Description หมายถึงอะไร

เออ.. Description นี่มันก็คือการบรรยายไง บรรยายให้เห็นภาพอ่ะ เข้าใจป่ะ? แบบว่า.. ให้นึกถึงตอนเราเล่าให้เพื่อนฟังว่าไปเที่ยวไหนมา เจออะไรบ้าง มันต้องเล่าละเอียดๆ ใช่มั้ยล่ะ? ไม่ใช่แค่บอกว่า “ไปทะเลมา” แล้วจบ ต้องเล่าว่าทะเลสีอะไร ฟ้าครามแบบใสแจ๋ว หรือฟ้าอมเขียวๆ ทรายขาวละเอียด หรือเป็นทรายหยาบๆ เดินแล้วเจ็บเท้า คือต้องแบบ.. ละเอียด! นี่แหละ Description.

จำได้เลย ตอนนั้นไปเที่ยวญี่ปุ่น เจอร้านราเม็งร้านนึง อร่อยมากกก (คือแบบ อร่อยจริงๆ นะ!) แล้วจะเขียนลงบล็อกไง ก็ต้องบรรยายให้คนอ่านน้ำลายไหลตามสิ ใช่มะ? บอกไปเลยว่าน้ำซุปกลิ่นหอมเตะจมูกยังไง เส้นเหนียวนุ่มกำลังดี หมูชาชูละลายในปาก โอ้ยย แค่นึกก็หิวละ นี่แหละ การพรรณนา คือการ Description ที่ดี เหมือนวาดภาพด้วยคำพูดจริงๆ นะ มันทำให้คนอ่านรู้สึกเหมือนไปอยู่ตรงนั้นด้วยเลย

เค้าบอกว่ามันเหมือนการ “วาดภาพด้วยคำพูด” ก็จริงนะ แต่เราว่ามันมากกว่านั้นอีก มันเหมือนการถ่ายทอด “ความรู้สึก” ด้วย มันทำให้เราเข้าใจ “แก่น” ของสิ่งนั้นจริงๆ อ่ะ อย่างเช่น ถ้าเราจะบรรยาย “แมว” ก็คงไม่ใช่แค่บอกว่ามันมีสี่ขา มีหาง มีหนวด ใช่มั้ย? แต่มันต้องบรรยายถึงขนนุ่มๆ ตาแป๋วๆ เวลาเดินก็แบบ.. ย่องๆ เบาๆ แล้วก็เสียงร้อง “เมี๊ยว” อะไรแบบนี้ มันถึงจะเรียกว่า Description มันถึงจะทำให้คนอ่านรู้สึกว่า เออ.. แมวน่ารักจัง อยากเลี้ยงบ้าง!

ส่วนคำพ้องความหมายอย่าง report, account, statement… เออ.. มันก็คล้ายๆ กันแหละ แต่รู้สึกว่ามันจะทางการไปหน่อยป่ะ? แบบ report นี่มันเหมือนรายงาน account ก็เหมือนรายงานอีก statement ก็ออกแนวแถลงการณ์ คือมันดูเป็นทางการ ไม่ค่อยเป็นกันเองเท่าไหร่ เราว่า description มันดูสบายๆ กว่า ใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่ายกว่า เหมือนเวลาเราเล่าเรื่องให้เพื่อนฟังนั่นแหละ มันดูธรรมชาติกว่าเยอะเลย ไม่ต้องเป๊ะเวอร์ แบบ.. ไม่รู้สิ รู้สึกแบบนั้น หรือเราคิดไปเองนะ? ฮ่าๆ