เด็กทารกจะเริ่มคุยตอนกี่เดือน

25 การดู

เด็กทารกแต่ละคนมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้วทารกจะเริ่มส่งเสียงอ้อแอ้และพยายามเลียนเสียงในช่วง 2-3 เดือนแรก พัฒนาการด้านภาษาจะค่อยเป็นค่อยไป ควบคู่ไปกับการสังเกตและเรียนรู้จากคนรอบข้าง พ่อแม่สามารถส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาได้ด้วยการพูดคุย อ่านหนังสือ และร้องเพลงให้ลูกฟัง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ภาษาที่ผลิบาน: เมื่อไหร่ลูกน้อยจะเริ่มส่งเสียงพูดคุย?

การเฝ้ามองพัฒนาการของลูกน้อยเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้น พ่อแม่ทุกคนต่างตั้งตารอคอยวันที่ลูกจะเปล่งเสียงพูดคำแรกออกมา แต่คำถามที่อยู่ในใจของหลายๆ คนก็คือ “เมื่อไหร่กันนะ ที่ลูกจะเริ่มพูด?”

ไม่ใช่สูตรสำเร็จตายตัว: พัฒนาการของใครของมัน

สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทำความเข้าใจคือ เด็กทารกแต่ละคนมีจังหวะการเติบโตและพัฒนาการที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวที่บอกได้ว่าลูกจะต้องเริ่มพูดเมื่ออายุเท่าไหร่ เด็กบางคนอาจเริ่มส่งเสียงอ้อแอ้เร็ว ในขณะที่บางคนอาจใช้เวลามากกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว เราสามารถสังเกตพัฒนาการด้านภาษาของลูกน้อยได้ดังนี้:

  • ช่วง 2-3 เดือนแรก: การเริ่มต้นสำรวจเสียง ในช่วงนี้ ลูกน้อยจะเริ่มส่งเสียงอ้อแอ้ (cooing) ซึ่งเป็นเสียงสระที่เกิดจากการที่ลูกเริ่มสำรวจการใช้เสียงของตัวเอง นี่คือสัญญาณแรกของการเริ่มต้นพัฒนาการด้านภาษา

  • ช่วง 4-6 เดือน: เสียงหัวเราะและเสียงที่หลากหลาย ลูกจะเริ่มหัวเราะและส่งเสียงที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงการเริ่มเล่นเสียงที่ซับซ้อนกว่าเดิม

  • ช่วง 6-12 เดือน: การอ้อแอ้แบบ Babbling ช่วงนี้ลูกจะเริ่มพูดคำพยางค์เดียวซ้ำๆ เช่น “มา มา” หรือ “ปา ปา” นี่คือการฝึกฝนกล้ามเนื้อปากและลิ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการพูดจริง

  • ช่วง 12-18 เดือน: คำแรกที่น่าตื่นเต้น โดยเฉลี่ยแล้ว เด็กส่วนใหญ่จะเริ่มพูดคำแรกที่มีความหมายในช่วงอายุนี้ คำแรกๆ มักจะเป็นคำที่คุ้นเคยและเกี่ยวข้องกับสิ่งรอบตัว เช่น “แม่” “พ่อ” หรือ “หม่ำ”

ปัจจัยที่ส่งผลต่อพัฒนาการด้านภาษา

นอกจากความแตกต่างของแต่ละบุคคลแล้ว ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อพัฒนาการด้านภาษาของลูกน้อย ได้แก่:

  • การได้ยิน: การได้ยินที่ปกติเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาภาษา หากสงสัยว่าลูกอาจมีปัญหาด้านการได้ยิน ควรปรึกษาแพทย์ทันที

  • สภาพแวดล้อม: สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการสื่อสารและการปฏิสัมพันธ์จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านภาษาของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี

  • สุขภาพโดยรวม: สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับพัฒนาการทุกด้าน รวมถึงพัฒนาการด้านภาษา

บทบาทของพ่อแม่: การเป็นครูภาษาคนแรกของลูก

พ่อแม่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาของลูกน้อย สิ่งที่พ่อแม่สามารถทำได้มีดังนี้:

  • พูดคุยกับลูกบ่อยๆ: ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่อง อ่านหนังสือ หรืออธิบายสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัว การพูดคุยกับลูกเป็นประจำจะช่วยให้ลูกได้เรียนรู้คำศัพท์และโครงสร้างภาษา

  • ตอบสนองต่อเสียงของลูก: เมื่อลูกส่งเสียงอ้อแอ้หรือพยายามพูด ให้ตอบสนองด้วยการพูดคุยและให้กำลังใจ การตอบสนองจะช่วยให้ลูกรู้สึกมั่นใจและอยากที่จะสื่อสารมากขึ้น

  • อ่านหนังสือให้ลูกฟัง: การอ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่ยังเล็กจะช่วยให้ลูกคุ้นเคยกับภาษาและเสียงต่างๆ รวมถึงเป็นการสร้างความผูกพันระหว่างพ่อแม่และลูก

  • ร้องเพลงให้ลูกฟัง: การร้องเพลงจะช่วยให้ลูกเรียนรู้จังหวะและท่วงทำนองของภาษา

  • เล่นกับลูก: การเล่นกับลูกเป็นโอกาสที่ดีในการสอนคำศัพท์ใหม่ๆ และส่งเสริมการสื่อสาร

เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์

แม้ว่าเด็กแต่ละคนจะมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน แต่หากลูกมีอายุ 18 เดือนแล้วยังไม่พูดคำที่มีความหมาย หรือมีสัญญาณอื่นๆ ที่น่ากังวล เช่น ไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียก หรือมีปัญหาในการสื่อสาร ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินพัฒนาการและให้คำแนะนำที่เหมาะสม

สรุป

การเฝ้ามองพัฒนาการด้านภาษาของลูกน้อยเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและคุ้มค่า การเข้าใจว่าเด็กแต่ละคนมีจังหวะการเติบโตที่แตกต่างกัน และการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาของลูกอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ลูกน้อยเติบโตขึ้นเป็นผู้ที่มีทักษะการสื่อสารที่ดีและมีความมั่นใจในตัวเอง