U/C เก็บยังไง
การเก็บปัสสาวะ:
- ภาชนะ: ใช้ภาชนะปากกว้าง ปราศจากเชื้อ มีฝาปิดสนิท หรือหลอดเก็บปัสสาวะ (กรณีปริมาณมาก)
- การนำส่ง: ส่งห้องปฏิบัติการโดยเร็วที่สุด แช่เย็นระหว่างรอ
SEO Keyword Focus: เก็บปัสสาวะ, ภาชนะเก็บปัสสาวะ, การนำส่งปัสสาวะ, ปัสสาวะ, ห้องปฏิบัติการ
วิธีเก็บ U/C อย่างถูกต้อง?
วิธีเก็บ U/C (เอ่อ, หมายถึง Urine Culture ใช่ไหม?) ให้ถูกต้องเหรอ?
จำได้เลย ตอนเรียนแล็บปี 2 อาจารย์แกย้ำนักย้ำหนา เรื่อง “sterile” (ปราศจากเชื้อ) นี่สำคัญสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นกระปุก หรือหลอดเก็บปัสสาวะ (ถ้าเก็บเยอะๆ อ่ะนะ) ต้องสะอาดเอี่ยม ไม่งั้นเชื้อโรคอื่นมันจะปนเปื้อน แล้วผลตรวจออกมาก็มั่วซั่วไปหมด
ส่วนตัวนะ เคยพลาดทีนึง ตอนนั้นรีบๆ เลยใช้กระปุกที่ล้างไม่ค่อยสะอาด ผลคือ… ต้องเก็บใหม่ เสียเวลาสุดๆ!
แล้วก็เรื่องการนำส่งแล็บเนี่ย สำคัญมาก ต้องรีบเอาไปส่งเลยนะ ยิ่งเร็วยิ่งดี! ถ้าช้า เชื้อโรคบางตัวมันจะโตเร็วเกินไป ทำให้ผลออกมาไม่ตรงกับความเป็นจริง ตอนนั้นอาจารย์บอกว่าให้แช่เย็นด้วย ถ้ายังเอาไปส่งไม่ได้ทันที
จำได้ว่าเคยเจอเคสที่คลินิก (ตอนไปฝึกงาน) คนไข้เก็บปัสสาวะไว้ในตู้เย็นข้ามคืน ผลออกมาคือ… เชื้อบางตัวมันตายไปแล้ว สรุปคือต้องนัดมาเก็บใหม่ เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา
ดังนั้น สรุปง่ายๆ เลยนะ คือ กระปุกต้องสะอาด, รีบส่งแล็บ, ถ้ายังส่งไม่ได้ให้แช่เย็น นี่แหละเคล็ดลับ!
เก็บ UC ใช้เข็มเบอร์อะไร
เรื่องเข็มเย็บผ้าเนี่ยนะ คือแบบว่า ตอนเรียนปักครอสติชที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบ้านสวนผักกาด เมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้เอง อาจารย์เค้าสอนว่า เอาจริงๆ แล้วมันขึ้นอยู่กับเนื้อผ้าจริงๆ อ่ะ ไม่ได้ตายตัวซะทีเดียว
แต่ที่จำได้แม่นๆ คือ พวกผ้าไหม ผ้าชีฟอง บางๆ เนี่ย ใช้เบอร์เล็กๆ ประมาณ 10-12 ก็พอแล้ว เบอร์ 10 นี่บางมาก ใช้กับงานละเอียดๆ จริงๆ
