ทำยังไงให้สะเก็ดแผลแห้งเร็ว

13 การดู
ล้างแผลเบาๆ ด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาดวันละ 2 ครั้ง ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซสะอาดบางๆ เพื่อป้องกันการเสียดสีและสิ่งสกปรก หลีกเลี่ยงการแกะสะเก็ด รับประทานอาหารที่มีโปรตีน วิตามินซี และสังกะสี หากแผลมีอาการอักเสบ บวมแดง หรือมีหนอง ควรปรึกษาแพทย์ทันที
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

วิธีเร่งให้สะเก็ดแผลแห้งเร็ว

การเกิดแผลเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นแผลเล็ก แผลใหญ่ แผลถลอก แผลไฟไหม้ แผลผ่าตัด แม้กระทั่งแผลเป็นสิว ซึ่งแผลแต่ละประเภทก็มีวิธีรักษาและดูแลที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยปกติแล้วแผลจะผ่านกระบวนการสมานแผล 3 ขั้นตอน ได้แก่ ช่วงอักเสบ ช่วงสร้างเนื้อเยื่อ และช่วงสร้างใหม่

ในช่วงสร้างเนื้อเยื่อแผลจะเริ่มมีการสร้างเกล็ด ซึ่งเป็นชั้นฟิล์มบางๆ เพื่อปกป้องเนื้อเยื่อใหม่ที่กำลังสร้างขึ้น โดยปกติแล้วเกล็ดแผลจะหลุดออกเองได้เมื่อแผลหายดี แต่หากต้องการให้เกล็ดแผลแห้งเร็วขึ้นเพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อหรือเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา ก็สามารถทำได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

1. ล้างแผลเบาๆ

ล้างแผลด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาดวันละ 2 ครั้ง โดยใช้น้ำเกลือล้างจมูกหรือน้ำเกลือทางการแพทย์มาล้างแผลโดยตรง ซึ่งน้ำเกลือจะช่วยชะล้างสิ่งสกปรกและสิ่งแปลกปลอมที่อาจติดอยู่บริเวณแผลได้ดี หรือหากไม่มีน้ำเกลือ สามารถใช้น้ำสะอาดล้างแทนได้ จากนั้นซับแผลให้แห้งด้วยผ้าสะอาดหรือกระดาษทิชชู่

2. ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซ

ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซสะอาดบางๆ เพื่อป้องกันการเสียดสีจากเสื้อผ้าหรือสิ่งอื่นๆ รวมถึงป้องกันสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าไปในแผล ผ้าก๊อซจะเป็นตัวช่วยซับเลือดและของเหลวจากแผล และช่วยให้แผลแห้งเร็วขึ้น แต่ไม่ควรปิดแผลทิ้งไว้นานเกินไป ควรเปลี่ยนผ้าก๊อซใหม่ทุกวันหรือเมื่อผ้าก๊อซเปียกชื้น

3. หลีกเลี่ยงการแกะเกล็ดแผล

การแกะเกล็ดแผลอาจทำให้แผลเปิดและติดเชื้อได้ ดังนั้นควรปล่อยให้เกล็ดแผลหลุดออกเองตามธรรมชาติ ซึ่งปกติแล้วเกล็ดแผลจะเริ่มหลุดหลังจากแผลแห้งและเริ่มตกสะเก็ดได้ประมาณ 3-7 วัน และจะหลุดออกเองทั้งหมดเมื่อแผลหายดี

4. รับประทานอาหารที่มีสารอาหารสำคัญ

รับประทานอาหารที่มีโปรตีน วิตามินซี และสังกะสี ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสมานแผล โดยโปรตีนจะช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย วิตามินซีจะช่วยในการสร้างคอลลาเจน และสังกะสีจะช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่

5. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเองอย่างเต็มที่ โดยควรนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อคืน

6. ดูแลความสะอาด

หมั่นล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังสัมผัสแผล และควรทำความสะอาดบริเวณรอบๆ แผลเป็นประจำเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

7. สังเกตอาการผิดปกติ

หากแผลมีอาการอักเสบ บวมแดง หรือมีหนอง ควรปรึกษาแพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อได้

ข้อควรระวัง

  • อย่าใช้น้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์ล้างแผลโดยตรง เพราะอาจทำให้แผลแห้งและระคายเคืองได้
  • อย่าปิดแผลด้วยพลาสเตอร์แบบปิดทึบ เพราะอาจทำให้แผลอับชื้นจนติดเชื้อได้
  • อย่าออกกำลังกายหนักหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้แผลเปียกชื้นและหายช้าได้
  • หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำหรือแช่ในน้ำจนกว่าแผลจะหายดี
  • หากแผลมีขนาดใหญ่หรือลึก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม