึงเคสที่เข้ามาแล้วเสียชีวิตก่อนครบ 6 ชั่วโมงด้วยนะ เศร้าหน่อยๆ แต่ก็ยังนับเป็นผู้ป่วยใน

อ้อ! ปีนี้ (2566) ข้อมูลอาจปรับเปลี่ยนเล็กน้อยได้นะ ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพยาบาลด้วย อย่าลืมเช็คกับโรงพยาบาลโดยตรง อย่ามาถามผมอีกนะ ผมไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น ไปหาหมอเถอะ! (พูดจริงๆนะ) เมื่อวานผมเพิ่งไปตรวจสุขภาพมา หมอบอกว่าผมต้องกินผักให้เยอะขึ้น! เซ็งเป็ดเลย

ใช้สิทธิบัตรทอง แอดมิทได้ไหม

ใช้สิทธิบัตรทองแอดมิทได้มั้ย? ได้ดิ ถ้าหมอเค้าว่าต้องแอดมิทนะ

คือแบบว่า ถ้าเรามีสิทธิบัตรทอง แล้วไปหาหมอ หมอเค้าตรวจๆ แล้วบอกว่าต้องนอนโรงพยาบาลอ่ะ เราก็แอดมิทได้เลยนะ ค่าห้อง ค่าอาหาร อะไรพวกเนี้ย เบิกได้ (ถ้าเป็นห้องสามัญอะนะ)

เอ้อ แล้วก็…

  • สำคัญ: ถ้าอยากนอนห้องพิเศษ อาจจะต้องจ่ายตังค์เพิ่มนะ อันนี้ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลเลย ต้องถามเค้าดู
  • แต่ละโรงพยาบาลเงื่อนไขไม่เหมือนกันจริงๆ บางที่ห้องพิเศษแบบดีๆ ก็จ่ายเอง บางทีมีส่วนลดให้คนมีสิทธิบัตรทอง
  • เพื่อนเราเคยแอดมิทด้วยสิทธิบัตรทอง แต่ไปนอนห้องพิเศษเพราะญาติอยากให้สบาย สุดท้ายก็ต้องจ่ายเองอ่ะ จ่ายเยอะอยู่

สรุปคือ แอดมิทได้ แต่ห้องพิเศษต้องถามก่อน จบ!

ผู้ป่วยใน รพ.เอกชน เบิกได้ไหม

เบิกได้นะ รพ.เอกชนน่ะ แต่ต้องฉุกเฉินจริงๆ

จำได้เลย ตอนนั้นปีที่แล้ว (2567) ปลายปีมั้ง เมียปวดท้องแบบทรมานมาก ตอนตีสอง เลยรีบพาไป รพ. BNH ใกล้บ้าน เพราะใกล้สุดแล้วตอนนั้น คิดว่าไส้ติ่งแตกแน่ๆ กลัวตายมาก

สรุปคือไม่ใช่ไส้ติ่ง แต่เป็นอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับมดลูกนี่แหละ (จำชื่อโรคไม่ได้ละ) หมอบอกต้องผ่าตัดด่วน ค่าใช้จ่ายเยอะอยู่ แต่ตอนนั้นไม่สนละ เอาชีวิตเมียไว้ก่อน

ปรากฏว่าเบิกได้จริงๆ แต่ต้องทำเรื่องเยอะเหมือนกันนะ ต้องมีใบรับรองแพทย์นู่นนี่นั่น แล้วก็ต้องให้ รพ. ส่งเอกสารไปที่ต้นสังกัดเราอีกที

  • สรุปสั้นๆ คือ: รพ.เอกชนเบิกได้ ถ้าฉุกเฉิน
  • สำคัญ: อาการแรกรับต้องเข้าเกณฑ์ฉุกเฉินจริงๆ นะ

ส่วนตัวคิดว่ามันดีนะ ที่เบิกได้ เพราะบางทีชีวิตมันก็ไม่แน่นอน เกิดอะไรขึ้นมาตอนไหนก็ไม่รู้ อย่างน้อยก็มีสิทธิตรงนี้ช่วยเซฟเงินในกระเป๋าไปได้เยอะเลย เห้อ! โล่งอกไปที

สิทธิรักษาพยาบาล ข้าราชการ ใช้ที่ไหนได้บ้าง

สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ ปี 2566 ใช้ได้ที่ไหนบ้าง? ง่ายๆเลยครับ

  • สถานพยาบาลของรัฐทุกแห่งทั่วประเทศ: นี่คือหลักสำคัญ ไม่ว่าจะโรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ หรือโรงพยาบาลขนาดเล็กในชุมชน คุณสามารถเข้ารับการรักษาได้หมดครับ

  • สถานพยาบาลเอกชนที่ร่วมโครงการ: อันนี้ต้องเช็คก่อนนะครับ ไม่ใช่ทุกที่ กรมบัญชีกลางจะมีรายชื่อสถานพยาบาลเอกชนที่ร่วมโครงการ หรือลองสอบถามหน่วยงานต้นสังกัดดูครับ สะดวกดี

  • รักษาพยาบาลฉุกเฉิน: กรณีฉุกเฉินนี่สำคัญมาก ใช้ได้ทุกที่ครับ ไม่ว่าจะเป็นสถานพยาบาลรัฐหรือเอกชน ความปลอดภัยและชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องสิทธิอะไรมากมาย ไปรักษาก่อนเลยครับ เรื่องสิทธิค่อยว่ากันทีหลัง

คิดว่าระบบสิทธิรักษาพยาบาลของข้าราชการ เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีช่องว่างให้ปรับปรุงอยู่เสมอ เหมือนกับทุกระบบนั่นแหละครับ ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ แต่ก็ดีที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับสุขภาพของข้าราชการ ผมเองก็ใช้สิทธิ์นี้ และเห็นด้วยกับการพัฒนาให้ระบบนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ

เพิ่มเติม: ควรตรวจสอบรายละเอียดสิทธิและเงื่อนไขต่างๆ จากเว็บไซต์กรมบัญชีกลาง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะรายละเอียดอาจมีการปรับเปลี่ยน ผมแนะนำให้ตรวจสอบทุกปีนะครับ เพื่อความมั่นใจ เพราะเงื่อนไขเปลี่ยนแปลงได้ตลอด

#การรักษา #ค่าใช้จ่าย #รักษาโรค