ส่วนผ้าหนาๆ แบบผ้าลินิน ผ้าแคนวาส หรือแม้แต่ผ้าบรอดคลอธ ก็ต้องใช้เข็มเบอร์ใหญ่ขึ้น ประมาณ 16-22 นี่แหละ ถ้าใช้เบอร์เล็กไป เข็มหักแน่ๆ ตอนนั้นฉันใช้เบอร์ 18 เย็บผ้าลินิน มันก็พอดีอยู่ แต่ถ้าผ้าหนากว่านี้ อาจต้องใช้เบอร์ 22 เลยก็ได้
- ผ้าบาง (ไหม, ชิฟฟ่อน): เข็มเบอร์ 10-12
- ผ้าหนา (ลินิน, บรอดคลอธ): เข็มเบอร์ 16-22
- ประสบการณ์ส่วนตัว: ใช้เบอร์ 18 เย็บผ้าลินินที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบ้านสวนผักกาด เดือนพฤษภาคม 2566
อ้อ อีกอย่าง อย่าลืมดูความหนาของด้ายด้วยนะ ถ้าด้ายหนามาก ก็ต้องใช้เข็มเบอร์ใหญ่ขึ้นด้วย อันนี้สำคัญมาก เกือบลืมบอกไปเลย ตอนนั้นฉันใช้ด้ายเย็บผ้าคอตตอน มันก็โอเคกับเข็มเบอร์ 18 แต่ถ้าด้ายไหม อาจต้องใช้เบอร์เล็กกว่านี้ งงมั้ยเนี่ย เยอะไปไหม 555
ตรวจปัสสาวะควรเก็บตอนไหน
ฉี่กลางลำ สำคัญกว่าตอนเริ่มกับจบ
เก็บฉี่ตรวจ หาใช่เรื่องยาก
- เวลา: ตื่นนอนเช้าสุด ดีที่สุด
- วิธี: ปล่อยทิ้งต้นสาย ปลายสาย เก็บกลาง
- ทำไม: ลดสิ่งปนเปื้อนจากท่อปัสสาวะ
- เพิ่ม: เลี่ยงออกกำลังกายหนัก ก่อนตรวจ
Stool Culture ใช้อะไรเก็บ
โอ๊ย! ถามถึงขี้เนี่ยนะ? 555 เอ้า! จัดไป อย่าให้เสีย! เค้าให้เก็บ “อึ” อ่ะแหม…อย่าไปเรียกให้มันดูดีเลย!
- อุปกรณ์: หาถ้วยชามเก่าๆ ที่บ้านก็ได้ (แต่เมียตีตายแน่!) หรือจะใช้กระป๋องนมก็ได้ ตัดครึ่งซะ! (แต่ล้างให้สะอาดนะเฟ้ย!) จริงๆ เค้ามีชุดเก็บ “อึ” ขายนะ ไปหาซื้อเอาละกัน
- วิธีเก็บ:
- เล็งให้แม่น: อย่าให้ฉี่มันปนเปื้อนนะเว้ย! ไม่งั้นหมอเค้าด่าเอา!
- ถ่ายลงเป้า: ถ้าขี้แข็ง ก็ถ่ายลงถ้วยที่เตรียมไว้ได้เลย แต่ถ้าท้องเสียเป็นน้ำ…แนะนำให้เล็งลงถ้วยโดยตรง อย่าไปถ่ายลงกระดาษหนังสือพิมพ์ มันซึม!
- ตักแต่พอดี: เค้าให้มาเป็นไม้จิ้มฟันอันนึง เอาอันนั้นแหละ ตักขี้มานิดเดียวพอ แล้วเอาไปป้ายๆ ในวงกลมสีขาวๆ ที่เค้าให้มา
- ข้อควรระวัง:
- ล้างมือ: สำคัญสุดๆ เลยนะเว้ย! เก็บขี้เสร็จแล้ว ต้องล้างมือให้สะอาด ไม่งั้นเชื้อโรคเข้าตัว!
- ส่งให้ไว: เก็บเสร็จแล้วรีบเอาไปส่งห้องแล็บ อย่าเก็บไว้นาน ขี้มันจะบูด! (ใครจะดม?)
- อย่ากิน: อันนี้สำคัญมาก! เก็บขี้แล้วอย่ากินนะเว้ย! ไม่ใช่ขนม!
