PV หมายถึงใบสําคัญประเภทใด

1 การดู

PV คืออะไร:

  • PV หรือ Payment Voucher คือ "ใบสำคัญจ่าย"
  • ใช้เป็นเอกสารประกอบการจ่ายเงิน
  • บันทึกรายละเอียดการจ่าย เช่น ผู้รับ, จำนวนเงิน, รายละเอียดค่าใช้จ่าย
  • เป็นหลักฐานสำคัญทางบัญชีและการเงิน
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

PV คือใบสำคัญประเภทไหน?

อืมม์ PV น่ะเหรอ คือใบสำคัญจ่ายไง จำได้สมัยทำงานบัญชีที่บริษัท XYZ เมื่อปี 2018 ต้องใช้ PV ตลอด ทุกครั้งที่จ่ายเงินอะไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายต่างๆ ตั้งแต่ค่ากาแฟตอนเช้า (ห้าสิบบาทเองนะ!) ยันค่าซื้ออุปกรณ์สำนักงานแพงๆ หลักหมื่น มันเป็นหลักฐานการจ่ายเงินอย่างเป็นทางการ ต้องกรอกรายละเอียดครบถ้วน วันที่ จำนวนเงิน รายละเอียดค่าใช้จ่าย และลายเซ็นรับรอง จำได้แม่นเลยว่าหัวหน้าบัญชีดุมากเรื่องการกรอก PV ผิดนิดผิดหน่อยก็โดนดุ ฉันเลยระวังมากเป็นพิเศษ ทุกอย่างต้องเป๊ะ!

จริงๆแล้ว PV ก็เหมือนใบเสร็จรับเงินของทางบริษัทอะนะ แค่เป็นทางการกว่า เพราะมันเป็นเอกสารภายใน ใช้บันทึกบัญชี เพื่อตรวจสอบการเงิน คิดว่าทุกบริษัทน่าจะมีใช้ น่าจะเป็นมาตรฐานเลยด้วยซ้ำ แต่ละที่อาจจะเรียกชื่อต่างกันบ้างนิดหน่อยก็ได้มั้ง แต่หลักการเดียวกัน เป็นหลักฐานการจ่ายเงินอย่างเป็นทางการ แค่นั้นเอง

สมุดรายวันเฉพาะมีกี่ประเภท

อืมมม… สมุดรายวันเฉพาะเนี่ยนะ กี่ประเภทหว่า? คิดหนักเลย

  • ซื้อ ก็แบบว่าซื้อของเครดิตอ่ะ จำได้แม่นเลย เดือนที่แล้วซื้อกระเป๋าจากร้านนั้น ยังค้างจ่ายอยู่เลย! ต้องจดไว้!

  • ขาย อันนี้ก็สำคัญมาก ขายของได้เท่าไหร่บ้าง ต้องบันทึกให้เป๊ะ อย่างร้านกาแฟที่ฉันไปสมัครงาน เค้าเน้นเรื่องนี้มาก ใช้โปรแกรมบัญชีด้วยนะ ไม่ใช่สมุดแบบเก่าๆแล้ว

  • ส่งคืน/ส่วนลด โอ้โห อันนี้เจอบ่อย ส่งของคืน ได้ส่วนลด ยุ่งยากจริงๆ แต่ก็ต้องจด ไม่งั้นงงแน่ๆ จำได้ว่าปีนี้มีปัญหาเรื่องการคืนสินค้าบ่อยมาก เซ็ง!

ทั้งหมดนี้แหละมั้ง… หรือมีมากกว่านี้? เดี๋ยวนะ ฉันต้องไปเช็คในหนังสือบัญชีอีกที อาจจะมีประเภทอื่นๆอีกก็ได้ สมุดรายวันนี่มันเยอะจริงๆเนอะ ปวดหัวเลย แต่ก็จำเป็น ต้องมีวินัยในการจดบันทึก ไม่งั้นเละแน่ๆ ปีนี้ตั้งใจว่าจะทำบัญชีให้ดีกว่าปีที่แล้ว หวังว่าจะทำได้นะ

ข้อมูลเพิ่มเติม: การใช้โปรแกรมบัญชีช่วยลดความยุ่งยากในการบันทึกสมุดรายวันได้มาก ลองหาดูนะ มีหลายโปรแกรมให้เลือกใช้เลย แต่ก็ต้องศึกษาการใช้งานให้ดีด้วยล่ะ

PV บัญชีย่อมาจากอะไร

PV คือ Payment Voucher จบ.

