กล้ามเนื้อตึงอักเสบกินยาอะไร

18 การดู

ยาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์สำหรับบรรเทาอาการกล้ามเนื้อตึงอักเสบ ได้แก่ ยาแก้ปวดอย่างพาราเซตามอล ยาต้านการอักเสบอย่างแอสไพริน ไอบูโพรเฟน และไดโคลฟีแน็ก และยาคลายกล้ามเนื้ออย่างนอร์จีสิก

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

กล้ามเนื้อตึงอักเสบ: ยาอะไรช่วยได้บ้าง? ความรู้เบื้องต้นและการดูแลตัวเอง

อาการกล้ามเนื้อตึงอักเสบเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานกล้ามเนื้อมากเกินไป การอยู่ในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน การบาดเจ็บเล็กน้อย หรือแม้แต่ความเครียดสะสม อาการที่พบได้คือความรู้สึกปวดเมื่อย กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง และขยับเขยื้อนลำบาก

เมื่อเกิดอาการกล้ามเนื้อตึงอักเสบ หลายคนมักมองหายาที่สามารถบรรเทาอาการได้ทันที ซึ่งยาหลายชนิดสามารถหาซื้อได้เองตามร้านขายยาทั่วไป โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ (Over-the-counter drugs หรือ OTC drugs) บทความนี้จะให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับยาที่ใช้ในการบรรเทาอาการกล้ามเนื้อตึงอักเสบ รวมถึงข้อควรระวังในการใช้ยาและการดูแลตัวเองเพิ่มเติม

ยาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์สำหรับการบรรเทาอาการกล้ามเนื้อตึงอักเสบ:

  • ยาแก้ปวด (Analgesics):
    • พาราเซตามอล (Paracetamol): เป็นยาแก้ปวดที่ออกฤทธิ์ลดไข้ได้ด้วย แต่ไม่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เหมาะสำหรับอาการปวดเมื่อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
  • ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Nonsteroidal Anti-Inflammatory Drugs หรือ NSAIDs):
    • แอสไพริน (Aspirin): มีฤทธิ์แก้ปวด ลดไข้ และต้านการอักเสบ แต่ควรระวังการใช้ในผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคกระเพาะอาหาร
    • ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen): เป็น NSAIDs ที่นิยมใช้กันทั่วไป มีฤทธิ์แก้ปวด ลดไข้ และต้านการอักเสบ
    • ไดโคลฟีแน็ก (Diclofenac): เป็น NSAIDs ที่มีฤทธิ์แก้ปวดและต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพ แต่ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงมากกว่ายาตัวอื่น
  • ยาคลายกล้ามเนื้อ (Muscle Relaxants):
    • นอร์จีสิก (Norgesic): เป็นยาคลายกล้ามเนื้อที่ใช้บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มักมีส่วนผสมของยาแก้ปวดร่วมด้วย ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร

ข้อควรระวังในการใช้ยา:

  • อ่านฉลากยาอย่างละเอียด: ก่อนใช้ยาทุกชนิด ควรอ่านฉลากยาอย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจถึงขนาดและวิธีการใช้ยา รวมถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
  • ใช้ยาตามคำแนะนำ: ปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้ยาอย่างเคร่งครัด ไม่ควรเพิ่มขนาดยาเองโดยเด็ดขาด
  • ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร: หากมีโรคประจำตัว กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา
  • สังเกตอาการผิดปกติ: หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นหลังจากใช้ยา ควรหยุดใช้ยาและปรึกษาแพทย์ทันที
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาเกินความจำเป็น: การใช้ยาเกินความจำเป็นอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

การดูแลตัวเองเพิ่มเติม:

นอกจากการใช้ยาแล้ว การดูแลตัวเองเพิ่มเติมก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการบรรเทาอาการกล้ามเนื้อตึงอักเสบ:

  • พักผ่อน: พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ฟื้นตัว
  • ประคบเย็น/ประคบร้อน: ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังเกิดอาการ ให้ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม จากนั้นประคบร้อนเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ตึง
  • ยืดกล้ามเนื้อ: การยืดกล้ามเนื้อเบาๆ สามารถช่วยคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อได้
  • นวด: การนวดเบาๆ สามารถช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงได้
  • ออกกำลังกาย: การออกกำลังกายเบาๆ เป็นประจำจะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและยืดหยุ่น
  • ปรับเปลี่ยนท่าทาง: หากอาการเกิดจากการอยู่ในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน ควรปรับเปลี่ยนท่าทางให้ถูกต้อง

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์:

หากอาการกล้ามเนื้อตึงอักเสบรุนแรง ไม่ดีขึ้นหลังจากดูแลตัวเองและใช้ยา หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ชา อ่อนแรง หรือปวดร้าวลงขา ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

สรุป:

อาการกล้ามเนื้อตึงอักเสบสามารถบรรเทาได้ด้วยยาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ ควบคู่ไปกับการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ควรใช้ยาอย่างระมัดระวังและปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรหากมีข้อสงสัยหรือมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น การดูแลสุขภาพร่างกายและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการกล้ามเนื้อตึงอักเสบ