ค่าความดันคลายตัวคืออะไร

17 การดู

ความดันคลายตัว (Diastolic Pressure) คือค่าตัวเลขด้านล่างเมื่อวัดความดันโลหิต แสดงถึงความดันในหลอดเลือดแดงในขณะที่หัวใจคลายตัว ค่าปกติอยู่ระหว่าง 60-90 มิลลิเมตรปรอท

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ความดันคลายตัว: เบื้องหลังตัวเลขที่บอกสุขภาพหัวใจ

หลายครั้งที่เราไปตรวจสุขภาพ สิ่งหนึ่งที่เราต้องเผชิญหน้าคือการวัดความดันโลหิต ซึ่งมักจะมาพร้อมกับตัวเลขสองชุด เช่น 120/80 mmHg แล้วตัวเลขเหล่านั้นมีความหมายอย่างไร? เราคุ้นเคยกับ “ความดันตัวบน” หรือ “ความดันซิสโตลิก” (Systolic Pressure) ที่บ่งบอกถึงแรงดันขณะหัวใจบีบตัว แต่บ่อยครั้งที่เรามองข้าม “ความดันตัวล่าง” หรือ ความดันคลายตัว (Diastolic Pressure) ซึ่งเป็นตัวเลขที่สำคัญไม่แพ้กันในการประเมินสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของเรา

ความดันคลายตัวคืออะไรกันแน่?

ความดันคลายตัวคือตัวเลข “ด้านล่าง” ที่แสดงผลการวัดความดันโลหิต เช่น ในค่า 120/80 mmHg ตัวเลข 80 คือความดันคลายตัว ตัวเลขนี้บ่งบอกถึง แรงดันในหลอดเลือดแดงขณะที่หัวใจอยู่ในช่วงพัก หรือคลายตัว ระหว่างการเต้นแต่ละครั้ง ช่วงเวลาที่หัวใจคลายตัวนี้มีความสำคัญ เพราะเป็นช่วงที่หัวใจได้รับเลือดและสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงาน

ทำไมความดันคลายตัวจึงสำคัญ?

แม้ว่าความดันซิสโตลิกจะเป็นตัวบ่งชี้ความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดที่สำคัญ แต่ความดันคลายตัวก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน:

  • บ่งชี้ความยืดหยุ่นของหลอดเลือด: ความดันคลายตัวที่สูงเกินไป อาจบ่งบอกว่าหลอดเลือดแดงมีความยืดหยุ่นลดลง หรือแข็งตัวมากขึ้น ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือด
  • สะท้อนถึงการต้านทานในหลอดเลือด: ความดันคลายตัวที่สูงอาจบ่งชี้ว่ามีการต้านทานการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดส่วนปลาย ทำให้หัวใจต้องออกแรงมากขึ้นเพื่อดันเลือดผ่านไป
  • มีผลต่อการวินิจฉัยภาวะความดันโลหิตสูง: ในบางกรณี ผู้ป่วยอาจมีค่าความดันซิสโตลิกปกติ แต่มีค่าความดันคลายตัวสูง ซึ่งเรียกว่า “Isolated Diastolic Hypertension” ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม

ค่าความดันคลายตัวที่ “ปกติ” คือเท่าไหร่?

โดยทั่วไป ค่าความดันคลายตัวที่ “ปกติ” จะอยู่ระหว่าง 60-90 มิลลิเมตรปรอท (mmHg) อย่างไรก็ตาม ค่าที่เหมาะสมที่สุดอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุ สุขภาพโดยรวม และประวัติทางการแพทย์

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความดันคลายตัว:

  • อายุ: โดยทั่วไป ความดันคลายตัวมักจะสูงขึ้นตามอายุ เนื่องจากหลอดเลือดแดงเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น
  • น้ำหนัก: น้ำหนักเกินหรือภาวะอ้วน สามารถเพิ่มความดันโลหิตได้ทั้งค่าซิสโตลิกและไดแอสโตลิก
  • การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายเป็นประจำสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ทั้งสองค่า
  • อาหาร: การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูงและโพแทสเซียมต่ำสามารถเพิ่มความดันโลหิตได้
  • ความเครียด: ความเครียดเรื้อรังสามารถนำไปสู่ความดันโลหิตสูงได้
  • โรคประจำตัว: โรคบางชนิด เช่น โรคไต โรคเบาหวาน และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ สามารถส่งผลต่อความดันโลหิตได้
  • ยา: ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแก้หวัด และยาแก้ปวด สามารถเพิ่มความดันโลหิตได้

เมื่อไหร่ควรปรึกษาแพทย์?

หากค่าความดันคลายตัวของคุณอยู่นอกช่วงปกติ (ต่ำกว่า 60 mmHg หรือสูงกว่า 90 mmHg) ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรับคำแนะนำในการดูแลรักษาที่เหมาะสม การรักษาอาจรวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการจัดการความเครียด รวมถึงการใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์

สรุป

ความดันคลายตัวเป็นตัวเลขที่สำคัญในการประเมินสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของเรา การเข้าใจถึงความหมายและปัจจัยที่ส่งผลต่อความดันคลายตัว จะช่วยให้เราสามารถดูแลสุขภาพของเราได้อย่างเหมาะสม และป้องกันความเสี่ยงจากโรคหัวใจและหลอดเลือดในอนาคต