ปัญหาเอกสาร PV/RV เรียงแค่ตามวันที่? งานงอกแน่ ถ้าไม่เรียง Running No. ตรวจสอบยาก ปิดบัญชีไม่ครบ เสี่ยงเจอเรื่องวุ่นวายไม่รู้จบ ปีนี้เจอมาแล้วกับเคสคล้ายๆนี้ที่บริษัทเก่า โคตรปวดหัว

  • การเรียงเอกสารควรเรียงตาม Running No. เป็นหลัก สำคัญมาก
  • วันที่เป็น secondary sorting ใช้ประกอบ
  • ระบบจัดการเอกสารควรปรับปรุงด่วน อย่ามัวแต่แก้ปัญหาปลายเหตุ เสียเวลาเปล่าๆ

ปีนี้ระบบบัญชีที่ผมดูแล ใช้โปรแกรม X จัดการเอกสาร PV/RV ไม่มีปัญหาแบบนี้ เนียนมาก

ใบสำคัญแบ่งออกเป็นกี่ประเภท

โธ่ ถามมาได้ ใบสำคัญเนี่ยนะ แหม มันก็มีแค่สองแบบ ง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปากอีก

  • ใบสำคัญรับ: อันนี้เอาไว้ตอนรับตังค์ คิดซะว่าเหมือนใบเสร็จที่เซเว่น แต่เวอร์ชั่นอลังการงานสร้างสำหรับบริษัท รับเงินปุ๊บ ออกใบสำคัญรับปั๊บ รวยๆๆๆ (อันนี้คิดไปเอง 555) ปี 2024 นี่ต้องมี QR Code ด้วยนะ ไม่ใช่เขียนมือแบบสมัยคุณปู่คุณย่านะ สมัยนี้มันดิจิตอลจ้า ผมนี่ใช้แอปฯ สแกนจ่ายตลอด อ้อ..ใบสำคัญรับยังแยกย่อยได้อีกนะ เช่น ใบสำคัญรับเงินสด ใบสำคัญรับเช็ค ใบสำคัญรับเงินโอน แล้วแต่ว่ารับเงินแบบไหน เยอะแยะไปหมด เหมือนเมนูร้านอาหารตามสั่งเลย
  • ใบสำคัญจ่าย: อันนี้ตรงข้ามกับข้างบน คือเอาไว้ตอนจ่ายตังค์ เหมือนเวลาเราซื้อของแล้วได้ใบเสร็จ แต่ของบริษัทมันจะดูเป็นทางการกว่า จ่ายปุ๊บ ออกใบสำคัญจ่ายปั๊บ น้ำตาจะไหล เงินหายไปกับสายลม ใบสำคัญจ่ายก็แยกย่อยได้อีกเหมือนกันนะ เช่น ใบสำคัญจ่ายเงินสด ใบสำคัญจ่ายเช็ค ใบสำคัญจ่ายผ่านธนาคาร โอ้ยย เยอะ เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว

จำง่ายๆ รับก็รับ จ่ายก็จ่าย อย่าไปสับสนนะ เดี๋ยวบัญชีพัง หัวหน้าบ่น งานเข้าแน่ๆ (อันหลังนี่เรื่องใหญ่) ผมนี่เคยสลับกันทีนึง โดนหัวหน้าเรียกไปคุยยาวเลย แทบอยากมุดดินหนี 55555 แต่ตอนนี้โปรแล้ว ไม่พลาดอีกต่อไป

ใบสําคัญมีกี่ประเภท

ใบสำคัญในทางบัญชี แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ครับ แต่ละประเภทมีบทบาทที่แตกต่างกันในการจัดการธุรกรรมทางการเงินของกิจการ

  • ใบสำคัญรับ (Cash Receipt Voucher): เอกสารนี้เป็นเหมือนบันทึกการรับเงินของกิจการ ไม่ว่าจะมาจากการขายสินค้า, บริการ, หรือแหล่งอื่นๆ สิ่งสำคัญคือต้องมีรายละเอียดครบถ้วน เช่น วันที่, จำนวนเงิน, ผู้รับ, และคำอธิบายรายการ เพื่อให้ตรวจสอบได้ง่าย

  • ใบสำคัญจ่าย (Cash Payment Voucher): ตรงกันข้ามกับใบสำคัญรับ ตัวนี้ใช้บันทึกการจ่ายเงินของกิจการ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน, การซื้อสินค้า, หรือการชำระหนี้สิน รายละเอียดที่ต้องมีก็คล้ายๆ กัน คือ วันที่, จำนวนเงิน, ผู้รับเงิน, และคำอธิบายรายการจ่าย

เกร็ดเล็กน้อย: เคยสงสัยไหมว่าทำไมต้องมีใบสำคัญ? นอกจากเป็นหลักฐานทางบัญชีแล้ว มันยังช่วยให้การควบคุมภายในของกิจการมีประสิทธิภาพมากขึ้น ป้องกันการทุจริต และทำให้การตรวจสอบบัญชีทำได้ง่ายขึ้นด้วยนะ

PV ในบัญชีย่อมาจากอะไร

PV ในบัญชีน่ะเหรอ? แหม ถามมาได้! มันก็ย่อมาจาก “Payment Voucher” ไงเล่า! ใบสำคัญจ่าย! ใบที่เราเอาไว้จ่ายเงินน่ะ เข้าใจ๋?

แล้วไอ้เรื่องเอกสาร PV (Payment Voucher) กับ RV (Receive Voucher) ในแฟ้มน่ะนะ ถ้าไม่เรียงตาม Running No. นี่ปวดหัวแน่นอน! เหมือนหาเข็มในมหาสมุทร!

  • ผลกระทบ: ขาด PV นี่เหมือนขาดใจ! ตรวจสอบยากชะมัด! ปิดบัญชีไม่ครบอีก! กรรม!
  • ความเสี่ยง: บัญชีมั่วซั่ว! สรรพากรมาตรวจเจอมีหวังโดนยำเละ!
  • ทางแก้: จัดเรียงตามวันที่ก็พอได้ แต่ต้องมี Running No. ด้วยนะจ๊ะ! จะได้เช็คได้ว่าครบถ้วนไหม ไม่ใช่ขาดๆ เกินๆ เหมือนคนกินข้าวไม่อิ่ม!

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย: รู้ไหมว่าบางบริษัทเล่นพิเรนทร์ ตั้งชื่อ PV ว่า “ใบเบิกตังค์” ก็มีนะ! ฮ่าๆ! แต่ที่จริงแล้วมันก็คือ Payment Voucher นั่นแหละ!

RV ย่อมาจากอะไรในบัญชี

RV น่ะเหรอ? ไม่ใช่รถบ้านแน่นอน ในบัญชี RV ย่อมาจาก Receive Voucher หรือใบรับเงินไง! อย่าสับสนกับรถบ้านนะ เดี๋ยวจะเอาเงินไปจ่ายค่าที่จอด RV แทนที่จะเอาไปลงบัญชี

  • ทำไมต้องเรียงตามวันที่: ก็เหมือนกินข้าวอ่ะ ถ้ากินของที่หมดอายุก่อน ก็ท้องเสียสิ! เอกสารก็เหมือนกัน เรียงตามวันจะได้รู้ว่าอะไรเข้าออกก่อนหลัง มัน make sense กว่าไหม?

  • แล้ว Running No. สำคัญไฉน: คิดดูดิ ถ้าเรามีลูกเป็นสิบ แล้วไม่ตั้งชื่อให้ลูก เรียงตามความสูงแทน จะเรียกใครถูกล่ะ? Running No. ก็เหมือนชื่อลูก ช่วยให้ตามหาเอกสารง่ายขึ้นไง!

  • ถ้าไม่เรียงตาม Running No. จะเกิดอะไรขึ้น: บัญชีจะเละเทะ เหมือนครัวที่ไม่ได้ล้าง 3 เดือน! หาเอกสารไม่เจอ ปิดบัญชีไม่ครบ ตรวจสอบยาก…สรุปคือ…ซวย!

  • ความเสี่ยงที่แท้จริง: นอกจากจะปวดหัวแล้ว ยังอาจโดนสรรพากรเล่นงานได้นะจ๊ะ! คิดดูสิ ถ้าเอกสารไม่ครบ สรรพากรก็หาว่าเราโกง…โอ้มายก๊อด!

  • วิธีแก้ปัญหา (แบบขำๆ): จ้างนักสืบมาตามหาเอกสาร! ล้อเล่นนะ…แค่เรียงตาม Running No. ก็จบเรื่องแล้ว!

  • เคล็ดลับ: ทำ checklist ซะ! เหมือนตอนไปเที่ยวอ่ะ ถ้าไม่ check ว่าเอาอะไรไปบ้าง ก็ลืมของสำคัญแน่ๆ บัญชีก็เหมือนกัน!

สรุป: อย่าประมาทเรื่องเอกสารบัญชีนะจ๊ะ มันสำคัญกว่าที่คิดเยอะ! ไม่อยากปวดหัว ก็ทำให้มันเป็นระเบียบซะ!

BV หมายถึงใบสําคัญประเภทใด

BV ในบริบทที่คุณให้มาน่าจะเป็น “ใบสำคัญ” แต่ไม่ใช่ประเภทเดียวโดดๆ ครับ มันเหมือนเป็นร่มใหญ่ที่คลุมเอกสารย่อยลงไปอีกที ซึ่งแต่ละตัวก็มีหน้าที่เฉพาะเจาะจง

  • BV 2.2: น่าจะหมายถึง ใบแจ้งหนี้ ในระบบเจ้าหนี้ (Accounts Payable) คือเอกสารที่ซัพพลายเออร์ส่งมาให้เราเรียกเก็บเงิน

  • PL:ใบวางบิล (Payment Listing) คือเอกสารที่เราใช้สรุปรายการใบแจ้งหนี้ที่เราต้องการจ่ายให้ซัพพลายเออร์ในงวดนั้นๆ คล้ายกับการจัดระเบียบเอกสารก่อนจ่ายเงินออกไป

  • PI:ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี (Tax Invoice) สำคัญมาก เพราะเป็นหลักฐานการซื้อขายที่ถูกต้องตามกฎหมาย ใช้ยื่นภาษีได้ด้วย (Link Vat ซื้อ เมื่อจ่ายชำระ) อันนี้คือหัวใจของการทำบัญชีเลย

  • BA:ใบลดหนี้ซื้อสด (Credit Note for Cash Purchase) ใช้เมื่อเราซื้อของด้วยเงินสดแล้วของมีปัญหา ต้องมีการลดหนี้กัน

  • BN:ใบลดหนี้ซื้อเชื่อ (Credit Note for Credit Purchase) คล้ายกับ BA แต่เป็นการซื้อแบบติดค้างไว้ก่อน

  • BB:ใบเพิ่มหนี้ซื้อสด (Debit Note for Cash Purchase) อันนี้ตรงข้ามกับ BA คือเราต้องจ่ายเงินเพิ่มให้ซัพพลายเออร์ อาจจะเพราะราคาสินค้าที่ซื้อไปก่อนหน้านี้มันไม่ถูกต้อง

เกร็ดน่าสนใจ: การจัดการเอกสารเหล่านี้อย่างเป็นระบบ ช่วยให้การทำบัญชีง่ายขึ้นเยอะเลยครับ เหมือนมีแผนที่นำทางให้เราเดินไปถูกทาง ไม่หลงป่าตัวเลข

ข้อมูลเพิ่มเติม:

  • ความสำคัญของ Vat: ใบกำกับภาษี (PI) ที่เชื่อมกับ Vat ซื้อเนี่ย สำคัญมากๆ ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่เราต้องจ่ายหรือขอคืนจากรัฐ มันคือการ “รักษาสิทธิ์” ทางภาษีของเรานั่นเอง

  • เอกสารยุคดิจิทัล: สมัยนี้หลายบริษัทหันมาใช้ระบบ e-Tax Invoice กันหมดแล้ว สะดวก รวดเร็ว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า

  • ความรอบคอบ: การตรวจสอบเอกสารทุกฉบับอย่างละเอียดก่อนบันทึกบัญชี เป็นสิ่งที่นักบัญชีมืออาชีพทำกันเสมอ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น

#ประเภท #หลักทรัพย์ #ใบสำคัญ