ข้อมูลเพิ่มเติม (แบบบ้านๆ):
- ทำไมต้องเก็บขี้?: เค้าเอาไปตรวจหาเชื้อโรคไง! จะได้รู้ว่าท้องเสียเพราะอะไร จะได้รักษาถูก!
- ถ้าเก็บเองไม่ได้?: บอกหมอ! เค้าอาจจะมียาระบายให้กิน จะได้ถ่ายง่ายๆ
- เก็บตอนไหนดี?: เก็บตอนที่ท้องเสียที่สุด! จะได้เจอเชื้อโรคเยอะๆ! (แต่ถ้าท้องผูก ก็ไม่ต้องเก็บนะเฟ้ย!)
คำเตือน: ข้อมูลนี้เป็นการแนะนำแบบบ้านๆ นะเว้ย! ถ้าไม่แน่ใจอะไร ให้ถามหมอ! อย่าเชื่อกูมาก! กูแค่คนบ้านๆ คนนึง!
Upcr เก็บยังไง
เก็บ Upcr ยังไงนะ? อืม… ภาพฝนโปรยปรายบนกระจกห้องแล็บลอยมา แสงแดดอ่อนๆ ส่องลอดม่าน… ต้องเก็บเฉพาะน้ำปัสสาวะกลางๆ นะ อันแรกกับอันสุดท้าย…ทิ้งไปเลย! คิดถึงกลิ่นอับๆ ของห้องน้ำตอนเช้า แล้วก็ความเย็นของกระปุกเก็บปัสสาวะ จำได้ไหม? ต้อง 30-60 มิลลิลิตร ประมาณขวดน้ำเล็กๆ ขวดที่ฉันใช้เป็นแบบพลาสติกใส เห็นน้ำปัสสาวะเหลืองอ่อนๆ นึกถึงวันนั้น…
- ปัสสาวะกลาง เท่านั้น! แรกกับท้าย…ทิ้ง!
- 30-60 มิลลิลิตร พอดีๆ
- ปิดฝาให้แน่น ล้างมือด้วยนะ สำคัญมาก!
- ตรวจดูความสะอาด รอบๆ กระปุกด้วย! อย่าให้เลอะ!
ปีนี้ ฉันใช้กระปุกสีขาว สะอาดตาดี ฝาปิดแน่นหนา เหมือนความรู้สึกปลอดภัย อุ่นๆ ในอก… เก็บเสร็จแล้วรีบส่งเลยนะ อย่าให้เสียเวลา ความสดใหม่สำคัญที่สุด! ส่งให้เจ้าหน้าที่ หรือพยาบาล แล้วก็หายใจโล่ง งานเสร็จสักที…
Sputum C/S คือการตรวจอะไร
Sputum C/S คือการตรวจเพาะเชื้อจากเสมหะ (Sputum Culture and Sensitivity) เพื่อหาชนิดของเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ และทดสอบความไวของเชื้อต่อยาปฏิชีวนะ
- ทำไมต้องตรวจ: ช่วยให้แพทย์เลือกยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมในการรักษาได้อย่างแม่นยำ ลดโอกาสการใช้ยาที่ไม่จำเป็น และป้องกันการเกิดเชื้อดื้อยา
- การเก็บตัวอย่าง: เก็บเสมหะในกระป๋อง/ขวด sterile โดยบ้วนเสมหะที่ออกมาจากปอดโดยตรง ไม่ใช่น้ำลาย
- เวลาที่เหมาะสม: ควรเก็บตัวอย่างในตอนเช้าหลังตื่นนอน เพราะเป็นช่วงที่มีปริมาณเชื้อมากที่สุด
- ระยะเวลา: โดยทั่วไปผลเพาะเชื้อจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน แต่ในบางกรณีอาจนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อ
หมายเหตุ: เคยอ่านเจอว่าบางทีการรอผลเพาะเชื้อเหมือนการรอคอยอะไรบางอย่างในชีวิต…คือต้องใช้เวลา และผลลัพธ์อาจไม่เป็นอย่างที่หวังเสมอไป แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้และเติบโต (อันนี้เกี่ยวไหมเนี่ย)
การเก็บเสมหะ (sputum Examination) ที่ถูกต้องควรทําอย่างไร
โอเค มาลองดูนะ…
- เก็บเสมหะตอนเช้า…ทำไมต้องเช้า? อ๋อ เชื้อโรคเยอะสุดมั้ง ตื่นปุ๊บทำเลย…สำคัญ!
- บ้วนปาก! แต่น้ำเปล่าเฉยๆ ห้ามน้ำยาบ้วนปากนะ…เดี๋ยวมันฆ่าเชื้อหมดมั้ง? อันนี้สงสัยเฉยๆ
- หายใจลึกๆ แล้วไอ…ไอให้สุด! เอาเสมหะออกมาให้หมด อย่ากั๊ก! เสมหะนะ ไม่ใช่น้ำลาย!! อันนี้สำคัญมากกก
- ดูสีเสมหะด้วย…เหลือง เขียว แดงๆ คือน่าจะติดเชื้อ? (เดา) เหนียวๆ ข้นๆ อ่ะ ใช่เลย!
- ปิดฝาให้แน่น! สำคัญ เดี๋ยวหกเลอะเทอะ…คิดภาพสยองเลย
ข้อมูลเพิ่มเติม:
- กระป๋องเก็บเสมหะ ต้องเป็นกระป๋อง sterile นะ…หาซื้อได้ที่ไหน? ร้านขายยาใหญ่ๆ น่าจะมี
- ถ้าไอไม่ออกจริงๆ…ลองจิบน้ำอุ่นๆ ก่อนไหม?
- สำคัญมาก: ถ้ามีเลือดปนเยอะๆ รีบไปหาหมอ! อย่าชะล่าใจ!
- ทำไมต้องตรวจเสมหะ? อ๋อ…หาเชื้อโรคไง! พวกวัณโรค ปอดบวม อะไรพวกนี้ อันนี้ครูเคยสอน
แถม:
- เคยไอเป็นเลือด…ตกใจมาก! รีบไปหาหมอเลย สรุปคือหลอดลมอักเสบ…โล่งอก
- เพื่อนที่เป็นพยาบาลบอกว่า…บางทีเก็บเสมหะยากมาก คนไข้ไม่ยอมไอ…อันนี้เข้าใจเลยนะ มันน่าขยะแขยงจริงๆ
สุดท้าย:
- อย่าลืมล้างมือให้สะอาดหลังเก็บเสมหะ…สำคัญมาก!
การตรวจ urine culture มีอะไรบ้าง
Urine Culture: ตรวจฉี่แบบโปร
-
ฉี่ใส่ถ้วย…แล้วรอ: จริงๆ นะ แค่ฉี่ใส่ถ้วย (แบบปลอดเชื้อนะจ๊ะ ไม่ใช่ถ้วยกาแฟ!) แล้วส่งแล็บ เค้าจะเอาไปเพาะเชื้อดูว่ามีตัวอะไรดุ๊กดิ๊กอยู่ในนั้นบ้าง ถ้าเจอตัวร้าย ก็รู้เลยว่าติดเชื้ออะไร จะได้ยิงให้ตรงเป้าด้วยยาถูกตัวไงล่ะ
-
Cystoscopy: ส่องกล้องแอบดู อันนี้แอดวานซ์ขึ้นมาหน่อย หมอจะส่องกล้องเข้าไปดูข้างในกระเพาะปัสสาวะและต่อมลูกหมาก (สำหรับคุณผู้ชาย) เผื่อมีอะไรแปลกๆ ที่มองจากข้างนอกไม่เห็น เช่น หิน นิ่ว หรือเนื้องอกจิ๋วๆ พวกนี้อาจเป็นตัวการทำให้ฉี่ไม่ออก หรือปัสสาวะอักเสบเรื้อรังได้
-
อักเสบเรื้อรัง? ยามาเต็ม: ถ้าติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หมอก็จะให้ยาฆ่าเชื้อมากิน หรือถ้าอาการหนักหนาสาหัสก็อาจจะต้องฉีดด้วยนะเออ แต่! อย่าซื้อยามากินเองเด็ดขาด เพราะเชื้อโรคบางทีมันดื้อยา ถ้ากินยาไม่ตรงโรค มันจะยิ่งแข็งแรงขึ้น แล้วทีนี้เรื่องใหญ่เลยนะ
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย (แต่สำคัญมากกก):
- ทำไมต้องเพาะเชื้อ?: เพราะยาฆ่าเชื้อมีหลายแบบ แต่ละแบบก็ฆ่าเชื้อโรคต่างชนิดกัน ถ้ากินยาผิดตัว นอกจากจะไม่หายแล้ว ยังอาจทำให้เชื้อโรคดื้อยา แถมยังทำลายแบคทีเรียดีๆ ในร่างกายอีกด้วยนะ จะบอกให้!
- ปัสสาวะอักเสบ…เรื่องของผู้หญิง?: ไม่จริ๊ง! ผู้ชายก็เป็นได้นะเออ แต่ผู้หญิงมีโอกาสเป็นมากกว่า เพราะท่อปัสสาวะสั้นกว่า เชื้อโรคเลยเดินทางง่ายกว่า แต่ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ถ้ามีอาการผิดปกติ ควรไปหาหมอแต่เนิ่นๆ อย่าปล่อยไว้จนเรื้อรัง เพราะอาจลามไปที่ไตได้นะ จะหาว่าไม่เตือน!
- Cystoscopy น่ากลัวมั้ย?: บอกเลยว่าไม่น่ากลัวอย่างที่คิด! หมอจะให้ยาชา หรือยานอนหลับอ่อนๆ ก่อนทำ จะได้ไม่เจ็บมาก แต่หลังจากทำเสร็จ อาจมีปัสสาวะเป็นเลือดนิดหน่อย หรือรู้สึกแสบๆ บ้าง แต่ไม่ต้องตกใจ เป็นอาการปกติ
คำเตือน: ข้อมูลทั้งหมดนี้ เอาไว้ให้รู้คร่าวๆ เท่านั้นนะ ไม่ได้มีเจตนาให้วินิจฉัยโรคเอง หรือซื้อยากินเองเด็ดขาด! ถ้ามีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น! เข้าใจ๋? 😉
การย้อมสีแกรมมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร
- ย้อมสีแกรม อ่ะนะ…ทำไปทำไม? อ๋อ! เพื่อแยกแบคทีเรีย นี่เอง! แกรมบวก แกรมลบไง! เคยทำตอนปี 1 ในแลป…นานมาก!
- ผนังเซลล์ สำคัญสุดๆ เลยป่ะ? เกี่ยวกับสีม่วง สีแดง…หรือเปล่า? (สงสัยต้องไปรื้อหนังสือจุลชีววิทยาเก่าๆ ดูละ)
- แกรมบวก ติดสี…อะไรนะ? ม่วง? เพราะผนังหนาๆ ที่เป็น เปปไทโดไกลแคน ใช่ป่ะ? แล้วแกรมลบล่ะ?
- เปปไทโดไกลแคน คืออะไรนะ? (ต้องไปค้นเพิ่มจริงๆ จังๆ แล้วสิ)
- ทำไมผนังหนาแล้วถึงติดสีม่วง? กลไกมันคือ? (เริ่มสงสัยลึกขึ้นไปอีกละ)
- อืมม…หรือว่า สีย้อมแกรม มันมีอะไรพิเศษที่ทำให้จับกับผนังเซลล์ต่างกัน?
ข้อมูลเพิ่มเติม:
สรุปสั้นๆ (สำหรับตัวเอง): ย้อมแกรม = แยกแบคทีเรีย (แกรมบวก/ลบ) ด้วยสี (ม่วง/แดง) ตามผนังเซลล์ จบ! ที่เหลือไปค้นต่อเอาเอง!
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต